สำหรับนิทรรศการ มีทั้งหมด 33 Booth แต่ละ Booth สวยงาม น่าสนใจทีเดียว แม้ว่า เนื้อหาในนิทรรศการจะเน้น KM มากเกินไป ซึ่งคำถามยอดฮิตที่วิทยากรประจำ Booth ได้รับจากผู้เยี่ยมชมนิทรรศการมากที่สุดคือ
- KM คืออะไร
- ทำอย่างไรจึงประสบความสำเร็จ
- ผลงานที่ได้จาก KM คืออะไร
- KM เริ่มต้นอย่างไร เข้ามาที่โรงเรียนได้อย่างไร
- ก่อนทำ KM โรงเรียนเป็นอย่างไร
ไฮไลท์อีกช่วงหนึ่งคือ ช่วงชื่นชม ยินดี มอบรางวัล ซึ่งมีทั้งหมด 3 ประเภท คือ รางวัลนิทรรศการ (การให้ข้อมูลของวิทยากรประจำ Booth ความสวยงาม การใช้สื่อและเทคโนโลยี และเนื้อหาของ Booth) รางวัลการนำเสนอในห้องย่อย (กระชับ ตรงประเด็น ชัดเจน เห็นผล อยู่ในเวลาที่กำหนด) รางวัล Blog (เน้นการสร้างและใช้ Blog ให้เป็นทีม)
ช่วงสุดท้ายของงาน ดร.สุวัฒน์ เงินฉ่ำ ในฐานะผู้อำนวยการโครงการ EdKM ได้กล่าวว่า การจัดงานนี้ มีจุดมุ่งหมาย 3 ประการ คือ
1. ให้องค์กรของโครงการฯ ได้มีโอกาสนำเสนอผลงาน
2. เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ไม่เฉพาะภายในองค์กรของโครงการฯ
3. เป็นการเผยแพร่เรื่อง KM
- ไม่คิดว่า การจัดงานครั้งนี้จะประสบความสำเร็จอย่างสูง และได้บทเรียนจากการจัดครั้งนี้หลายเรื่อง ซึ่งจะนำไปใช้ในการปรับปรุงการจัดงานครั้งต่อไปได้เป็นอย่างดี
- ไม่มีอะไรดีที่สุด แต่ต้องดีต่อไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
- ต้องต่อยอดจากความรู้เดิม และปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมองค์กร ต้องปรับกระบวนทัศน์หรือ วิสัยทัศน์
- ในการทำงานขององค์กรทางการศึกษา ทำงานตามคำสั่งดี แต่ทำไมคุณภาพการศึกษาจึงยังไม่สูงขึ้น ครูทำงานหนักมาก KM เป็นวิธีการทำงาน ที่ช่วยลดภาระงานเดิม และพัฒนางานให้ดีขึ้น แต่ไม่ใช่เป็นยาวิเศษ
- ทุกคนมีส่วนร่วม ลงมือทำ ต่อยอดประสบการณ์ใหม่ ปรับให้เข้ากับงานของเรา
นอกจากนั้น ดร.สุวัฒน์ ยังได้สะท้อนข้อสังเกตบางประการจากงานมหกรรมฯ ครั้งที่ 1 ดังนี้
- บางทีบางเรื่องที่นำเสนอกันในงานนี้นั้น หัวปลาไม่ชัดว่า เราทำไปเพื่ออะไร เป้าหมายของงานต้องชัด แต่หลายองค์กรก็นำเสนอได้ชัดเจนดี
- การนำ KM ไปใช้ ในลักษณะโครงการฯ ทำให้บางอย่างเหมือนไม่ได้ต่อยอดความรู้เดิม ไม่ได้ตระหนักหรือเห็นความสำคัญของกระบวนการต่อยอด ใช้แต่การระดมสมอง ทำให้ KM ขาดพลังในการขับเคลื่อน ขาดหัวใจคนทำงานและประสิทธิภาพของคนทำงาน
- ดูเหมือนว่า เราทำกระบวนการ KM ครบวงจร แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมาแค่ได้ขุมความรู้ และไม่มีกิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อพัฒนาคน พัฒนางาน อย่างแท้จริง ต้องหาทางทำให้ชัดเจนขึ้น เพราะ KM จะเกิดพลังและมีประสิทธิภาพ อยู่ที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ก่อนอื่นต้องทำกับคนในองค์กรของเราก่อน ซึ่งมีคนดีคนเก่งเยอะแยะ รู้ว่าใครเก่งดี แต่การถ่ายเท ถ่ายโยง เคลื่อนความรู้จากคนหนึ่งไปยังอีกคนหนึ่งยังอ่อนอยู่
- การเผยแพร่ องค์ความรู้ที่เราได้พัฒนาขึ้นเป็น Best Practice ที่จะออกไปเผยแพร่ยังน้อยอยู่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ต้องได้มาด้วยกระบวนการ KM แล้วหาช่องทางเผยแพร่ให้มากขึ้น การออกงานบ่อยๆ การ ได้นำเสนอบ่อย จะทำให้เราเผยแพร่ได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ
- KM ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ไปไกลกว่าที่คณะวิจัยฯ คิด และตอนนี้ สพฐ. ก็รับไปทำอีกส่วนหนึ่งด้วย โดย สพฐ. ไปอบรมให้ศึกษานิเทศก์ทั่วประเทศ ไปไวกว่าที่คิด แต่ก็เป็นภาระกิจที่ต้องติดตาม และทำงานร่วมกันต่อไป
- การทำ KM ไม่ควรยึดติดกับผู้บริหาร ความยั่งยืนอยู่ที่ผู้ปฏิบัติ ถ้าผู้บริหารเข้าใจ และการนำเสนอ ในงานนี้ก็ส่วนใหญ่เป็นผู้ปฏิบัติหรือครูผู้สอนทั้งสิ้น เขตฯ ต้องดูแลสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับงานมหกรรมตลาดนัดความรู้ฯ ครั้งที่ 2 (ภาคเหนือ) จะจัดในระหว่างวันที่ 14-15 กรกฎาคม 2550 ที่จังหวัดเชียงใหม่ โปรดติดตามนะคะ
ได้มาเรียนรู้ด้วยครับ ขอบคุณครับ