เมื่อวาน... มีเรื่องที่ทำให้ไม่สบายใจขึ้นมา ตอนแรกคิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ไม่ได้ใส่ใจ แต่พอกลับมาที่ห้องพัก พบว่าเรื่องที่เล็กน้อยนี้ มันรบกวนจิตใจจนไม่มี สมาธิที่จะทำงานอะไรเลย เมื่อมานั่งคิดใตร่ตรองถึงสาเหตุของความไม่สบายใจนี้ ก็พบว่ามันเกิดจากการที่เราทั้งสองฝ่าย คิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของตัวเองแต่เป็น ความผิดของอีกฝ่าย เมื่อต่างคนต่างไม่ยอมและโทษกัน เรื่องที่เล็กน้อยเลยบานปลาย ใหญ่โต เมื่อคิดอย่างนี้ ทำให้นึกถึงนิทานเกี่ยวกับเรื่องผ้าปูที่นอนของคนข้างบ้านที่อาจารย์เคยเล่าให้ฟังสมัยเรียนปริญญาโทที่ว่า
สมชายกับสมศรีเป็นสามีภรรยากัน เช้าวันหยุดวันหนึ่ง ขณะที่ทั้งคู่กำลังรับ ประทานอาหารเช้าอยู่นั้น สมศรีก็พูดขึ้นว่า “คุณพี่ดูข้างบ้านเราซิคะ แม่บ้านบ้านนั้น ซักผ้าปูที่นอนมาตาก แต่ไม่รู้ซักอย่างไรนะคะ ผ้ายังสกปรกมอมแมม ดูไม่สะอาดเลย ท่าทางจะเป็นแม่บ้านที่ใช้ไม่ได้เลยนะคะ”สมชายเงยหน้าขึ้นมองแล้วรับประทานอาหารต่อ
สัปดาห์ต่อมาทั้งคู่ก็เห็นข้างบ้านเอาผ้าปูที่นอนมาตากอีก สมศรีเห็นแล้วจึงพูดว่า “ต๊าย ตาย คุณพี่ดูสิคะ ไม่รู้ซักผ้าอย่างไร สกปรกมอมแมม ซักผ้าสกปรกอย่างนี้ ไม่อายคนอื่นบ้างหรืองัย น้องเดินไปบอกเค้าดีมั้ยคะ ว่าผ้าปูที่นอนของเค้าไม่สะอาด” สมชายจึงพูดว่า “อย่าเลย เดี๋ยวเค้าจะว่าเอา ไม่ใช่เรื่องของเราสักหน่อย”
เวลาผ่านไปอีกหลายสัปดาห์ สมศรีก็พบว่าคนข้างบ้านยังคงตากผ้าปูที่นอนที่ สกปรกมอมแมมอยู่ทุกสัปดาห์ จนมาถึงเช้าวันหนึ่ง สมชายได้ยินเสียงสมศรีตะโกน เรียกเสียงดังพร้อมพูดว่า “ว้าย ว้าย คุณพี่คะ สงสัยจะเกิดสิ่งมหัสจรรย์ขึ้นแล้วค่ะ ดู ผ้าปูที่นอนของคนข้างบ้านที่ตากไว้สิคะ วันนี้ดูขาวสะอาดน่าใช้ ไม่สกปรกมอมแมม เหมือนทุกสัปดาห์” สมชายจึงพูดขึ้นว่า “ความจริงแล้วผ้าปูที่นอนของเค้าก็ซักสะอาด ทุกสัปดาห์นั่นแหละ แต่ที่เธอเพิ่งจะเห็นว่ามันสะอาดวันนี้ เพราะพี่พึ่งจะเช็ดกระจก หน้าต่างบ้านเราให้สะอาดเมื่อเช้านี้เอง"
***** คนเรามักจะคิดว่าความผิดมาจากการกระทำของคนอื่นเสมอ”**********
นี่ล่ะค่ะมนุษย์
น่าคิดนะค่ะ