เนื่องจากหัวข้อเรื่องวิทยานิพนธ์ที่ได้มาจากแหล่งต่าง ๆ มักจะมีลักษณะกว้าง ๆ และไม่สามารถชี้ถึงจุดสำคัญของหัวข้อเรื่องที่จะทำวิทยานิพนธ์ นิสิต นักศึกษาจำเป็นจะต้องตั้งชื่อเรื่องให้ผู้อ่านได้ทราบเนื้อหาสาระของการวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ สั้น กระทัดรัดและได้ใจความสำคัญ ซึ่งการตั้งชื่อเรื่องเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งที่นิสิต นักศึกษา เจอว่าจะเริ่มต้นอย่างไรก่อนหลัง เพราะการตั้งชื่อเรื่องถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการทำวิทยานิพนธ์ ถ้าชื่อที่ตั้งมีความถูกต้องตามหลักวิชาการ มีความน่าสนใจ ไม่ซ้ำกับคนอื่น ถือเป็นการทำวิทยานิพนธ์สำเร็จไปแล้ว 20 % โดยทั่วไปการตั้งหัวเรื่องวิทยานิพนธ์ให้ชัดเจน ทำได้ ต้องคำนึงสาขาที่ศึกษา ลักษณะของประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ลักษณะการเก็บรวบรวม ข้อมูลและการกำหนดประเด็นสำคัญของการวิจัย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
1. สาขาวิชาที่ศึกษา การตั้งชื่อหัวข้อเรื่องวิทยานิพนธ์ควรมีความเกี่ยวกับสาขาที่ตนศึกษา ตัวอย่าง ถ้านิสิต นักศึกษาเรียนสาขาเทคโนโลยีการศึกษา ชื่อเรื่องควรมีความเกี่ยวข้อง เช่น แนวทางการพัฒนาการเรียนการสอนทางอิเล็กทรอนิกส์(e-Learning)สำหรับสถาบันอุดมศึกษาในประเทศไทย (สังคม ภูมิพันธุ์และคณะ,2549) ถ้าเป็นทางบัญชีและการจัดการ เช่น ความพึงพอใจของผู้ใช้บริการร้านค้าสะดวกซื้อในเขตจังหวัดมหาสารคาม ซึ่งนิสิต นักศึกษาพิจารณาชื่อเรื่องที่ตั้งแล้วจะพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับสาขาที่ตนศึกษา กรณีชื่อแรก ทฤษฏีที่นำมาประกอบ คือ การจัดการเรียนการสอนทางอิเล็กทรอนิกส์(e-Learning)การผลิตสื่อการเรียนการสอนบนเครือข่าย การประเมินสื่อ ซึ่งล้วนเป็นเนื้อหาทางเทคโนโลยีการศึกษาทั้งสิ้น เรื่องที่สอง ทฤษฏีที่นำมาประกอบ คือ ทฤษฏีการสร้างแรงจูงใจในการซื้อ ทฤษฏีความพึงพอใจ และการบริการการขาย เป็นทฤษฎีในสาขาที่เกี่ยวข้อง อีกประการหนึ่ง จากชื่อเรื่องทั้งสอง พบว่า การตั้งชื่อเรื่องก็คือการตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบโดยใช้กระบวนการวิจัยนั้นเอง และถ้าดูส่วนประกอบของชื่อเรื่อง โดยส่วนมากแล้วจะบ่งชี้ถึงสาขาที่เรียนอย่างชัดเจน
2. ลักษณะของการเก็บรวบรวมข้อมูล การตั้งชื่อวิทยานิพนธ์สามารถใช้ลักษณะการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งของหัวข้อเรื่องวิทยานิพนธ์ โดยเฉพาะการวิจัยเชิงทดลองหรือกึ่งทดลอง ถ้านิสิต นักศึกษาอ่านงานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์หลายเรื่อง จะพบว่า ชื่อเรื่องจะบ่งชี้วิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลอย่างชัดเจน ตัวอย่างเช่น การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้ของนักเรียนวิชาเคมีชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เรื่อง พันธะเคมี ระหว่างนักเรียนที่เรียนด้วยบทเรียนคอมพิวเตอร์กับการสอนแบบปกติ จากชื่อเรื่องแสดงว่า จะมีการเก็บรวบรวมข้อมูล 2 ครั้ง คือก่อนเรียนและหลังเรียนของแต่ละวิธี แล้วนำมาเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แสดงให้เห็นว่าลักษณะของการเก็บรวบรวมข้อมูลจะเป็นส่วนหนึ่งของชื่อเรื่อง ที่นิสิต นักศึกษาตั้งขึ้นนั่นเอง หรือจะเป็นเรื่องความพึงพอใจของผู้ใช้การบริการโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ลักษณะการเก็บรวบรวมข้อมูลคือจะเก็บข้อมูลจากผู้ใช้บริการ โดยแบบสอบถามหรือแบบสัมภาษณ์
3. ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง การตั้งชื่อเรื่องวิทยานิพนธ์ นิสิต นักศึกษาสามารถใช้กลุ่มประชากรหรือกลุ่มตัวอย่างมาเป็นส่วนหนึ่งของหัวข้อเรื่องวิทยานิพนธ์ได้ ตัวอย่างเช่น เจตคติต่อวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนคำชะอีวิทยาคาร อำเภอคำชะอี จังหวัดมุกดาหาร หรือพฤติกรรมการเลือกชมภาพยนตร์ของประชาชนในเขตอำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคามและพฤติกรรมการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของชนเผ่าภูไท อำเภอหนองสูง จังหวัดมุกดาหาร จากตัวอย่างจะเห็นได้ว่า มีกำหนดกลุ่มประชากรหรือกลุ่มตัวอย่างอย่างชัดเจนว่า เป็นใคร ที่ไหน อย่างไหร่ นอกจากนี้ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่า ชื่อเรื่องวิทยานิพนธ์จากงานวิจัยและวิทยานิพนธ์โดยทั่วไปแล้ว จะระบุกลุ่มประชากรอย่างชัดเจน ดังนั้นการตั้งชื่อเรื่อง นิสิต นักศึกษาควรระบุกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน ว่าจะศึกษากับใคร(WHO) ที่ไหน(WHERE) เพื่อเป็นกรอบในการทำวิทยานิพนธ์
4. ประเด็นสาระสำคัญของวิทยานิพนธ์ การตั้งชื่อเรื่องวิทยานิพนธ์ นิสิต นักศึกษาสามารถนำเอาประเด็นต่าง ๆ ที่สำคัญของงานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ที่พบจากบทความในวารสารหรือเอกสารมาวิเคราะห์และจำแนกเป็นหัวข้อเรื่องวิทยานิพนธ์ได้ ตัวอย่างเช่น นิสิต นักศึกษาจะศึกษาเรื่องความรู้ทางวิทยาศาสตร์ นิสิต นักศึกษาก็อาจจะนำหัวข้อมาแยกหรือแตกประเด็นหรือตั้งเป็นหัวข้อเรื่องได้เช่นเดียวกัน อาจจะเป็นหัวข้อเรื่อง ความรู้ เจตคติเชิงวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายในจังหวัดมหาสารคาม เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ขอบเขตหัวข้อเรื่องวิทยานิพนธ์มีความชัดเจนมากขึ้น
5. การกำหนดหัวข้อเรื่องวิทยานิพนธ์ที่เคยทำมาแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งที่มีความสำคัญมากคือ ชื่อเรื่องที่ตั้งขึ้นจะต้องไม่ซ้ำกับงานวิจัยหรือวิทยานิพนธ์ที่ผู้อื่นเคยศึกษามาแล้ว ซึ่งในทางปฏิบัติการศึกษางานวิจัยในเรื่องเดียวกันสามารถกระทำได้ แต่การตั้งชื่อเรื่องซ้ำกันนั้นไม่นิยมทำกันอย่างที่สุดก็คือทำในเวลาต่างกัน กลุ่มเป้าหมายต่างกัน แต่กรณีที่นิสิต นักศึกษาจะทำการศึกษาค้นคว้าควรเพิ่มเติมปีที่ดำเนินการวิจัยหรือตั้งชื่อเพิ่มเติมหน้าหรือต่อท้ายชื่อเรื่อง ว่าเป็นการศึกษาอะไรเพิ่มเติม เป็นปีที่เท่าใด
การตั้งชื่อเรื่องนิสิต นักศึกษาอาจจะตั้งตามสาขาที่ศึกษา ตามลักษณะการเก็บรวบรวมข้อมูล ตามประชากร หรือประเด็นสาระสำคัญ แต่อย่างไรก็ตามการตั้งชื่อเรื่องไม่จำเป็นต้องเลือกลักษณะใดลักษณะหนึ่ง แต่นิสิต นักศึกษาควรใช้หลายลักษณะ แล้วแต่ตามความเหมาะสม เพราะชื่อเรื่องวิทยานิพนธ์จะบ่งชี้องค์ประกอบหลายอย่าง เช่น บ่งบอกสาขาที่ศึกษา บ่งบอกพื้นฐานความรู้ของผู้วิจัย บ่งบอกกลุ่มประชากร บ่งบอกลักษณะการเก็บรวบรวมข้อมูล บ่งบอกสถิติที่จะใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล นอกจากนี้ชื่อเรื่องที่ตั้งขึ้นต้องมีความน่าสนใจ ความเด่นเฉพาะของเรื่องที่จะศึกษา แต่ต้องไม่ยาว ไม่สั้นเกินไป ชื่อเรื่องที่ดีต้องสั้น กระทัดรัดและได้ใจความ และที่สำคัญหัวข้อวิทยานิพนธ์จะต้องครอบคลุมหรือบ่งชี้สาระสำคัญของเรื่องที่ศึกษาอย่างชัดเจนไม่มีความเห็น