ลูกทำได้เพียงแค่อ้าแขนรับชะตากรรมที่พ่อแม่กำหนด
วันก่อนโน้น ได้พุดคุยกับอาจารย์เพ็ญประภา(จริงๆแล้วก็คุยกันทุกวันอยู่แล้วอ่ะ แต่จะคุยเรื่องทั่วๆไป เม้าท์กันมันๆมากกว่า) อาจารย์เพ็ญประภาได้เล่าเรื่องของเด็กนักเรียนในห้องให้ฟังเรืองปัญหาทางบ้านของนักเรียนในที่ปรึกษา ปัญหาประมาณว่าพ่อแม่กำลังจะแยกทางกัน ด้วยเหตุผลบางประการ ทำให้นักเรียนจะต้องลาออกเพื่อไปอยู่กับแม่ที่จังหวัดอื่น(ไปเรียนต่อที่อื่น)
ได้ยินแล้วก็นึกถึงปีที่ผ่านๆมา ในแต่ละปีมีนักเรียนในห้องหลายคน ที่พ่อแม่แยกทางกัน นักเรียนอาศัยอยู่กับป้า , ปู่-ย่า ,ตา-ยาย หรือไม่ก็อยู่กันพร้อมหน้าแต่ครอบครัวไม่อบอุ่น
ดูจากพฤติกรรมเด็กกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่แล้วเห็นได้ชัดเลยว่าเป็นเด็กค่อนข้างมีปัญหา แสดงพฤติกรรมที่แข็งกร้าวเรียกร้องความสนใจ และเป็นคนที่อ่อนไหวง่ายๆ
แล้วยิ่งได้ไปเห็นสภาพบ้านนักเรียนแล้วทำให้รู้เลยว่า พฤติกรรมที่นักเรียนแสดงออกมาให้เห็นที่โรงเรียนนั้นมาได้อย่างไร เห็นแล้วก็เข้าใจ เห็นใจ แต่ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ในครอบครัวของนักเรียนเป็นปัญหาลึกเกินไปที่เราจะเข้าไปช่วยแก้ไขได้
ในฐานะครูคงทำได้เพียงแต่เข้าใจ เห็นใจ ยอมรับในสิ่งที่นักเรียนเป็นและกระทำ(แม้บางครั้งจะทำใจยอมรับได้ยากในสิ่งที่นักเรียนทำก็เถอะ) และช่วยเหลือนักเรียนในสิ่งที่ครูสามารถช่วยได้เท่านั้น
คิดถึงเรื่องนี้แล้วทำให้นึกถึงข้อความที่เคยอ่านผ่านตามาจากหนังสื่อเล่มไหนหรือเว็บไหนซักเว็บนึง จำไม่ได้แล้ว เค้าเขียนไว้ว่า
"พ่อแม่ต่างเลือกได้ว่าจะอยู่ หรือจะเลิก แต่..ลูก..เลือกไม่ได้เลย ทำได้เพียงแค่อ้าแขนรับชะตากรรมที่พ่อแม่กำหนด"
ด้วยเหตุผลกลใดกันหนอ ที่ทำให้ลูกไม่มีสิทธิ์เลือกได้เลยว่าจะเกิดมากับครอบครัวแบบใด พ่อ-แม่ เป็นแบบใด ลูกทำได้เพียงอ้าแขนรับชะตากรรมจากพ่อ-แม่เท่านั้น
ไม่มีความเห็น