ผมนั่งคิดอยู่สักพักหลังรับฟังข้อมูลที่หลากหลาย คล้ายๆ ว่าต่างฝ่ายของวิทยากรต่างช่วยสร้างแนวคิดและแผนงานเพื่อพัฒนาล้อเข็นแก่คนพิการไทย ด้วยเทคโนโลยี วิศวกรรม แพทย๋เวชศาสตร์ฟื้นฟู ช่างล้อเข็นพิการที่อุทิศตัวเพื่อช่วยคนพิการ กิจกรรมบำบัดชุมชน เป็นต้น
แต่สุดท้าย ทุกๆโครงการที่เป็นต้นแบบที่น่าสนใจ ก็ต้องประสบปัญหาเรื่อง เงินทุนและการสนับสนุนจากหน่วยงานของรัฐหรือเอกชน ในแง่ของการตลาด ที่นายทุนน้อยรายจะมองความต้องการของกลุ่มคนพิการด้วยคุณธรรม หากแต่มองเพียงรายได้ต่อปริมาณกลุ่มคนพิการที่สามารถซื้อล้อเข็นที่มีราคาแปรเปลี่ยนตามคุณภาพของการใช้
เสียงสะท้อนจากกลุ่มคนพิการในระดับสากล ก็เน้นว่า เทคโนโลยีพัฒนาล้อเข็นให้ปรับยืนได้อย่างไร ก็อาจไม่สามารถนำมาใช้กับสิ่งแวดล้อมที่เป็ยอุปสรรคในเมืองไทยได้ เช่น ทางลาดที่มีรถจอดหรือถังขยะเทศบาลวางกีดขวาง ทางสำหรับคนตาบอดที่พังและไม่ต่อเนื่อง จะว่าไปแล้วบ้านเมืองเราต่างคนต่างสร้างโดยไม่ได้มีการวางแผนพูดคุยในระดับผู้เชี่ยวชาญจนถึงผู้ปฏิบัติการ
คนพิการไทยเองก็พยายามดิ้นรนเพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติทางสังคมให้เข้าใจวิถีการปรับปรุงสิ่งแวดล้อม ไม่เพียงแค่ล้อเข็น เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนพิการเหล่านี้ หลายๆผู้เชี่ยวชาญพยายามสร้างผลงานเทคโนโลยีที่อาจกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทัศนคติทางสังคม
แต่ผมในฐานะดอกเตอร์คนใหม่ที่อยากช่วยเหลือสังคมก็พยายามคิดว่าจะทำตัวอย่างไรที่จะใช้ความรู้ความสามารถแก่คนพิการเหล่านี้ ยอบรับว่า "มืดมนเหลือเกิน" เพราะแค่ฟังผู้เชี่ยวชาญในวันนี้ก็ต้องต่อสู้กับปัญหามากมายและต้องพ่ายแพ้ต่ออุปสรรคของ "นโยบายและเงินทุนเพื่อการใช้เทคโนโลยีมาช่วยคนพิการจากรัฐบาลไทย"
เพื่อนผู้อ่านคิดว่าจะตอบคำถามของผมตามชื่อบันทึกได้ไหมครับ
ไม่มีความเห็น