คนไทย กินผักผลไม้พอหรือไม่


คนไทยกินผักผลไม้วันละ 275 กรัม หรือ 2.75 ขีด น้อยกว่ามาตรฐานสากลที่แนะนำให้กินผักผลไม้อย่างต่ำวันละ 5 ทัพพี หรือ 400 กรัม (4 ขีด)

<p>พวกเราคงจะได้ยินได้ฟังเรื่องเมืองไทยเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำ ทำให้คิดว่า คนไทยคงจะกินผักผลไม้กันมากกว่าฝรั่ง วันนี้มีข้อมูลดีๆ มาฝากครับ...</p>

ท่านอาจารย์สง่า ดามาพงษ์ โฆษกกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า คนไทยกินผักผลไม้วันละ 275 กรัม หรือ 2.75 ขีด น้อยกว่ามาตรฐานสากลที่แนะนำให้กินผักผลไม้อย่างต่ำวันละ 5 ทัพพี หรือ 400 กรัม (4 ขีด)

การกินผักผลไม้อย่างต่ำวันละ 5 ทัพพี หรือ 400 กรัมมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งได้ 20% นอกจากนั้นยังได้เส้นใย(ไฟเบอร์)ที่ช่วยป้องกันโรค เช่น โรคอ้วน โรคอ้วนลงพุง มะเร็งลำไส้ใหญ่ ช่วยลดไขมันในเลือด(โคเลสเตอรอล) ฯลฯ

อาจารย์สง่ากล่าวว่า คนไทยดื่มน้ำเปล่าน้อยลง ดื่มน้ำผลไม้เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลทำให้ได้รับน้ำตาลเพิ่มขึ้น การดื่มน้ำผลไม้มีประโยชน์น้อยกว่าการกินผลไม้ทั้งผล เนื่องจากผลไม้ทำให้อิ่มได้นานกว่า ให้เส้นใย(ไฟเบอร์)มากกว่า

การศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า การกินผักผลไม้อย่างน้อยวันละ 5 ส่วนบริโภคป้องกันมะเร็งได้อย่างต่ำ 30% (ไม่ใช่ 20%) และจะป้องกันโรคได้อย่างกว้างขวางถ้าออกกำลังเป็นประจำร่วมด้วย...

1 ส่วนบริโภคเท่ากับอะไร...

  • 1 ทัพพีตักข้าว
  • 1 หลอดไฟฟ้าชนิดมีไส้
  • 1 ฝ่ามือไม่รวมนิ้วมือ
  • 1 แผ่น CD
  • กล้วยขนาดกลาง 1 ผล

คนไทยจะมีสุขภาพดีขึ้นถ้าปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตง่ายๆ ดังต่อไปนี้...

  • ดื่มน้ำเปล่า หรือน้ำชาไม่เติมน้ำตาล...
  • ถ้านอนหลับยาก... ควรงดกาแฟหลังเที่ยงวัน หรือก่อนนอนอย่างน้อย 8 ชั่วโมง และงดชาก่อนค่ำ(ชามีกาเฟอีนหรือคาเฟอีนต่ำกว่ากาแฟ)

  • ลดปริมาณเครื่องดื่มเติมน้ำตาล และน้ำผลไม้ให้น้อยลง
  • เปลี่ยนข้าวขาวเป็นข้าวกล้อง หรือขนมปังขาวเป็นขนมปังข้าวสาลีไม่ขัดสี (โฮลวีทสีรำ)

  • กินผักและผลไม้ทั้งผลรวมกันอย่างน้อยวันละ 5 ทัพพี 5 สี... การกินผักผลไม้หลายๆ สีช่วยให้ได้สารต้านอนุมูลอิสระ (แอนตี้ออกซิแดนท์) หลากหลายชนิดมาเสริมแรงกันได้เต็มที่
  • ออกกำลังอย่างน้อยเทียบเท่าการเดินเร็ววันละ 30 นาที ถ้าอ้วนหรืออ้วนลงพุง (เส้นรอบเอวมากกว่า 90 เซนติเมตรในผู้ชาย หรือ 80 เซนติเมตรในผู้หญิง) ควรออกกำลังเพิ่มเป็นอย่างน้อยเทียบเท่าการเดินเร็ววันละ 60 นาที

  • ถ้าอายุน้อยกว่า 25 ปี เครียดง่าย นอนหลับยาก หรือนอนหลับๆ ตื่นๆ... ควรออกกำลังอย่างน้อยเทียบเท่าการเดินเร็ววันละ 60 นาที หรือออกกำลังหนักหน่อย เช่น วิ่งเหยาะ(จอกกิ้ง)คราวละ 20-30 นาทีวันเว้นวัน ฯลฯ
  • ควรออกกำลังแบบตะวันออก เช่น รำกระบองชีวจิต รำกระบองคุณป้าบุญมี(โปรดดูในวารสารหมอชาวบ้าน) มวยจีน ชี่กง-ไทเก็ก โยคะ ฯลฯ อย่างน้อยคราวละ 20 นาที สัปดาห์ละ 2 ครั้งขึ้นไป เพื่อคลายเครียด และเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค

ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดี มีโอกาสกินอาหารที่ดีกับสุขภาพ และออกกำลังเป็นประจำครับ

<p>ข่าวประกาศ...                                                  </p>

ข่าวประกาศ...                                                  

  • บล็อก "บ้านสุขภาพ" มีนโยบายที่จะไม่ตอบปัญหาสุขภาพ เนื่องจากผู้เขียนมีงานมาก อินเตอร์เน็ตลำปางช้า+หลุดบ่อย และใช้เวลาเตรียมเขียนเรื่องใหม่+แก้ไขคำหลัก (keywords) ย้อนหลัง

ขอแนะนำ...                                                    

  • รวมเรื่องสุขภาพ > "ผักผลไม้"
  • [ Click - Click ]
  • รวมเรื่องสุขภาพ > "อนุมูลอิสระ / แอนตี้ออกซิแดนท์"
  • [ Click - Click ]
  • รวมเรื่องสุขภาพ > "อาหารสุขภาพ / โภชนาการ"
  • [ Click - Click ] 
  • ขอแนะนำบล็อก > "บ้านสาระ"
  • http://gotoknow.org/blog/talk2u

    แหล่งที่มา:                                      

</span><ul>

  • ขอขอบพระคุณ > ท่านอาจารย์โลกโศภิน > กินผลไม้สดเหนือกว่าน้ำผลไม้คั้น ลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งได้ 20% > ไทยรัฐ > 31 กรกฎาคม 2550. หน้า 7.ล
  • ข้อมูลและการอ้างอิงในบล็อก บ้านสุขภาพ มีไว้เพื่อส่งเสริมสุขภาพ และป้องกันโรค ไม่ใช่เพื่อการรักษาโรค
  • ท่านที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาหมอที่ดูแลท่านก่อนนำข้อมูลไปใช้
  • ขอขอบพระคุณ > อาจารย์เทวินทร์ อุปนันท์ และทีม IT โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี
  • ขอขอบพระคุณ > อาจารย์ ณรงค์ ม่วงตานี และอาจารย์เทพรัตน์ บุณยะประภูติ IT ศูนย์มะเร็งลำปาง
  • นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ จัดทำ > 4 สิงหาคม 2550.
  • </ul></font></span></span></span></span></span></span></span></span></span></span></font></span></span>

    หมายเลขบันทึก: 116753เขียนเมื่อ 4 สิงหาคม 2007 11:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:13 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


    ความเห็น (0)

    ไม่มีความเห็น

    ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท