แก้ข้อร้องเรียนทันตกรรม


ที่ลุงโมโหเพราะคิดว่าถูกแกล้งให้เสียเวลามาเก้อ แต่พอได้พูดคุยกันเข้าใจแล้ว ก็ไม่มีอะไร

           ช่วงบ่าย ผมอยู่ที่ห้องผู้อำนวยการ พี่ตุ้ย งานสุขศึกษาและประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ได้โทรมาแจ้งว่ามีลุงคนหนึ่งกับลูกสาวมาร้องเรียนเรื่องมาทำฟันปลอมหลายครั้งแล้วไม่ได้ทำสักที จึงมาร้องขอความเป็นธรรมเพราะคิดว่าถูกกลั่นแกล้ง ผมก็เลยให้ขึ้นมาที่ห้องผู้อำนวยการและขอเชิญน้องทันตแพทย์มาร่วมฟังด้วย

           พอเจอหน้ากัน ผมประเมินสถานการณ์แล้ว ก็ไม่น่ามีอะไรร้ายแรง น่าจะพอพูดคุยกันได้ ผมก็เชิญคุณลุงนั่ง(อายุราว 65 ปี) และก็ขอให้คุณลุงเล่าให้ฟังเรื่องเป็นมาอย่างไร โดยปล่อยให้ลุงเล่าอย่างเต็มที่โดยที่ลูกสาวลุงก็คอยเสริมเป็นระยะๆ เท่าที่พอจับใจความได้ก็คือหมอนัดลุงมารอบแรกพิมพ์เหงือกแล้ว นัดมาอีกรอบปรากฎว่าพิมพ์ที่ทำไว้หายจึงต้องพิมพ์ใหม่แล้วนัดมาอีก ก็พบว่าพิมพฒที่ส่งไปทำยังไม่ได้มา แล้วผู้ช่วยทันตแพทย์ยังมาถามอีกว่า ลุงใส่ฟันปลอมมไปแล้วไม่ใช่หรือ ลุงก็เลยโกรธ มาหลายครั้งไม่ได้ใส่แล้วยังมาหาว่าใส่แล้วอีก ลุงก็เลยเดินมาร้องเรียน พอลุงได้เล่าได้พูดแล้วดูท่าทางลุงสบายใจขึ้น เริ่มสีหน้าดีขึ้น

           ผมก็ขออนูญาตให้หมอฟันได้เล่าให้ฟังว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ก็ได้ข้อมูลว่าพิมพ์หายจริงแต่ไม่ได้หายที่โรงพยาบาลและคราวนี้ที่นัดมานั้นก็คิดว่าพิมพ์ใหม่จากบริษัทจะส่งมาให้ก่แนวันนี้ แต่ปรากฎว่าไม่ได้ส่งมา จะโทรไปบอกก็ไม่มีเบอร์โทรติดต่อ ที่ญาติบอกว่าดทรมาก็ได้แต่โทรมาถามว่าหมอเจ้าของไข้อยู่ไหม พอเจ้าหน้าที่ตอบว่าอยู่ก็วางหูไปไม่ทันได้บอกอะไร ทำให้คนไข้มาเก้อ แล้วผมก็ได้เล่าให้ลุงฟังเกี่ยวกับการทำงานของโรงพยาบาล จำนวนทันตแพทย์ จำนวนผู้ป่วยที่มาทำฟัน และก็ได้พูดคุยกันหลายเรื่อง ทั้งผมและน้องหมอฟันก็ขอโทษคนไข้ ที่ทำให้เข้าใจผิดและเสียเวลา

          และน้องหมอฟันก็อธิบายต่อว่าที่ผู้ช่วยเขาถามว่าลุงใส่ฟันไปแล้วหรือยัง ก็ไม่ได้ตำหนิหรือว่ากล่าวอะไรลุง เพียงแต่เขาถามเพื่อจะเตรียมชุดเครื่องมือให้เหมาะกับคนไข้เพราะถ้าทำใหม่จะใช้ชุดหนึ่ง แต่ถ้าทำไปแล้วมีปัญหาเจ็บหรือเคี้ยวลำบากก็จะใช้อีกชุดหนึ่ง การถามสั้นๆโดยไม่ได้อธิบายหรือไม่ทันจะอธิบาย(ในคนไข้ที่อารมณ์เสียอยู่แล้ว)ก็อาจส่งผลให้ตีความหมายผิดไปได้ จะเห็นว่าเรื่องของความไม่พอใจบริการอาจมีประเด็นปัญหาแค่เล็กน้อย หากเราไม่รีบแก้ไขก็อาจทำให้โรงพยาบาลเสียชื่อได้ และน้องหมอฟันเองก็มีความอดทนที่จะมานั่งฟังคนไข้พูดความรุ้สึกและสิ่งที่เขาพบจนจบก็เป็นสิ่งที่ดีที่พอคนไข้ได้ระบายความรู้สึกเขาก็จะคลายความโมโหลงไป การแก้ไขปัญหาก็จะง่ายขึ้น

          ปัญหาเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับงานทันตกรรมจะมีมาก แต่ไมได้เป็นเพราะความผิดพลาดหรือพฤติกรรมที่ไม่ดีของหมอฟันหรือทีมงาน แต่เป็นเพราะมีคนไข้มาทำฟันมากจนทำไม่ทัน เนื่องจากเรามีทันตแพทย์แค่ 2 คน(จากเดิมมี 3 คน) มีคนไข้วันหนึ่งๆ 40-50 คน ทำให้ต้องมีการนัดคิว เมื่อคิวยาวเราก็ถูกบ่น ถูกว่า เคยมีข่าวลือขนาดมีคนเอาคิวไปขายด้วย เรื่องเหล่านี้ได้มีการพยายามหาวิธีแก้มานาน แต่ก็ยังมีปัญหาอยู่ ยิ่งในช่วงที่ต้องทำฟันปลอมด้วยแล้ว คนไข้ยิ่งแน่นไปอีก และการตรวจฟันทำฟันเป็นหัตถการ ถ้าคำนวณคร่าวๆ 1 คนไข้ ใช้เวลา 30 นาที วันหนึ่ง 7 ชั่วโมง ก็ได้อย่างมากแค่ 15 คนต่อทันตแพทย์ 1 คน เท่านั้น ในเวลาจะเป็นการทำฟันให้สำหรับบัตรทองเท่านั้น ส่วนคนที่จ่ายเองเบิกได้ต้องไปนัดคิวนอกเวลาแทนและคิวก็ยาวเป็น 2 เดือนเหมือนกัน

            เวลาผมไปประชุมข้างนอกโรงพยาบาลกับชาวบ้าน ผู้นำชุมชนหรือหน่วยงานต่างๆ ผมก็ได้พยายามสื่อข้อจำกัดในเรื่องจำนวยทันตแพทย์และปริมาณงาน ให้ทราบตลอดเพื่อลดความคาดหวังที่สูงเกินไปของคนไข้ด้วย

          ยิ่งประกันสังคม ประชาสัมพันธ์เรื่องการทำฟันฟรี ไม่ต้องจ่ายก่อนไปอีก ก็ไมม่รู้ว่าหมอฟันจะรับไหวไหม เพราะถ้าทำเต็มที่ทุกวันโดยไม่ได้พัก ผมว่าหมอฟันก็คงจะแย่เหมือนกัน

หมายเลขบันทึก: 11321เขียนเมื่อ 4 มกราคม 2006 14:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 พฤษภาคม 2012 17:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

      รบกวนคุณหมอครับ จะสอบถามข้อมูลคุณหมอ แต่ไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับทันตกรรม

      ผมเป็นคนจังหวัด สงขลาคับ ผมมีแม่ อายุ ประมาณ 50 ปี ท่านป่วยเป็น โรคอะไรไม่ทราบเหมือนกัน มีอาการบวม ที่เท้า และบริเวณข้อเท้ามานาน บางครั้งก็เป็น หนองลักษณะเหมือนหนอง ที่เกิดจากการเป็นฝี ปนเลือดไหลออกมา ไปรักษาไปทั่วครับแต่ก็ไม่หาย ทั้งหมอบ้านและโรคพยาบาล หมอบางคน บอกว่าเป็น โรคเก๊าส์

      ตอนนี้ก็ไม่สามารถประกอบอาชีพอะไรได้เลย บ้านผมก็ฐานะยากจน

      อยากชวนแม่มารักษาที่โรคศิริราช ผมต้องติดต่อเจ้าหน้าที่พยาบาลอย่างไร และพอจะมีสิทธิอะไรที่จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตรวจรักษาได้บ้างครับ

      รบกวนคุณหมดช่วยแนะนำด้วยครับ

      ขอบพระคุณ คุณหมออย่างยิ่งครับ    

ลืมฝาก email ติดต่อครับ : [email protected]

            สวัสดีครับ ต้องขอโทษด้วยที่ตอบช้า เพราะจำคลาดเคลื่อนไปหน่อยว่าอยู่บันทึกไหน ผมเองเป็นหมอทั่วไป อาจไม่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะโรค แต่จากประวัติที่กล่าวมา อาการปวดบวมที่เท้า หลังเท้า ข้อเท้าข้างเดียว หากไม่ใช่การอักเสบติดเชื้อโรคก็น่าจะเป็นโรคเกาต์มากที่สุด การวินิจฉัยก็ทำได้โดยการเจาะเลือดดูปริมาณกรดยูริกในเลือด หากมีปริมาณสูงกว่าปกติก็น่าจะเป็นโรคเกาต์ครับ

             โรคเกาต์เกิดจากการมีกรดยูริกในเลือดสูงแล้วมีการตกตะกอนในข้อจนทำให้เกิดการอักเสบของข้อ เรียกทับศัพท์ว่าโรคเกาต์(Gout) ในการรักษาหากกำลังอักเสบก็จะให้ยาต้านการอักเสบและยารักษาเฉพาะเกาต์ที่ชื่อว่าโคลชิซิน(Colchicin) จะสามารถลดอาการอักเสบได้อย่างดีเป็นDramatic หากอาการอักเสบหายแล้วแต่มีกรดยูริกสูงด้วยก็ให้ยาลดกรดยูริกหรือยาขับกรดยูริกไปทานต่อ

               ในบางรายอาจเป็นเกาต์โดยกรดยูริกไม่สูงก็ได้ แต่ส่วนใหญ่มักจะสูงและในรายที่สูง หากปล่อยไว้นานหรือสูงมาก จะมีการตกตะกอนของกรดยูริกที่ข้อ ทำให้เป็นก้อนแข็ง(tophi) หากผิวหนังแตกออกหรือเป็นแผลจะเห็นเป็นตะกอนสีขาวๆและถ้าแผลอักเสบด้วยจะเป็นหนองหรือช้ำเลือดฃ้ำหนองได้ครับ หากมีการตกตะกอนเป็นก้อนรที่ข้อแล้วมักไม่สามารถทำให้ยุบลงได้ แต่ต้องไม่ทำให้มันใหญ่ขึ้นจนผิวหนังที่คลุมอยู่แตกเป็นแผล

                นอกจากการใช้ยาแล้ว ต้องปรับเรื่องอาหารการกินเพื่อลดการกินอาหารที่มีกรดยูริกสูงด้วยเช่นเครื่องในสัตว์ หน่อไม้ สัตว์ปีก สุรา ยอดผักอ่อน เป็นต้น

                 ผมคิดว่า การรักษาน่าจะทำได้ในโรงพยาบาลอำเภอหรือโรงพยาบาลจังหวัด ความสำคัญอยู่ที่การรักษาอย่างต่อเนื่องและการรับประทานอาหารที่ไม่เพิ่มกรดยูริกในเลือดครับ

                 หากรักษาที่โรงพยาบาลในอำเภอไม่ได้ สามารถขอใบส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลขนาดใหญ่ขึ้นอีกได้ เมื่อ 5-6 เดือนก่อน ผมได้ออกหน่วยแพทย์ร่วมกับแพทย์ที่มากับคอบร้าโกลด์ แพทย์ฝรั่งที่มาสนใจมากที่มีผู้ป่วยเป็นเตที่มีโทไฟ เพราะบ้านเขาไม่มีแล้ว และเขาแนะนำให้ส่งตัวผู้ป่วยไปผ่าตัดเอาก้อนเหล่านี้ออก แต่ผมไม่แน่ใจว่าเมืองไทยทำการผ่าตัดหรือเปล่า เพราะเท่าที่เห็นแผลที่เกิดบริเวณก้อนเหล่านี้จะหายยากและหายช้าและมีโอกาสเป็นซ้ำๆได้ 

                   แนะนำกลับไปที่โรงพยาบาลใกล้บ้านก่อนเพื่อขอคำวินิจฉัยที่แน่นอนครับ

       ขอบพระคุณหมอ อีกครั้งครับ

       เป็นคำตอบที่มีประโยชน์ต่อตัวผม และคุณแม่อย่างมากครับ คุณอธิบายได้ละเอียด และเข้าใจได้ง่ายมาก

       ผมจะแนะนำให้คุณแม่ ปฏิบัติตามที่คุณหมอแนะนำ และจะนำความรู้นี้ไปเผยแพร่ เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อสั่งคมต่อไป

       สุดท้ายนี้ขอให้คุณหมอมีสุขภาพ และใจที่สมบูรณ์แข็งแรกตลอดไป     

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท