ปัญหาน้ำตาลภายในประเทศกำลังทำท่าว่าจะบานปลาย
ประชาชนผู้บริโภคกำลังเดือดร้อน เพราะน้ำตาลเริ่มขาดตลาด
มีพ่อค้าฉวยการโก่งราคาขาย บางพื้นที่ราคาแพงถึงกิโลกรัมละ 20 บาท
ทั้งๆ ที่ราคาน้ำตาลในประเทศถูกควบคุมไว้ที่กิโลกรัมละ 14.25
บาท
สงสัยว่า
ทำไมน้ำตาลถึงกลายเป็นของหายาก และมีราคาแพงขึ้น?
อยู่ดีๆ
มีมดยักษ์มาขโมยกินน้ำตาลในบ้านเราไปจนหมดประเทศหรือก็เปล่า?
จริงๆ
เรื่องนี้ เป็นเรื่อง "ผลประโยชน์เพียวๆ"
เป็นเรื่องของคนที่อยากจะได้กำไรแต่เพียงอย่างเดียว
ไม่สนใจใยดีว่าผู้บริโภคจะเดือดร้อนอย่างไร?
ไม่สำนึกว่าระบบค้ำขายน้ำตาลแบบเดิมเคยเกื้อกูลตัวเองมาอย่างไร
?
หากจะเข้าใจปัญหาน้ำตาลตอนนี้ ต้องมองภาพรวมในอดีตกันเสียก่อน
ประเทศเราเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลทรายไปขายในตลาดโลกมานาน
ตั้งแต่สมัยรัฐบาลเปรมเป็นต้นมา รัฐบาลก็มีนโยบายให้เกษตรกรชาวไร่อ้อย
และธุรกิจโรงงานน้ำตาลผูกขาดโดยรวมหัวกันขายน้ำตาลราคาสูงในประเทศและส่งออกต่างประเทศตามราคาตลาดโลก
ที่ผ่านมา บางครั้งน้ำตาลทรายในตลาดโลกราคาถูก เพียงราคากิโลกรัมละ
3-4 บาทเท่านั้น
แต่ชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาลของไทยก็ยังคงขายน้ำตาลทรายภายในประเทศในราคาสูงถึงกิโลกรัมละ
13บาท
ก็เพราะการรวมหัวกันจำกัดปริมาณขายในประเทศให้น้อยและห้ามนำเข้าจากต่างประเทศ
เรียกว่า ขายออกไปนอกประเทศถูกๆ แต่ขายให้คนไทยในประเทศแพงๆ
คนในประเทศถูกมัดมือมัดเท้า
จะซื้อน้ำตาลราคาถูกในตลาดโลกเข้ามากินก็ไม่ได้
ต้องถูกบังคับให้กินน้ำตาลราคาแพงของโรงงานน้ำตาลและชาวไร่อ้อยมาอย่างยาวนาน
สร้างระบบแบ่งปันผลประโยชน์ที่ได้จากการขายน้ำตาลภายในประเทศและการส่งออกน้ำตาล
โดยเอาเงินผลประโยชน์ที่ได้มาแบ่งปันกันกินระหว่างโรงงานน้ำตาลกับชาวไร่อ้อย
พูดง่ายๆ ว่า ปฏิเสธระบบการค้าเสรีตามราคาตลาดโลก
แต่ใช้ระบบรวมหัวผูกขาดน้ำตาลในประเทศเพื่อหาผลประโยชน์มาแบ่งกันกิน
นับเป็นการกระทำขูดรีดราคาและผลประโยชน์จากประชาชนผู้บริโภคน้ำตาลในประเทศอย่างต่อเนื่องยาวนาน
พอมาถึงวันนี้ ราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกปรับตัวแพงขึ้น
กิโลกรัมละประมาณ 17-20 บาท
แต่น้ำตาลในประเทศยังถูกควบคุมราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 14.25บาท
บรรดาโรงงานน้ำตาลและชาวไร่อ้อยเห็นราคาในตลาดโลกแล้วก็น้ำลายไหล
อยากส่งน้ำตาลออกไปขายในตลาดโลกเยอะๆ
หากใช้ระบบการค้าเสรีตามกลไกตลาดโลก
ราคาน้ำตาลในประเทศก็จะต้องสูงขึ้นพอๆ กับราคาในตลาดโลก
ไม่อย่างนั้นโรงงานน้ำตาลก็จะส่งน้ำตาลออกไปขายนอกประเทศกันหมด
แต่ที่ติดอยู่ตอนนี้ ก็คือผลกรรมของระบบผูกขาดน้ำตาลในประเทศ
เพราะได้เคยมีการกำหนดปริมาณการขายน้ำตาลในประเทศ
และปริมาณน้ำตาลเพื่อส่งออกเอาไว้ ซึ่งการกำหนดโควต้าอันนี้นี่เอง
ที่เคยใช้เป็นเครื่องมือในการรวมหัวผูกขาด หากำไรพิเศษ
ขายน้ำตาลราคาแพงพิเศษให้ผู้บริโภคในประเทศ
ยามที่น้ำตาลตลาดโลกราคาถูกในอดีต แต่บัดนี้
บรรดาโรงงานน้ำตาลและชาวไร่อ้อย
ต่างพากันออกมาเรียกร้องกดดันขอให้ปรับราคาน้ำตาลภายในประเทศให้แพงขึ้น
โดยอ้างหน้าตาเฉยว่าเป็นการปรับราคาตามตลาดโลก ทั้งๆ
ที่ตนเองเคยหากินอยู่กับระบบที่ไม่ปรับราคาตามตลาดโลกมาโดยตลอด
เรียกว่า
จะไม่ยอมรับระบบเดิม อยากจะกินทั้งขึ้นทั้งล่อง
ให้เกษตรกรชาวไร่อ้อยออกหน้า ถึงขนาดออกมาข่มขู่ว่า
จะไม่ตัดอ้อยส่งให้โรงงานน้ำตาล
ฝ่ายโรงงานน้ำตาลก็อยากให้ขึ้นราคาขายน้ำตาลในประเทศ
แรงกดดันส่วนหนึ่งก็เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชันวัตร
นายกรัฐมนตรี ไปหาเสียงกับชาวไร่อ้อยเอาไว้ บังคับให้รับซื้ออ้อยตันละ
800บาท
พร้อมกับอ่อยว่าจะปรับระบบการค้าอ้อยน้ำตาลภายในประเทศใหม่ตามตลาดโลก
เรียกว่า ฉวยโอกาสหาเสียงจากสถานการณ์น้ำตาลในตลาดโลกราคาแพง
แต่ทำร้ายประชาชนผู้บริโภคน้ำตาลภายในประเทศ!
หากประชาชนผู้บริโภคในประเทศต้องซื้อน้ำตาลราคาแพงขึ้น
ผลประโยชน์ที่โรงงานน้ำตาลได้รับเพิ่มขึ้น
และผลประโยชน์ที่ชาวไร่อ้อยได้รับเพิ่มขึ้น
ก็ไปล้วงมาจากกระเป๋าสตางค์ของประชาชนผู้บริโภคนั่นเอง เท่ากับว่า
รัฐบาลไปเอาเงินของผู้บริโภคมาหาเสียงกับชาวไร่อ้อยและโรงงานน้ำตาล!
จะต้องคอยจับตาดูว่ารัฐบาลจะแก้ไข พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย
ที่กำหนดระบบรวมหัวผูกขาดไว้อย่างไร?
รัฐบาลนี้จะทำลายระบบที่รัฐบาลเปรมวางไว้อย่างไร?
จะต้องรับศึกกับโรงงานน้ำอัดลมและโรงงานท็อฟฟี่อย่างไร?
ถ้าจะใช้ระบบตลาดจริงๆ ก็น่าคิด แต่ไม่เชื่อว่า
ถ้ารัฐบาลปล่อยให้ขึ้นราคาน้ำตาลในประเทศแล้ว
ระบบรวมหัวผูกขาดขูดรีดผู้บริโภคในประเทศจะหมดไป
เพราะยามใดที่ราคาน้ำตาลตลาดโลกถูกลง เช่น
ราคาตกลงไปอยู่แถวๆ 3-5 บาทต่อกิโลกรัม โรงงานน้ำตาลกับชาวไร่อ้อย
ก็จะออกมาเคลื่อนไหว เดินเกมการเมือง ล็อบบี้ กดดันเรียกร้อง
เพื่อผูกขาดกำหนดราคาขายในประเทศให้แพงพิเศษ
หรือให้เอาเงินภาษีประชาชนไปช่วยอุ้มระบบอ้อยน้ำตาลอีกเหมือนเดิม
สินค้าน้ำตาล ก็จะกลายเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์
แต่ใช้สองระบบขูดรีด
ที่ทำให้ประชาชนผู้บริโภคในประเทศจะต้องซื้อน้ำตาลราคาแพงเสมอ
ไม่ว่าราคาน้ำตาลตลาดโลกจะเป็นอย่างไร
ก็เรื่องแบบนี้ นักธุรกิจผูกขาด หรือนักสัมปทานผูกขาด เขาถนัด!
ที่มา แนวหน้า