เส้นทางสายไหม สายใยเสน่หากับอาชาสวรรค์


เส้นทางสายไหม สายใยเสน่หากับอาชาสวรรค์

เส้นทางสายไหม สายใยเสน่หากับอาชาสวรรค์

วิโรจน์  แก้วเรือง 

เส้นทางสายไหม         

     เส้นทางสายไหม ใครๆก็ทราบว่าเป็นเส้นทางการค้าขายของพ่อค้าจากซีกโลกตะวันตกกับซีกโลกตะวันออก หาใช่เส้นทางค้าขายโรตีสายไหมบนถนนสายกรุงเทพฯ-อยุธยา หรือกรุงเทพฯ-สุพรรณบุรีไม่ เส้นทางสายไหมเส้นนี้มีความยาวกว่า 7,000 กิโลเมตร เริ่มแต่กรุงอีสตันบูล เมืองหลวงของประเทศตุรกี หรือกรุงคอนสแตนติโนเปิล เมืองหลวงแห่งอาณาจักรโรมันตะวันออกในอดีต เมืองหลวงของมณฑลสานซี สาธารณรัฐประชาชนจีน การค้าขายบนเส้นทางสายไหมอันยาวไกลเทียบได้กับความยาวของเส้นไหมเดี่ยวๆ จากรังไหม ประมาณ 7,000 รัง เรียงร้อยต่อกันนี้ มิได้มีเฉพาะการแลกเปลี่ยนสินค้าเท่านั้น ยังมีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ศาสนา และค่านิยมของผู้คนจากสองซีกโลก แต่ใครเล่าจะทราบบ้างว่าเหตุใดจึงเกิดการเดินทางไกล ผ่านถิ่นทุรกันดาร ผ่านทะเลทรายอันเวิ้งว้างกว้างไกลร้อนระอุในเวลากลางวัน หนาวเย็นเป็นยะเยือกในยามคืน ย่ำขึ้นย่ำลงกับเทือกเขาสูงชันมาติดตามร่วมกันดีกว่าว่าเขาแสวงหาอะไรกัน ? 

สายใยเสน่หา กับ อาชาสวรรค์         

     เส้นทางสายไหม เส้นทางเชื่อมใจของพ่อค้าจากเมืองซีอานยันอีสตันบลู เป็นเส้นทางาการค้าสายแรกที่เชื่อมโลกตะวันออกกับโลกตะวันตก โดยมีเส้นใยเสน่หาที่หาเส้นใยชนิดอื่นมาเทียบมิได้ เพราะมีความวิจิตร เงางามยามสัมผัสและพบเห็นนั่นคือ เส้นไหมและผ้าไหม อันเป็นสินค้าที่สำคัญที่สุด ที่โลกตะวันตกต้องการจากชาวจีนถิ่นตะวันออก ขณะเดียวกันชาวจีนก็ต้องการ ซีเทียนหม่า อาชาสวรรค์จากชาวตะวันตก ซีเทียนหม่าเปรียบได้กับม้าเทวดาที่ประทานมาจากสวรรค์ เป็นม้าที่   เลื่องลือในเรื่องความเร็วและความอดทน ความเร็วของซีเทียนหม่าเวลาออกตัว รวดเร็วกว่านกนางแอ่นบินถลาลมเสียอีก อย่าว่าผมโม้นะครับ ผมเกิดไม่ทันและไม่เคยเห็นจริงๆ  จึงต้องว่าไปตามตำรา มีความอดทนเป็นเลิศ จึงเป็นม้ายอดปรารถนาของจักรพรรดิจีนทุกพระองค์                       

     พูดถึง ม.ไหม และ ม.ม้า ซึ่งไม่น่าเกี่ยวข้องกันแต่แมลงและสัตว์สองชนิดนี้ก็สร้างคุณค่าอนันต์ต่อประชาชาวโลกจากอดีตจนถึงปัจจุบัน ม.ไหม เส้นใยอันทรงคุณค่าสร้างอาภรณ์อันวิจิตรตระการตา ขณะที่ ม.ม้า ใช้เป็นพาหนะอันทรงพลังบุกไปได้ทุกหนแห่ง  แม้แต่ถิ่นทุรกันดารที่ยานพาหนะสมัยใหม่ไม่สามรถนำเราไปได้เช่นเดียวกับ  ม.แม่ และ ม.เมีย ที่ยังคงมีความสำคัญ และความหมายต่อชีวิตเราอย่างมหาศาลตั้งแต่เกิดจนตาย ดังนั้นถ้าใครครองใจแม่และเมียได้ ก็เหมือนมีแพรไหมและม้าสวรรค์ประจำกายเลยทีเดียว  

     พ่อค้าวาณิชรายทางจากสองฝั่งโลกได้มาพบกันพร้อมกับนำศาสนาคริสต์ที่มีถิ่นกำเนิดจากตะวันตก ศาสนาอิสลามจากเอเชียกลาง ศาสนาพุทธจากเอเชียใต้ มาเผยแพร่ในประเทศจีน ก่อนที่จะแพร่ไปสู่ประเทศเกาหลี และญี่ปุ่น  ศิลปกรรมอันหรูหราและทรงคุณค่าจากตะวันตก ไม่ว่าจะเป็น  เครื่องแก้วจากเปอร์เซีย เครื่องทองแดงจากรุงโรม ฯลฯ ได้นำมาแลกเปลี่ยนกับผ้าไหมและเครื่องสำริดจากจีนกับราชสำนักถังในนครซีอาน           

     ด้านวัฒนธรรม มีการแลกเปลี่ยนเครื่องดนตรี  เช่น พิณ และซอของชาวอุยกูร์ มณฑลซินเจียง และเอเชียกลาง ได้นำมาเล่นในราชสำนักถังก่อนแพร่หลายนิยมเล่นกันในประเทศต่างๆ ทั่วเอเชีย   เครื่องกังไส อันเลื่องชื่อของจีนในปัจจุบันก็มีการพัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาจากการใช้สีที่นำมาจากตะวันตก โดยเฉพาะสีน้ำเงินที่นำเข้ามาในสมัยราชวงศ์ถัง           

     นอกจากสินค้า และศิลปวัฒนธรรมแล้ว ยังมีการแลกเปลี่ยนพืชผลกันอีกหลายชนิดระหว่าง  ซีกโลกตะวันออกกับซีกโลกตะวันตก เช่น เบญจมาศ โบตั๋น ส้ม และสาลี จากตะวันออกไปตะวันตก และจากตะวันตกมาตะวันออก อาทิ แตงโม องุ่น ทับทิม กระเทียม  และงาฯลฯ นี่ถ้าไม่มีเส้นทางสายไหม เราอาจต้องนำเข้าแตงโม และกระเทียม  มาจากยุโรปก็เป็นได้ 

ผู้บุกเบิกเส้นทางสายไหม           

     ในสมัยจักรพรรดิฮั่นหวู่ตี้ (Han Wu Di) จักรพรรดิองค์ที่ 5 แห่งราชวงศ์ฮั่น ( พ.ศ.403-455)  ได้สั่งให้จางเซียน  (Zhang Xian)  เข้าเจรจาทางการทูตกับอาณาจักรต้าเยว่ซื๋อ (Da Yue Shi) ซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันตกไกลจีน ปัจจุบันอยู่ทางตอนเหนือของประเทศอัฟกานิสถาน ในปี พ.ศ. 404 เพื่อร่วมกันปราบปรามชนเผ่าหั้นฉยุงหนู (Hun Xioung Nu) ที่ยึดครองดินแดนภาคตะวันตกของฉนวนเหอซี   ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเหลือง หรือที่ชาวจีนเรียกว่า หวงเหอ ระหว่างเทือกเขาฉีเหลียนซานตอนใต้กับตอนเหนือทะเลทรายโกบี อันเป็นช่องทางยุทธศาสตร์สำคัญในประวัติศาสตร์จีน คราวใดที่จีนอ่อนแอ พวกหั้นฉยุงหนูจะเข้าโจมตีเมืองต่างๆ ของจีน ดังนั้นยามใดที่ภาคกลางของจีนสงบ จักรพรรดิจีนทุกพระองค์จะยกทัพไปปราบชนกลุ่มนี้ จางเซียนไม่ประสบผลสำเร็จในการปราบหั้นฉยุงหนูในครั้งนี้        จึงถูกจับและถูกคุมขังนานถึง 13 ปี  จึงหลบหนีออกมาได้ นำความเรื่อง ซีเทียนหม่า ม้าสวรรค์ไปกราบบังคมทูลต่อจักรพรรดิว่า ดินแดนทางภาคตะวันตกแถบทุ่งหญ้าแห่งเมืองต้าวัน เมืองโบราณอยู่แถบทุ่งหญ้าแพร์รี่ประเทศคาซัคสถานในปัจจุบัน มีม้าสวรรค์ฝีเท้าดี ดุจบินเหินกลางอากาศเป็นอาชาสวรรค์ที่วิเศษดุจสวรรค์สร้าง ถ้าพระองค์ได้มาครอบครอง ก็จะสามารถยึดครอง    ฉนวนเหอซีนี้ได้อย่างง่ายดาย พระองค์จึงให้แม่ทัพหลีกวงหลี่ยกทัพจากซีอานข้ามทะเลทรายโกบีและเขาเทียนซานเพื่อไปหาม้าสวรรค์ แม่ทัพคนนี้ใช้เวลาถึง 4 ปีเต็ม  รวบรวมม้าสวรรค์เข้ามาประจำการในกองทัพราชวงศ์ฮั่นได้ถึง 3,000 ตัว จักรพรรดิฮั่นหวู่ตี้ได้มีพระราชโองการให้ แม่ทัพหนุ่ม วัยเพียง 20 ปี

     นามฮั่วชวี่ปิง (Huo Qu Bing) พร้อมกองทหารม้าสวรรค์ยกทัพไปปราบหั้นฉยุงหนูและสามารถยึดครองฉนวนเหอซีได้พร้อมสถาปนา เส้นทางสายไหม ขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์    ทำให้ราชวงศ์ฮั่นยุคนี้เจริญรุ่งเรืองที่สุด แต่แม่ทัพฮั่วชวี่ปิงเสียชีวิตเมื่อมีอายุเพียง 24 ปีจักรพรรดิฮั่นหวู่ตี้ ทรงโทมนัสเป็นอย่างยิ่งนักที่ต้องเสียขุนพลคู่ใจ จึงทรงฝังศพแม่ทัพผู้นี้ไว้หน้าสุสานของพระองค์    พร้อมสลักหินเป็นรูปม้าสวรรค์กำลังเหยียบพวกหั้นหยุนหนูอยู่ใต้ฝ่าเท้าไว้ด้านข้างหลุมฝังศพ ไม่ทราบว่าซีเทียนหม่าม้าสวรรค์ของจีนยังคงสืบเผ่าพันธุ์มาถึงปัจจุบันหรือไม่ ใครทราบช่วยตอบที เพราะต้องเป็นที่สนใจของผู้เลี้ยงม้าแข่งเป็นแน่แท้ 

เส้นทางสายไหมมีกี่สาย?         

     เส้นทางสายไหม หรือ Silk Road  ในภาษาอังกฤษได้รับการบัญญัติขึ้นครั้งแรกโดย  เฟอร์ดินานด์วอนริชโทเฟน (Ferdinand Von Richthofen) นักภูมิศาสตร์ชาวเยอรมัน ในหนังสือ “CHAINA” ที่หมายถึงประเทศจีนนั่นเอง ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ในปี พ.ศ. 2420 หลังจากการเกิดเส้นทางสายไหมในอดีตสายแรกถึง 2,016ปี ต่อมาองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ศึกษาเส้นทางสายไหมในประเทศจีนและประเทศต่างๆ ในเอเชียกลางทำให้ทราบว่า เส้นทางสายไหมมีทั้งหมด 3 สายหลัก  ดังนี้           

     1.สายทะเลทราย เกิดขึ้นในสมัยราชวงศ์ฮั่น เริ่มจากนครซีอาน มุ่งสู่ทิศตะวันตกผ่านมณฑลกานซู  ถึงเมืองตุนหวงศูนย์กลางการเดินทางบนถนนสายนี้ แล้วแบ่งออกเป็น 2 สาย คือ           

     -  สายเหนือ  จากเมืองตุนหวง  มุ่งสู่ทางเหนือของทะเลทรายตากลามากัน  ผ่านเมืองอูเอ่อเล่อ  คู่เซ่อ  คาชการ์ แล้วเข้าเอเชียกลาง  ผ่านเมืองทัชเคนท์  บุคารา (ในประเทศอุซเบกิสถาน)  แล้วเข้ากรุงแบกแดด  ประเทศอิรักผ่านทะเลทรายซีเรีย  สิ้นสุดที่กรุงอีสตันบูล  ประเทศตุรกี           

     -  สายใต้  จากเมืองตุนหวง  มุ่งสู่ทางใต้ของทะเลทรายตากลามากัน  ผ่านเมือง เหอเกียนยารัคคาน  ไปบรรจบสายแรกที่คาชการ์  เช้าสู่เอเชียกลาง หรือแยกลงใต้  ผ่านที่ราบสูงคาราโครามสู่เมือง  กิลกิต ตักศิลา ประเทศปากีสถาน หรือแยกเข้าสู่อัฟกานิสถาน  ไปสิ้นสุดที่อีสตันบูล  หรือแยกเข้าเมืองอัมริสา  เมืองกัลกัตตา  ประเทศอินเดีย  ตามเส้นทางเผยแพร่พุทธศาสนา           

     2.สายทุ่งหญ้า  เป็นเส้นทางที่แยกจากเมืองซีอานข้ามเทือกเขาเทียนซาน  ถึงเมืองบาลิคูนแล้วไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือสู่เทือกเขาอัลไต  เอเชียกลาง  ทุ่งหญ้าแพร์รีตอนกลางของประเทคาซัคสถาน  ที่เป็นแหล่งอาศัยของม้าสวรรค์  เนื่องจากอุดมสมบูรณ์ไปด้วยหญ้าอาหารของม้าเส้นทางนี้ยังมีอีกเส้นทางหนึ่งที่แยกไปทางเทือกเขาเทียนซานตอนเหนือสู่เมืองฮามี่  ทูหลู่ฟาน  อูหลู่มู่ฉี  อีลี่  ก่อนเข้าสู่เอเชียกลาง           

     3.สายทะเล  เริ่มจากทะเลจีนใต้ มณฑลกวางตุ้ง  หรือมณฑลฟูเจี้ยนตอนใต้ของจีนเข้าสู่คาบสมุทรมลายู  ผ่านประเทศไทย  มาเลเซีย  เข้าสู่เกาะสุมาตราไปยังมหาสมุทรอินเดีย  ผ่านศรีลังกา  อินเดียเข้าสู่ทะเลแดงขึ้นฝั่งที่อียิปต์ก่อนมุ่งสู่กรุงโรม ประเทศอิตาลีในปัจจุบัน  เส้นทางนี้เจริญรุ่งเรืองมากในสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อ  (Yong Le)  แห่งราชวงศ์หมิง  ระหว่าง พ.ศ. 1948-1976  ที่พระองค์ได้ให้แม่ทัพขันทีนามว่า  เจิ้งเหอ  (Zheng He) เดินเรือค้าขายเส้นไหม  ผ้าไหม  และสินค้าอื่นๆ กับประเทศต่างๆ มากกว่า 30 ประเทศ ตลอดเส้นทางสายไหมสายทะเล           

     ปัจจุบันเส้นทางสายไหมเกิดขึ้นมากมายเหลือเกินตลอดแนวชายแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน  ยิ่งมีความแตกต่างระหว่างราคาของเส้นไหมมากเท่าไร  เส้นทางสายนี้ก็ยิ่งเกิดขึ้นมากเป็นเงาตามตัว  นับว่าเป็นการบ่อนทำลายอุตสาหกรรมไหมไทยทั้งทางาตรงและทางอ้อม  ส่งผลกระทบต่อผู้มีอาชีพปลูกหม่อนเลี้ยงไหม  รัฐขาดรายได้จากภาษีนำเข้าเส้นไหม  เส้นทางสายไหมสายอันตราย  เส้นนี้คือ  เส้นทางสายไหมลักลอบ  

บรรณานุกรม 

     ปริวัฒน์  จันทร.  2546.  ย่ำรอยทราย...บนสายแพรไหม.  มติชน กรุงเทพฯ.  271 หน้าSun Yifu.  1989.  The Silk Road on Land and Sea.  China  Pictorial  Publishing  Company.   Beijing.  303 pp.             

 

หมายเลขบันทึก: 112798เขียนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2007 14:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 21 มิถุนายน 2012 06:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
บริษัทนาคาแลนด์ทัวร์แอนด์ทราเวลจำกัด

สวัสดีครับ ผมบริษัทนาคาแลนด์ทัวร์ แอนด์ ทราเวล จำกัดชวนเพื่อนๆเที่ยว

Uzbekistan Cultural Tour อุซเบกิสถาน : เส้นทางสายไหมในเอเชียกลาง

เอเซียกลางหรือเอเซียไมเนอร์เป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ของโลกมาช้านาน ผู้ที่เคยศึกษาประวัติศาสตร์จะทราบดีว่า อารยธรรมยุคแรก ๆ ของโลกได้แก่บริเวณลุ่มแม่น้ำไทกริสและยูเฟรติส ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของอารยธรรมในเอเซียกลาง ดินแดนที่เป็นประเทศอุซเบกิสถานในปัจจุบันนี้ มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานวัฒนธรรมอันหลากหลายได้หลั่งไหลเข้ามายังดินแดนแถบนี้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลาหลายพันปีมาแล้ว ดินแดนนี้เคยตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรมองโกลและแผ่นดินจีน ได้รับเอาวัฒนธรรมฮินดูและพุทธศาสนาจากอินเดีย ต่อมาศาสนาอิสลามก็ได้เข้ามามีบทบาทในสังคมตราบจนถึงทุกวันนี้ และท้ายสุดยังเป็นส่วนหนึ่งในระบบสังคมนิยมของอาณาจักรโซเวียต ดังนั้นอุซเบกิสถานจึงเป็นดินแดนที่ร่ำรวยมากด้วยวัฒนธรรมที่ควรค่าแก่การไปเยือนอย่างยิ่ง เรามีทัวร์ในวันที่ 11 -18 กันยายน 2552

มีบุคคลใดสนใจสามารถติดต่อหรือขอข้อมูลเพิ่มเติมที่เราได้ที่ เบอร์ 02-185-2764-7 หรือ 0819889553 ติดต่อคุณ ซิ้น หรือ ชนินทร์ ขอบคุณครับ

กระทู้เฮี้ยมาก ความรู้แม่งมั่วชิบ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท