เราๆ ท่านๆ คงจะสงสัยว่า ฝรั่งหรือคนต่างชาติมองคนไทยอย่างไร...อาจารย์ ดร.กฤตินี ณํฏฐวุฒิสิทธิ์ท่านกล่าวถึงงานวิจัย "ยี่ห้อประเทศไทย (Branding Thailand)" ...
เราๆ ท่านๆ คงจะสงสัยว่า
ฝรั่งหรือคนต่างชาติมองคนไทยอย่างไร
ผู้เขียนมีโอกาสเดินทางไปทำบุญที่พม่าในเดือนมิถุนายน 2548
พระภิกษุอเมริกันรูปหนึ่งเคยอยู่เมืองไทย ต่อมาไปศึกษาเพิ่มเติมในพม่า
ท่านกล่าวว่า คนไทยมีความเป็นมิตร (friendly)
กับคนต่างชาติสูง
อาจารย์ ดร.กฤตินี
ณัฏฐวุฒิสิทธิ์ท่านกล่าวถึงงานวิจัย “ยี่ห้อประเทศไทย (Branding
Thailand)” ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างสถาบันศศินทร์
จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย กับวิทยาลัยการจัดการเคลล็อกก์ (Kellogg school
of management, Northwestern university)
งานวิจัยนี้เริ่มทำตั้งแต่อาจารย์ท่านศึกษาต่อปริญญาเอกปีที่ 3
ทำกันหลายรูปแบบ ทั้งการสัมภาษณ์กลุ่ม สัมภาษณ์เดี่ยว
และการวิจัยเชิงปริมาณอีกกว่า 30
ประเทศผ่านเครือข่ายศิษย์เก่าเคลล็อกก์
อาจารย์ท่านกล่าวว่า
ฝรั่งหรือคนต่างชาติมองคนไทยในมิติ 2 มิติได้แก่ สถานที่ (place)
และคน (people) ดังต่อไปนี้...
- สถานที่:
สถานที่ในสายตาคนต่างชาติมี 2 มิติได้แก่ สถานที่ที่มีสีสันตื่นเต้น
(colorful place) ตัวอย่างเช่น คนไทยมีฐานะความเป็นอยู่แตกต่างกันมาก
แต่ก็มีความยืดหยุ่น (flexible) ยอมรับในความแตกต่าง ปรับตัวได้
และอยู่ร่วมกันได้อย่างผ่อนคลาย (relaxed living) และสถานที่งดงาม สงบ
ร่มเย็น (peaceful place) เช่น บรรยากาศริมน้ำ วัดวาอาราม ฯลฯ
ธุรกิจที่ควรเน้นความสงบ ร่มเย็น เช่น ร้านอาหารไทย สปา
ฯลฯ
-
คน:
คนไทยในสายตาคนต่างชาติมี 2 มิติได้แก่
ผู้คนที่ทำมาหากินอย่างกระฉับกระเฉง (dynamic living) เช่น
รถเข็นข้างถนน ฯลฯ และผู้คนที่อยู่อย่างเรียบง่าย สบายๆ
จุดเด่นที่เขามองคือ “ความรู้สึกสนุกสนาน (fun)”
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย มีการเฉลิมฉลองและเทศกาลมากมาย และ
“ความเป็นมิตร (friendly)” ตัวอย่างเช่น
คนไทยที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ก็ยังมีน้ำใจ พยายามใช้ภาษามือ
หรือให้ความช่วยเหลือคนต่างชาติ ฯลฯ ธุรกิจที่ควรเน้นความเป็นมิตร
เช่น โครงการพักตามบ้าน (home stay) ฯลฯ
- คนไทยมีดีที่ 4F:
ภาพรวมของคนไทยในสายตาคนต่างชาติมีลักษณะสำคัญรวมเป็น
“4F” ได้แก่ fun (สนุกสนาน), fulfilling
(มีความสามารถในการบริการจนเกิดความพึงพอใจและมีความสุข), friendly
(มีความเป็นมิตร), flexible (มีความยืดหยุ่น ปรับตัวได้)
เรื่องนี้น่าสังเกตว่า จุดเด่นของความเป็นไทยอยู่ที่คนไทย
(peopleware) มากกว่าสถานที่หรือวัตถุสิ่งของ (hardware)
ใครที่จะทำอะไรกับคนไทยด้วยกันคงต้องพิจารณาว่า
คนไทยไม่ชอบอะไรที่ดูเคร่งเครียด หรือเถนตรงมากเท่ากับอะไรที่สนุก
หรือยืดหยุ่นได้
- คนไทยชอบคนอย่างไร:
ชีวิตผู้เขียนมีโอกาสพบครูบาอาจารย์ดีๆ มากมาย
ครูภาษาไทยของผู้เขียนท่านหนึ่งสอนว่า คนไทยชอบคนที่มีสัมมาคารวะ
รู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน รู้จักกาละเทศะว่า เมื่อไหร่ควรจะกล่าวคำ
“ขอบคุณ ขอบใจ และขอโทษ” และกล่าวคำ 3 คำนี้ได้ถูกกาละเทศะ
ท่านผู้อ่านคงจะเคยเห็นผู้หลักผู้ใหญ่หลายท่านที่ปากหนัก พูดคำ 3
คำนี้ไม่ค่อยเป็น โดยเฉพาะคำ “ขอโทษ” นี่ยิ่งใหญ่ยิ่งพูดไม่เป็น
การรู้จักเป็นฝ่ายผิด
และขอโทษบ้างเป็นบางครั้งทำให้ดูน่ารักน่าเคารพมากขึ้นเยอะเลย
ลองดูนะครับ...
-
คนต่างชาติคาดหวังอะไร:
ผู้เขียนเชื่อว่า
สิ่งที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกคาดหวังได้แก่ “เอกลักษณ์
(uniqueness)” คาดหวังที่จะพบเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร เช่น
อินเดียมีส่าหรี ลาวมีผ้าซิ่น พม่ามีโสร่งและผ้าซิ่น ญี่ปุ่นมีกิโมโน
ฯลฯ น่าเสียดายที่คนไทยไม่มีชุดประจำชาติที่ใช้การได้ในชีวิตประจำวัน
แม้แต่ชุดหม้อฮ่อมก็มีใช้กันน้อย เรื่องนี้น่าจะมีส่วนทำให้เกิดภาวะ
“การเจือจางของยี่ห้อไทย (Thai brand dilution)”
หรือทำให้นักท่องเที่ยวมองว่า คนไทยเป็นชาติที่ขาดเอกลักษณ์
ถ้ามีการประกวด และส่งเสริมชุดประจำชาติที่ใช้การได้จริง เช่น
เหมาะกับสภาพอากาศร้อนชื้น ซักและตากให้แห้งได้ง่าย
ใช้ผ้าพื้นเมืองหรือผ้าราคาถูกได้ มีชุดไทยให้เลือกหลายชุด
มีสีให้เลือกใช้หลายสี โดยเฉพาะสีสุภาพหรือสีขาว ฯลฯ ถ้าส่งเสริมให้มีนวัตกรรมที่เป็นเอกลักษณ์
หรือทำให้เกิดแฟชั่นแบบไทยขึ้นได้ "ความเป็นไทย"
ก็น่าจะเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วโลกไปอีกนาน...
แหล่งข้อมูล:
-
- ขอขอบคุณ > อาจารย์ ดร.กฤตินี ณัฏฐวุฒิสิทธิ์. Marketing
weapon: ไทยในใจเทศ. กรุงเทพธุรกิจ BizWeek. 6-12 มกราคม 2549. หน้า
C6. (source: Sasin Journal of Management, Vol.9, No.1. 2003).
- นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ ศูนย์มะเร็งลำปาง จัดทำ > ๙ มกราคม
๒๕๔๙.