นินทากาเล


  • อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
  • ไม่ชอกช้ำเหมือนนำมีดมากรีดหิน

    แม้องค์พระปฏิมายังราคิน

    คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา

    จากบทประพันธ์  พระอภัยมณี

สุนทรภู่  มหากวีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์  ผู้สร้างสรรค์งานวรรณกรรมไทยมากมาย   จนเป็นที่ยอมรับกันทั่วไป   และในวรรณกรรมของท่านกวีเอกผู้นี้มักแฝงไปด้วยหลักธรรมในพุทธศาสนา

วันนี้คนเขียนหยิบยกผลงานของกวีเอกท่านนี้มาสอนใจตัวเอง    ว่า    การติฉินนินทานั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเจอเจอ    ในพุทธศาสนาสอนไว้ว่า  การนินทาและสรรเสริญนั้นเป็นธรรมคู่กับโลก    จึงเรียกว่า " โลกธรรม 8 "    อันมี 8 ประการ  ได้แก่   มีนินทา   มีสรรเสริญ   มีสุข    มีทุกข์   มียศ   มีเสื่อมยศ   มีลาภ   มีเสื่อมลาภ    ซึ่งเราหนีมันไม่พ้น   จึงไม่ควรยึดมั่นในสิ่งเหล่านี้

ในระยะเวลามากกว่า 5 ปี ที่ได้โลดแล่นอยู่ในโลกไซเบอร์นั้น    คนเขียนได้เรียนรู้อะไรมากมาย    ได้รู้จักมิตรสหายต่างวัย    ได้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาก็เยอะ    สิ่งหนึ่งที่ได้ประสบมาโดยตลอดก็คือ " คำติฉินนินทาว่าร้าย "   

จากที่ค่อนข้างเป็นที่รู้จักและรักเอ็นดูของคนกลุ่มหนึ่ง    และแล้วเมื่อเวลาผ่านไป คนเขียนก็พบว่าไม่ค่อยมีใครอยากจะพูดคุยหรือคบหากับคนเขียน    บางทีก็เจอกับตัวเองจัง ๆ ถึงขนาดเพื่อนต้องเซฟข้อความบทสนทนานั้นมาให้อ่าน    มีคนนินทาว่าคนเขียนต้องให้เพื่อนเลี้ยงข้าวทุกมื้อ   หรือไม่ก็ค่าเทอมน้องสาวก็ต้องให้เพื่อนคนนี้ออกให้    เพื่อนกับคนเขียนมองหน้ากันแล้วก็มองให้เป็นเรื่องขำขัน    ก็คนเขียนมีน้องสาวเสียเมื่อไหร่ล่ะเนี่ย    และค่าอาหารก็ผลัดกันจ่ายหรือไม่ก็ออกกันคนละครึ่งเสมอ   

บางวันก็มีพี่ ๆ โทรมาถามเฉยเลยว่า " มีคนถามว่า zodiac นิสัยไม่ดี  แล้วทำไมพี่ยังคงคบอยู่ "    แรก ๆ ก็ได้แต่งง    พอตั้งหลักได้ก็ตอบไปว่า   ค่ะ  แต่ละคนก็อายุ 40 ไม่มากหรือน้อยไปกว่านี้สักเท่าไหร่    ทุกคนก็มีวุฒิภาวะและสมองไว้คิดน่ะค่ะ    ว่าใครดีหรือไม่ดีอย่างไร

เคยมีเวบของตนเอง    ซึ่งนับว่าเป็นความผิดพลาดอย่างแรงที่ตัดสินใจทำไป    มีแต่ปัญหาวุ่นวายตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มทำ    ทั้งการโกหก  การหลอกลวง   จนทำให้คนเขียนเสียความเชื่อมั่นไปพักใหญ่ ๆ    บางครั้งก็เป็นเรื่องที่สร้างความเสียหายแก่คนเขียนมิใช่น้อย    สิ่งเหล่านี้ก็เข้ามากระทบเป็นระลอก ๆ  และต้องคอยรับมือกับเรื่องแบบนี้จนรู้สึกเบื่อหน่ายในที่สุด

ด้วยเจอกับปัญหาการนินทาว่าร้ายและกล่าวร้ายนี้จนแทบจะเป็นประจำวัน   เพราะฉะนั้นเพื่อนเลยตั้งระบบเซฟข้อความบทสนทนาอัตโนมัติ    พอมีคนว่าร้ายหรือนำคำพูดของคนเขียนไปกล่าวอ้างด้วยเจตนาหวังร้ายต่อคนเขียน    ก็จะมีหลักฐานมายืนยันได้

เมื่อแรกเจอกับเหตุการณ์เหล่านี้ก็ได้แต่เสียใจ  ไม่เข้าใจ  และพยายามหาเหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงได้ทำกับคนเขียนแบบนี้    แต่ละคนที่พูดจากล่าวร้ายคนเขียนก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิมากกว่า    บ้างก็เป็นมิตรสนิท    จึงรู้สึกบั่นทอนจิตใจมิใช่น้อย 

แต่พอได้คิดและพิจารณาแล้ว   ในโลกไซเบอร์ที่มีผู้คนมากมายซึ่งเป็นผู้ที่มีความคิดและวิถีการใช้ชีวิตตลอดจนรากเหง้าการอบรมเลี้ยงดูต่างกัน    เพราะฉะนั้นจิตใจและความรู้สึกนึกคิดก็ย่อมจะแตกต่างกันไปโดยปริยาย    จากที่รับกับสถานการณ์นี้ไม่ได้    ก็ได้พิจารณาถึงคำสอนของพระพุทธเจ้า  ที่ว่า  จงอย่าสนใจทั้งคำนินทาและสรรเสริญ เขาสรรเสริญเราว่าดี อย่าหลงคำสรรเสริญ ถ้าหลงคำสรรเสริญ จะตกอยู่ในความประมาท เขานินทาว่าเราเลว ก็อย่าไปกลุ้มใจกับคำนินทา คำว่าดีหรือชั่วมันอยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ผลการปฏิบัติ

การถูกนินทาเป็นเรื่องธรรมดา    ถ้าเขานินทาแล้วเราไม่ดีตามที่เขาพูดก็ให้นำไปแก้ไข    แต่ถ้าในสิ่งนั้นที่เขาพูดเราไม่ได้ทำ    ก็ให้เมตตาเขาเพราะเขารู้ไม่จริง    ไม่ต้องถือโกรธเขาเหล่านั้น   คิดแบบนี้ก็ อื้มมมมมมม รู้สึกดีได้ค่ะ  (( ถึงแม้ว่าบางครั้งในใจนึกอยากจะตบกระโหลกคนนินทาจนปลิ้นก็เถอะ  แฮ่ะ ๆ ๆ ))

 

หมายเลขบันทึก: 115304เขียนเมื่อ 28 กรกฎาคม 2007 16:04 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2012 01:46 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (38)
  • ให้ทุกข์แก่ท่าน...ทุกข์นั้นถึงตัว
  • ให้สุขแก่ท่าน....สุขนั้นคืนตน...สาธุ

สวัสดีครับคุณ เนปาลี

ยังไม่ได้มีโอกาสทักทายครับ แวะเข้ามาเยี่ยมและขอเพิ่มเข้า แพลนเน็ตด้วยครับ และมีข้อความมาฝากครับ

“ห้ามไฟไว้ไม่ให้ มีควัน

ห้ามสุริยจันทร์ ส่องไซร้

ห้ามอายุให้หัน คืนเล่า

ห้ามดั่งนี้ไว้ได้ จึ่งห้ามนินทา”

จึงไปตามที่คุณว่าไว้ว่า "การถูกนินทาเป็นเรื่องธรรมดา..." http://gotoknow.org/blog/mrschuai/114211

ขอบคุณมากครับ สนุกในการทำงานนะครับ

  • สวัสดีค่ะ  คุณน่านฟ้าทะเลลม ..

ค่ะ  ก็ได้แต่คิดน่ะค่ะ  ว่า  ให้ทุกข์แก่ท่าน..ทุกข์นั้นถึงตัว    ความจริงก็คือความจริง    สักวันความจริงก็จะเฉลยเรื่องราวทั้งหมดเอง   โดยที่เราไม่ต้องทำอะไร

ขอบคุณค่ะที่เข้ามาเยือน

  • สวัสดีค่ะ  คุณเม้ง ..

ยินดีที่แวะมาเยือนกันค่ะ  

การถูกนินทาเป็นเรื่องธรรมดาจริง ๆ ค่ะ   อันเป็นกรรมของสัตว์โลก  เอ๊ย!!  ผู้ที่ถูกนินทาหรือพาดพิง

ขนาดทำนิ่งเฉยก็ยังเหนื่อยเหมือนกันค่ะ     ได้แต่คิดว่าทำไมอีกฝ่ายถึงไม่เหนื่อยบ้างหรืออย่างไรนะ     ใจหนึ่งก็อยากตอบโต้   แต่มาคิดดูอีกที   ตอบโต้ไปก็จะบานปลายกันใหญ่    เอาเป็นว่าเรารู้ตนเองก็พอ เนอะคะ

ขอบคุณค่า

สวัสดีครับ

ใช่แล้วครับผม ผมว่าทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามกฏแห่งกรรมครับ หากระบบขาดภาวะสมดุล ระบบจะประท้วงออกมาให้เห็นตามนั้นครับ

"มองให้โลกสดใส ใจเราจะเบา"

ครับผม สนุกในการทำใจเบาๆ อย่างสมดุลครับผม

  • คุณเม้ง ..

ค่ะ   ตอนนี้ก็คิดว่า  สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกฏแห่งกรรม   ในอดีตชาติอาจเคยได้กระทำการเดียวนี้กับเขาก็เป็นไปได้

อโหสิกรรมให้   จะได้ไม่ต้องจองเวรจองกรรมกันในชาติภพต่อไปอีก  (( แต่เวลาอารมณ์ไม่ดี  จะของขึ้นทุกทีเลยนี่สิ  อิอิ ))

ขอบคุณค่ะ

ค่ะ ใช่ ใจคอหนักแน่น  ไม่หวั่นไหวคำนินทาก็ เป็นเพียงลมปาก คำพูดเพ้อเจ้อ ของคนว่าง สมองไม่เรื่องคิดที่ดีกว่า  ไม่ต้องใส่ใจค่ะ คนไหนไม่ถูกนินทาบ้างล่ะคะ  แม้เจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ยังไม่ละเว้น น้องเนปาลี คะ เป็นเรื่องปกติ  เพียงแต่คนนินทาเขาจิตไม่ปกติ  อย่าถือสาค่ะ  อภัยเป็นทาน  กุศลเกิดกับจิตเรานะคะ

สวัสดีครับ

อิๆๆ ขอบคุณมากครับ

เรื่องของขึ้น ก็เป็นเรื่องธรรมดาครับ น้ำในบ่อก็ยังมีขึ้นมีลงครับ น้ำทะเลก็ยังขึ้นลงได้เลยครับ เป็นเรื่องธรรมดา ธรรมชาติครับ เพียงแต่เราเข้าถึงอย่างเข้าใจว่าตอนนี้กำลังขึ้น ตอนนี้กำลังลง แล้วอยู่ร่วมให้ได้ครับ

ขึ้นแล้วเดี๋ยวก็ลงครับ ลงแล้วเดี๋ยวก็ขึ้นครับ เป็นรอบของกฏแห่งกรรมครับ เพียงแต่หากเราทำให้นิ่งและคงที่ได้ ก็คงเป็นทางสายกลาง นั่นคือ แกว่งน้อยๆ หลายเรียกว่า ฝึกการดูจิตของเรา

ก่อนหน้านี้ผมก็ดูข่าวร้ายๆ ของบ้านเมืองสังคม พยายามดูอย่างเข้าใจ ดูให้เป็นไปตามกฏแห่งกรรม แล้วจะสบายใจขึ้นครับ พวกเราเห็นตัวอย่างมากมายเลยครับในสังคมทุกวันนี้...

ผมชอบคำว่า กฏแห่งกรรม ครับ ผมว่ากฏนี้น่าจะเกิดก่อนศาสนาใดๆ เกิดมาตั้งแต่เริ่มมีจักรวาลเลยหล่ะครับ ผมคิดเอาอย่างนั้นนะครับ คราวนี้อยู่ที่ว่ากฏแห่งใจของเราจะเท่าทันกฏแห่งกรรมหรือเปล่าครับ

ขอบคุณมากครับ ผมเพ้อไปอีกแล้วครับ

เขานินทาว่าร้ายให้เขาเถิด

เพราะเขาเกิดมาเช่นนั้นอย่าหวั่นไหว

จริงหรือเท็จเราย่อมรู้อยู่แก่ใจ

ให้อภัยแผ่เมตตาด้วยบารมี

เป็นกำลังใจให้คุณเนปาลีค่ะ ให้เข้มแข็งตลอดกาลค่ะ :)

สวัสดีค่ะ

น้องต้อมคิดถูกแล้วค่ะที่นำเอา " โลกธรรม 8 "    อันมี 8 ประการ  ได้แก่   มีนินทา   มีสรรเสริญ   มีสุข    มีทุกข์   มียศ   มีเสื่อมยศ   มีลาภ   มีเสื่อมลาภ    มาสอนใจตนเอง

อย่าไปเอาใจใส่ต่อคำนินทาว่าร้ายของคนเลยค่ะ ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ

 การทำใจให้ใสๆ ใจเป็นกลางๆ ปฏิบัติหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายในการงานให้ดีที่สุด

พอหมดงาน ก็ออกกำลังบ้าง เขียนบันทึกอย่างที่ชอบ พอกลางคืนก่อนนอน แบ่งเวลามานั่งสมาธิ  ฝึกสติให้มั่นคง ไม่หวั่นไหว เป็นทาสของอารมณ์ต่างๆ เช่น ความโกรธ ความลุ่มหลงมัวเมา

จิตใจจะค่อยๆโปร่งสบาย ผ่อนคลาย มีความสุขไปโดยสภาพของจิตเองค่ะ

ทำอย่างนี้บ่อยๆ ก็จะไม่หวั่นไหวกับโลกธรรมใดๆแล้วค่ะ

  • พี่นิศาชล คะ ..

ก็อยากจะหนักแน่นนะคะ   แต่บางครั้งและบางเรื่องก็อย่างที่ได้เคยเล่าให้พี่ฟัง   และต้อมเองก็เป็นมนุษย์เดินดินธรรมดาที่มีอารมณ์รัก  โลภ  โกรธ  หลง  เหมือนเช่นกับคนอื่นเสียด้วยสิคะ    อย่างเรื่องหลังที่พี่ทราบนั่นล่ะค่ะ   มันทำให้ต้อมรู้สึกแย่นะ   แย่มาก ๆ  ทั้ง ๆ ที่ก็บอกกับตัวเองว่าไม่สนใจกับลมปากของพวกเขา    ก็แค่ทำนิ่งเฉย  ปล่อยให้เรื่องมันเงียบไปเองตามกาละและเวลาอย่างที่เคยเป็นมาก่อน   ก็แอบนึกโมโหบ้างไม่ได้   ทำไมถึงชอบมาวุ่นวายกับต้อมนักนะ   ไม่ได้ผูกใจพยาบาทนะคะ   แต่แค่รำคาญน่ะค่ะ

นี่นะ  ถ้าพวกเขารู้ว่าต้อมรู้จักพี่ก็จะเป็นเรื่องอีกล่ะ  haha   เชื่อไหมล่ะคะ?  

เรื่องมันชอบวิ่งเข้ามาชนกับต้อมเรื่อยเลย   สะบักสะบอมจนชินเสียแล้วค่ะ     

ป.ล. ต้องการคนโอ๋ด่วน   ^_^    รีบจัดหามาให้ซะนะคะ 

  • สวัสดีอีกครั้งค่ะ  คุณเม้ง ..

ค่ะ  เวลาที่ต้อมหาเหตุผลของเรื่องใด ๆ ไม่ได้อย่างกรณีเรื่องที่เกิดขึ้นดังข้างต้น    ก็จะนึกเสียว่านี่คงเป็นเรื่องของกฎแห่งกรรม     ทำดีได้ดี    ทำชั่วได้ชั่ว    ซึ่งอันอาจจะเป็นผลที่เกิดจากการกระทำของตัวต้อมเองเป็นเหตุเบื้องต้นที่ส่งผลในเบื้องปลาย    ไม่ว่าจะจากในอดีตชาติหรือปัจจุบันชาติ

ขอบคุณนะคะ คุณเม้งที่แนะนำเรื่องดี ๆ ให้ได้ลองปฏิบัติตาม   ขอบคุณมากเลยค่ะ    วันหลังมาเพ้อแถวนี้ใหม่นะคะ    ชอบอ่านค่ะ  

  • สวัสดีค่ะ  คุณบวร ..

ค่ะ  ก็พยายามบอกกับตัวเองว่า  คนที่มีจิตอกุศลมักจะคิดอกุศลและกระทำการใด ๆ ที่เป็นอกุศล    จะจริงหรือเท็จ .. เขาเองก็รู้อยู่แก่ใจ    

ก็พยายามที่จะไม่สนใจค่ะ    และก็อโหสิกรรมให้พวกเขาเหล่านั้นด้วย   

ขอบคุณค่ะ

 

  • สวัสดีค่ะ  คุณ oui ..

ขอบคุณค่ะ  สำหรับกำลังใจ   ขอบคุณจริง ๆ

^_^

  • สวัสดีค่ะ   คุณพี่ศศินันท์ ..

แรก ๆ ที่เจอกับเหตุการณ์แบบนี้    ก็ยอมรับเลยค่ะว่ารับไม่ได้และร้องไห้    เสียใจมาก    เพราะค่อนข้างจะเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับคำว่า "มิตรภาพ"

แต่ละครั้ง  แต่ละเรื่องราว ก็ทำให้รู้สึกแย่    บางวันกลับถึงบ้านแล้วมีสภาพหมดแรง    ซึ่งไม่ใช่เพราะทำงานเหนื่อย    แต่เพราะต้องคอยรับมือกับคำนินทา    หาเหตุผลว่าเพราะอะไรคนพวกนั้นถึงต้องการทำให้ต้อมดูแย่ในสายตาคนอื่นนัก    จนกระทั่งวันหนึ่งต้อมก็หยุดถามหาสาเหตุ    หยุดนิ่ง   คิด   พิจารณา  แล้วก็เข้าใจว่าก็เพราะพวกเขาอยากจะทำ    เลยปล่อยให้พวกเขาทำไป    พอต้อมนิ่งเสียแล้วพวกเขาก็ไม่สนุก    เรื่องราวก็จะสงบ ๆ เป็นพัก ๆ    ก่อนที่จะมีเรื่องใหม่ ๆ เข้ามาอีก

ไม่ว่าจะโลกไซเบอร์หรือโลกความจริงก็ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่    ผู้คนมาจากแหล่งกำเนิดและพื้นฐานปัจจัย  ตลอดจนความคิดต่างกัน  ย่อมจะมีเรื่องราวมากมายก็เป็นเรื่องธรรมดา    ความจริงก็ย่อมจะคงความเป็นความจริงอยู่วันยันค่ำ    พวกเขาเปลี่ยนแปลงมันไม่ได้    และพวกเขาก็ต่างรู้อยู่แก่ใจ

เลยถือเรื่องราวเหล่านี้เป็นบทเรียนที่เข้ามาทดสอบจิตใจค่ะ    บางทีก็สอบผ่าน   บางครั้งก็สอบตก   

ขอบคุณสำหรับคำแนะนำดี ๆ ที่มีให้ต้อมตลอดเลย  ขอบคุณนะคะ   ^_^

สวัสดีค่ะ

การนินทาเป็นเพียงแค่ลมที่ผ่านออกมาทางปาก  ซักพักก็เจือจางไปเอง ขอแค่เรารู้ตัวเราเองว่าเราทำอะไรอยู่ก็เกินพอแล้วค่ะ

เป็นกำลังใจให้นะ คะ

  • มองโลกในแง่ดีไว้ค่ะ
  • เขานินทาเราแสดงว่า  เขาสนใจเรา
  • หรือไม่เราก็มีดีจนเขา   อิจฉา 
  • คนทุกคนต่างที่มา  ต่างความคิด
  • เรากำหนดอะไรใครไม่ได้
  • แต่เรากำหนดการกระทำของเราได้ค่ะ
  • สู้ สู้  นะคะ  ที่ตรงนี้มีความจริงใจค่ะ

 

  • สวัสดีค่ะ  คุณนุ้ย ..

ค่ะ  คำนินทาก็แค่ลมปากเนอะ  ขอแค่เรารู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ก็พอ

แต่ที่หลายคนคงเป็นเหมือนต้อมก็คือ  บางทีความหงุดหงิด  ความไม่พอใจ ก็แล่นลิ่วเข้ามาเยือนจนนึกอยากจะกระชากคอเสื้อคนนินทามาถามว่า " ต้องการอะไร "   แฮ่ะ ๆ ๆ ก็มันน่าไหมล่ะ  เนอะ คุณนุ้ย

ขอบคุณนะคะ  สำหรับกำลังใจ   ^_^

  • สวัสดีค่ะ  คุณรักษ์นะ ..

ต้อมพยายามมองโลกในแง่ดี ว่า การที่เขานินทาหรือมีเรื่องของเราเป็นหัวข้อในการสนทนาในกลุ่มใด ๆ นั้น คงเพราะเขาสนใจเรา    แต่ดันตอกไข่ใส่สีให้เราดูแย่ในสายตาคนอื่นนี่สิคะ   มักจะทำให้ต้อมทนไม่ค่อยได้   เฮ้อ!!

แต่ก็นะ   เราจะไปห้ามเขาได้อย่างไร    นอกจากรอวันที่ความจริงปรากฎ

ขอบคุณนะคะ  ^_^

เอาหูไปนา ... เอาตาไปเมือง (ดีกว่าครับ)

...

บางทีเรื่องบางเรื่อง  หรือคำพูดของคนอื่นก็เป็นเสมือนกระจกเงาที่สะท้อนตัวตนของเราได้เช่นกัน  หากแต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงที่ไม่บิดเบือน   แต่หากไม่เป็นจริง  เราเองก็ต้องฝ่าข้ามและปล่อยวางปรากฏการณ์นั้น  เพราะเราเองเท่านั้นที่รู้ดีกว่าใครอื่น    และไม่ลืมที่จะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลไปให้เขาได้พ้นทุกข์ในเร็ววัน

....

โลกใบนี้

มากมีผู้คน

หลายหลากมากล้น

สับสนวุ่นวาย

รัก - ไม่รัก

อยากจักอธิบาย

จริง ลวง  , ทักทาย

ให้ค้นหาความหมายทุกวี่วัน

จักอยู่เช่นไรดี

ใจจึงจักไม่ไหวหวั่น

กักตัวเองในห้องหับอันเงียบงัน

หรือท่องโลกแบบใดกันจึงจะรื่นรมย์

.....

ไม่เพราะเท่าไหร่นัก,  แต่ก็อยากให้อ่านนะครับ

 






 

  • คุณแผ่นดิน คะ ..

ค่ะ  ต้อมก็ว่า เราย่อมรู้ตัวตนของเรา   จะจริงจะเท็จหรืออย่างไร   และในขณะเดียวกัน เขาก็ต้องรู้ตัวเขา  ว่านั่นที่พูดออกไป  จะจริงหรือเท็จ

มันเป็นเหมือนบทพิสูจน์ความเข้มแข็งของเราเลยนะคะ   ว่าจะก้าวข้ามผ่านไปได้หรือไม่

ในโลกใบน้อย

มีร้อยคน  ร้อยความคิด

มีถูก มีผิด

มีจริต  มีเสแสร้ง

 

เจอแบบนี้  คงต้องทำใจล่ะค่ะ  

ขอบคุณสำหรับกลอนค่ะ 

 

....  ตอนเด็กๆ พี่ชายชอบท่องให้ฟังค่ะว่า

...  การนินทากาเลเหมือนเทแกลบ ไม่เจ็บแสบเหมือนเอาต อู ดไปขูดหิน ..

....  เมื่อก่อนก็จะเป็นค่ะ แบบทนไม่ได๊ๆๆ  แบบนางร้าย แต่ตอนนี้ ทำใจได้แล้วค่ะ  ... 

สวัสดีค่ะ
          

  • อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
    ไม่ชอกช้ำเหมือนนำมีดมากรีดหิน
    แม้องค์พระปฏิมายังราคิน
    คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา
  • เรื่องนินทาเป็นเรื่องธรรมดาที่อยู่คู่กับมนุษย์เรามานมนานมากนัก ถ้าจะให้ไม่มีคงยากนัก เพราะเป็นของทึ่คู่กับนิสัยมนุษย์ยากจะถอนออก
  • ถ้าว่าไปมันก็คือสีสรรนะ แต่เป็นสีสรรในทางที่ไม่สร้างสรรค์สักเท่าไหร่ จากไม่รู้ทำให้รู้ เมื่อรู้ ก็เกิดความอยากรู้เพิ่มมากขึ้น
  • คนที่โดนนินทา ถ้าไม่สติแตก รบรา ด่าทอกันไปมา ก็ต้องทำใจ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ซึ่งถ้าว่าไปแล้ว มันก็ทำใจยากเหมือนกันนะ

มีคนรักย่อมมีคนชังเป็นธรรมดาโลกค่ะ เป็นกำลังใจให้นะคะ คิดซะว่ามีดีทำให้คนอิจฉาตาร้อน ทำทองไม่รู้ร้อนค่ะ คนขี้อิจฉาจะนอนไม่หลับเอง อิอิ เราไม่ผิด ดาบนี้คืนสนอง.. ว่าไปนู่น

ดูแลตัวเองด้วยนะคะต้อม อย่าให้เสียงลม(ปาก)มาทำให้ไขว้เขว :D

 

  • สวัสดีค่ะ  คุณปู ..

เคยได้ยินมาเหมือนกันค่ะ  ประโยคที่ว่า ..  อิอิ

และตั้งแต่ต้อมได้รับบทนางเอกของคุณปูนี่ล่ะ  ถึงกรี๊ดกร๊าดไม่ได้  นอกจากทำน้ำตาปริ่ม ๆ คลอเบ้า  เม้มปาก  ค่ะ เป็นนางเอกต้องถูกกลั่นแกล้ง  ถูกทำร้าย  อยู่ดี ๆ จะให้ไปตบกระโหลกคนนินทา  กิริยายังงี้ นางเอกทำไม่ด๊ายยยค่า  

 

ค่ะ  ถ้าไม่สติแตก  ท้ารบให้ตายไปข้างหนึ่ง ก็ต้องยอมทำใจค่ะ

ต้อมมักจะถูกมัดมือชกให้ทำอยู่อย่างเดียว คือ ทำใจ นี่ล่ะค่ะ   ด้วยสถานการณ์และปัจจัยโดยรอบ

เพราะการโต้ตอบ รังแต่จะทำให้สถานการณ์ที่แย่อยู่แล้ว  แย่ขึ้นไปอีก

แต่ก็นั่นล่ะค่ะ  รอวันที่ความจริงปรากฏอย่างเดียวเลย  ^_^

  • สวัสดีค่ะ  คุณ VD ..

ไม่แน่ใจค่ะ  ว่าคุณเป็นพี่'วดี หรือ วียา

ขอบคุณค่ะ  สำหรับกำลังใจ   รู้สึกใจชื้นขึ้นเป็นกองเลยค่ะ

ทุกวันนี้ต้อมก็พยายามดูแลตัวเองดี ๆ ให้แผ้วพานจากภยันอันตรายใด ๆ ด้วยสติ และรังสีอำมหิต น่ะค่ะ

อ๊ะ ๆ อย่าว่าต้อมน๊า  จิตใฝ่ดีเหนื่อยล้า  จิตพาลก็มานั่งเป็นเพื่อนมั่งล่ะค่ะ   ก็แค่ปกป้องตัวเองนิ๊ดดดหนึ่งเน้อ

 

  • ตามมาดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง
  • ตอนช่วงนี้งานยุ่งมาก
  • อยากให้กำลังใจ
  • ใครเป็นอย่างไรก็ช่างเขาเถอะ
  • เราทำตัวเราให้มีความสุข
  • เป็นประโยชน์แก่ตัวเองและสังคมก็พอแล้วครับ
  • ชอบขื่อที่คุณปูตั้งให้ จัง
  • ขจิต โจ บา เอ
  • ธุค่า  คุณขจิตโจ บา เอ ..

ต้อมชอบชื่อที่คุณปูตั้งให้คุณขจิต มาก ๆ

ดูเหมาะกับคุณ ดร.หนุ่มเนื้อหอม ดีพิลึก  อิอิ   ชอบ ๆ ๆ

ขอบคุณนะคะ สำหรับกำลังใจ  แค่คุณขจิตมาให้กำลังใจ  ต้อมก็โอแร่ะค่ะ

จริง ๆ แล้ว  มันเป็นอารมณ์ ณ บางช่วงเวลาที่ต้อมทนไม่ได้ ก็เท่านั้นล่ะค่ะ 

แล้วมันจะผ่านไปเนอะ 

 

ขอบคุณค่ะที่ติดตามมาดูอาการ .. ร่อแร่ ๆ ๆ   อิอิ

 

สวัสดีค่ะคุณเนปาลี ไม่ได้ทักทายกันซะนาน พี่นึกว่าพี่นำบล็อกคุณใส่ในแพลนเน็ตพี่แล้ว ไม่เห็นบันทึกคุณนานแล้ว และยุ่งๆพอประมาณ กว่าจะมารู้ตัวว่ายังไม่ได้เอาขึ้นซะหน่อยก็วันนี้ พอเริ่มมีเวลาก็มานั่งไล่อ่านบล็อก พบข้อคิดเห็นของคุณในหลายที่ เลยเข้ามาที่บล็อก อ่านแล้วเอาขึ้นบล็อกซะเลย

รีบอ่านเรื่องนี้ให้กำลังใจกันหน่อยค่ะ ขอเล่าวิธีการจัดการเมื่อรู้ตัวว่าถูกนินทา

ก่อนที่จะปฏิบัติธรรม เข้าใจเรื่อง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ว่าทุกอย่างไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงตลอด ยึดถืออะไรไม่ได้ และตัวเองยังคงมีอัตตามาก เผอิญเป็นคนมีมานะแบบคำพระ แปลว่า คิดว่าตัวเองดีกว่าคนอื่นที่นินทาเรา เมื่อรู้ว่ามีคนนินทา จะยิ่งทำท่าแจ่มใส ไม่แคร์ คือ โทสะหลบใน ไม่ให้เสียฟอร์ม แล้วบอกตัวเองและคนรอบตัว(ประมาณว่าฝากลอยลม)ว่าหากใครๆคิดว่าเราสำคัญช่างสรรหาเรื่องไม่จริงมาพูดถึงเรา แปลว่าเขาอิจฉา หากคิดว่าเรื่องเกี่ยวกับเราสำคัญ อยากพูดถึงุทุกวันก็เชิญ ธรรมชาติของคนชอบนินทาจะเปลี่ยนเรื่อง และเปลี่ยนคนไปเรื่อยๆ คนที่นินทาไม่ใช่มิตรอยู่แล้ว คนที่เชื่อก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ๋ เพื่อนเราย่อมรู้ว่าเราเป็นอย่างไร เป็นการคัดกรองเพื่อนดีๆ ออกมาจากคนประสงค์ร้ายที่แอบแฝงมาใกล้ชิด

เมื่อมาปฏิบัติธรรมเข้าใจสัจธรรม เรื่องของไตรลักษณ์ และอัตตา ทำให้ไม่สนใจคำนินทาเลย เพราะ ความเป็นตัวตนของเราลดลงมาก ใครจะพูดอะไรเป็นเรื่องของเขา เราวิเศษมากมายตรงไหนที่จะพ้นจากคำนินทา หากไปมัวเสียใจกับมิตรภาพที่"ให้" ไป หมายถึงเราคาดหวัง สิ่งตอบแทนที่ดีกลับมา หากเราให้โดยไม่คาดหวัง ให้มิตรภาพแก่ใครๆเพราะเราร่ำรวยความมีมิตรภาพ เราเป็นเช่นนี้เอง ให้แล้วต้องไม่ยึดติดว่าต้องได้สิ่งดีๆกลับมา ใครจะเอาสิ่งที่ได้รับจากเราไปทำอะไร ย่อมเป็นความมีปัญญาของคนผู้นั้นเอง จะไปเสียเวลา เสียใจกับความเบาปัญญาของคนที่ไม่เห็นค่าของมิตรภาพทำไม มีสิ่งดีๆในชีวิตให้ทำอีกเยอะ มีเพื่อนดีๆอีกเยอะ

หวังว่าคงพอใช้การได้นะคะ

 

 

  • นินทา รึ เรื่องจิ๊บจ้อย
  • เจอบ้างก็ดีเสียอีก จะได้หายเซ็ง
  • มันเป็นการทดสอบจิตเราด้วยนะสาวน้อยว่าเรารับได้ทั้งคำชมและคำติชมได้แต่ไหน
  • รับได้ในสภาพอย่างไร
  • เดือนร้อนใจแค่ไหน
  • เป็นทุกข์แค่ไหน
  • ให้ความสำคัญกับมันมากแค่ไหน
  • ถ้าเข้าใจมันได้ อาจจะขอบคุณคนที่นินทาเราด้วยซ้ำ
  • ถ้าเราไม่สำคัญเขาจะมาเสียเวลามาวอแวเรารึ
  • ถ้าหัวเราะกับคำติชมได้ ก็คือว่าสอบผ่าน สบายๆๆๆ อิอิ  

 

  • สวัสดีค่ะ  คุณ คุณนายฯ ..

ไม่ได้ทักทายกันนานจริง ๆ ด้วยค่ะ   คงเพราะต่างคนต่างติดภารกิจวุ่นวานและยุ่งเหยิง     แต่ถ้ามีเวลาว่างเมื่อไหร่    ต้อมก็เข้ามาดู - มาอ่านความคิดของทุก ๆ ท่านใน blog นี้ สม่ำเสมอเลยนะคะ    บางทีเข้ามาเพื่อที่จะนำ blog ของท่าน ๆ เข้ามาไว้ในแพลนเน็ตของตัวเองทีไร   ก็ลืมทุกที   แบบว่า อ่าน ๆ ไปแล้วลืม    พอวันหลังมาเจอก็ โอ๊ะ ดีใจจัง  หาเจอแล้ว   แต่อ่าน ๆ ไปก็ลืมอีกแล้วค่ะ 

ขอบคุณนะคะ  สำหรับวิธีจัดการกับคำนินทา    คงเป็นเพราะต้อมเป็นผู้ซึ่งไม่เคยเชื่อว่าจะมีมิตรภาพที่แท้จริงในโลกไซเบอร์    ที่คิดมาเสมอว่ามันช่างเลื่อนลอยและเปราะบางเหลือเกิน    แต่พอเริ่มก้าวเข้ามาและได้รู้จักพี่ ๆ    พี่ ๆ ก็เป็นคนน่ารัก    ก็เลยย่ามใจที่จะเปิดใจยอมรับกับมิตรภาพในโลกไซเบอร์    แต่พอนาน ๆ ไป ก็คาดหวังว่าทุกคนที่เรารู้จักก็คงจะน่ารักเหมือนพี่ ๆ ของเรา    เมื่อเรารักเขา    เราจริงใจกับเขา   เขาก็คงจะมอบสิ่งเหล่านี้กลับคืนมาให้เราเช่นกัน    เป็นการแอบคาดหวังน่ะค่ะ    ต้อมลืมคิดไปว่า  ไม่มีอะไรในโลกนี้ที่จะเหมือนกันไปหมด    แม้แต่ก้อนหินสักก้อนหรือต้นไม้สักต้น   ในบางสิ่งที่ดีอาจจะมีความเลวร้ายซุกซ่อนอยู่    เมื่อมีด้านมืดก็ต้องมีด้านสว่าง

ครั้งแรกที่เจอกับเรื่องแบบนี้ก็นิ่ง  คิด  พิจารณา  ว่าเป็นเพราะตัวต้อมเองหรือ?   ก็เสียใจ  แอบร้องไห้   พยายามที่จะนึกหาเหตุผลว่าทำไมพวกเขาถึงทำอย่างนั้น    แต่พอนาน ๆ ไป ก็เริ่มทำใจค่ะ    เพราะต่อให้ต้อมดิ้นรนค้นหาคำตอบไปก็เท่านั้น    เลยสงบนิ่ง  ทำใจ   ก็อาศัยหลักคำสอนธรรมะ   ปล่อยวางกับเรื่องราวแบบนั้น    ให้ตัวเองดำเนินชีวิตไปตามปกติด้วยการคิดดี  พูดดี  ปฏิบัติดี    ถือให้สิ่งเหล่านี้ที่ต้อมได้กระทำเป็นเช่นเกราะคุ้มกันคำติฉินนินทา    และถือเสียว่า  ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย    กับสิ่งที่พวกเขาพูดว่าร้าย  กับสิ่งที่ต้อมเป็น   ตัวต้อมรู้  ตัวพวกเขารู้  

กับบางวันที่ต้อมอารมณ์เบิกบานก็จะไม่คิดมากกับถ้อยคำเหล่านี้หรอกนะคะ    แต่ถ้าเป็นช่วงที่จิตใจอ่อนแอ  มีเรื่องโน้นเรื่องนี้ให้คิดมากมาย  แล้วยังต้องมาเจอะเจอกับคำว่าร้ายก็เลยรู้สึกแย่  และหวั่นไหว

ขอบคุณค่ะที่เข้าแนะนำวิธีจัดการ    ต้อมจะนำไปปฏิบัติค่ะ   ^_^ 

 

  • ธุค่า พ่อครูบาฯ ..

เมื่อมีสรรเสริญก็ต้องมีคำนินทา    จะเอาอะไรกับมนุษย์ล่ะเนอะ  พ่อครูบาฯ   แต่บางทีต้อมก็จะรู้สึกโกรธนะคะ  โกรธพวกเขาที่คอยแต่เฝ้าทำลายกันด้วยลมปากอยู่เรื่อย   แต่พอมีสติก็เอ๊ะ  นี่เรากำลังถูกความโกรธครอบงำอยู่นะ   ก็จะ ไม่เอาล๊ะ ๆ ๆ ไม่สนใจคำนินทาเหล่านั้นล๊ะ  ช่างเถอะ   ในเมื่อตัวเรารู้ว่าอะไรคือความจริง

ถือให้เป็นบททดสอบ  เมื่อเจอก็ยิ้ม ๆ   แต่บ่อย ๆ ครั้งต้อมก็สอบตกน่ะค่ะ   รับไม่ได้กับบางเรื่องที่มันค่อนข้างจะแรงไป และก่อให้เกิดผลลบกับตัวต้อมมากมาย   

ทำไมต้องเก็บเอาคำพูด  ลมปาก  ที่ไม่มีตัวตน  มาทำให้ตัวเองเป็นทุกข์ล่ะเนอะ  

กราบขอบพระคุณพ่อครูบาฯ ค่ะ

โดนบ่อยเหมือนกันคะ...เพราะสังคมไทยไม่ชอบพูดในที่ประชุม...ไม่ชอบการวิพากษ์ทำประชาพิจารณ์เมื่อไหร่...ยกพวกตีกันเมื่อนั้น...เราจึงเห็นแต่คนพูดลับหลัง...ต่อหน้าทำไมไม่กล้าพูด...มีส่วนดีเหมือนกันนะคะ...ทำให้เราเข้มแข็ง...ทนต่อแรงเสียดทาน...ช่วงไหนไม่มีใครว่า...ก็รู้สึกเหงาๆเหมือนกัน....

  • สวัสดีค่ะ  คุณ naree suwan  ..

จริง ๆ แล้ว  การนินทานี่เป็นปัญหาสังคมนะคะ  ต้อมว่า..    เมื่อรวมตัวกันเป็นหมู่มากก็เกิดอาการริษยา  นินทา  ว่าร้าย  แก่งแย่ง  ชิงดี กัน   ทำให้ภาพโดยรวมของสังคมอ่อนแอ

และก็มีส่วนดีอีกตั้งหลายข้อค่ะ  ที่เราจะหยิบมาใช้ให้เป็นประโยชน์   อย่างเช้น  ปรับปรุงพัฒนาตนเอง

 คงอย่างที่หลายท่านกล่าวไว้ .. เราคงน่าสนใจมาก  ไม่งั้นเขาคงไม่มานั่งหาข้อมูลเพื่อจะนินทาเราหรอกนะ

เป็นกำลังใจให้นะคะ 

มีอาจารย์ท่านหนึ่งบอกว่า ... อย่าให้คำพูดที่ไร้ค่าของคนอื่น มามีผลต่อจิตใจที่มีค่าของเรา ... ค่ะ แม้เมื่อได้ยินที่เขานินทาแล้วเราจะรู้สึกไม่ดี โกรธ ไม่พอใจ ก็ลองนิ่งคิดดดูก่อนว่าจริงไม่จริง ถ้าไม่จริงก็คิดถึงคำนี้ว่า มันช่างเป็นคำพูดที่ไร้ค่า แล้วเราจะมาเสียสุขภาพจิตกับสิ่งที่ไร้ค่านี้ทำไม....แต่ถ้าจริงก็ต้องขอบคุณเขาที่เขาเป็นกระจกสะท้อนให้เราได้ปรับปรุงตัวค่ะ ... สักพักเราก็จะดีขึ้นค่ะ

  • สวัสดีค่ะ  อ.แป๋ว ..

หลาย ๆ ครั้งที่ต้อมรู้สึกแย่กับเรื่องนี้    ก็เพราะเรื่องต่าง ๆ เหล่านี้มันจะพุ่งเข้ามาหาต้อมอยู่เรื่อย    ไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง   ชวนให้รู้สึกหงุดหงิดนะคะ    แต่ก็พยายามที่จะไม่ใส่ใจ   นิ่งเฉยเสีย  ให้พวกเขาเลิกลาไปเอง

ขอบคุณค่ะ  ^_^

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท