ปีกลาย (2547) ผู้เขียนไปซื้อของที่แมโครเชียงใหม่ มีฝรั่งคนหนึ่งท่าทางจริงจังถามพนักงานขายว่า ทำไมนมจืดถึงมีน้ำตาล พนักงานขายบอกว่าไม่มี ฝรั่งดูฉลากอาหาร (food label) ข้างกล่องนมแล้วบอกว่ามี
ผู้เขียนดูท่าทางจะพูดกันไม่เข้าใจจึงเข้าไปอธิบายว่า นมจืดมีน้ำตาลแลคโตส (lactose) ฝรั่งฟังแล้วก็ไม่เข้าใจอีก
ผู้เขียนพิจารณาดู คิดว่า ท่านผู้นี้อาจจะไม่เข้าใจว่าน้ำตาลแลคโตส(น้ำตาลนม)คืออะไร จึงอธิบายไปใหม่ว่า นมจืดมีน้ำตาลนมตามธรรมชาติ (Milk has its own natural sugar or milk surgar.) ไม่ใช่น้ำตาลที่เติมเข้าไป (no added sugar) และไม่ใช้น้ำตาลอ้อย (no cane sugar)
การพูดถึงของมีอยู่ตามธรรมชาติ(น้ำตาลนม)ทำให้ฝรั่งคนนั้นเข้าใจ เขาจึงบอกว่า เขาจริงจังกับเรื่องนี้มาก เพราะเขามีลูกที่ยังเล็กอยู่ ต้องดูแลสุขภาพกันอย่างจริงจัง สรุปคือ เขาไม่อยากให้ลูกเขากินนมหวาน
ฝรั่งคนนี้คงคล้ายกับฝรั่งที่มาอยู่เมืองไทยหลายท่าน คือมีลูกตอนอายุมาก และมักจะมีภรรยาคนไทยอายุน้อย นับว่า เขาเป็นพ่อที่ทำหน้าที่ได้ดีมากในเรื่องสุขภาพท่านหนึ่งทีเดียว ลูกของเขาคงจะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดีในอนาคต
วันนี้เรามีข่าวดีสำหรับคนที่ดื่มนมมาฝาก ดร.เซดริค การ์แลนด์ อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์มะเร็ง ซานดิเอโก้ มัวร์แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียได้ทบทวนการศึกษาในปี 2509-2547 (39 ปี) พบว่า วิตะมินดีมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่
วิตะมินดีมีมากในนม โยเกิร์ต เนยแข็ง โดยมีประมาณ 100 หน่วยสากล (IU) ต่อ 1 หน่วยบริโภคหรือเทียบเท่านมประมาณ 240 มล. อาจารย์ดร.เซดริคแนะนำว่า คนเราควรได้รับวันละ 1,000 หน่วยสากลขึ้นไปจึงจะดี
คนในประเทศเขตร้อน เช่น คนไทย ฯลฯ มีโอกาสขาดวิตะมินดีน้อย เนื่องจากผิวหนังสังเคราะห์วิตะมินดีเมื่อได้รับแสงแดด และแดดเมืองไทยก็ร้อนขึ้นทุกวัน จึงขอเชิญชวนช่วยกันปลูกต้นไม้ และอนุรักษ์ป่าไม้ไว้นะครับ จะได้บรรเทาความร้อนลงไปบ้าง
กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อการขาดวิตะมินดีได้แก่ คนที่อยู่ในบริเวณทางเหนือของเขตอบอุ่นหรือเขตหนาว บริเวณดังกล่าวมีแสงแดดน้อย คนอาฟริกันอเมริกัน(นิโกร)ที่อยู่ในเขตอบอุ่นหรือเขตหนาวมีโอกาสขาดวิตะมินดีมากกว่าฝรั่ง เนื่องจากมีเม็ดสีในผิวหนังมากกว่า
คำแนะนำ:
- ท่านที่ต้องการกินโยเกิร์ต(นมเปรี้ยว) นม หรือผลิตภัณฑ์ แนะนำให้เลือกกินเฉพาะชนิดไขมันต่ำ (low fat milk / yoghurt) หรือชนิดไม่มีไขมัน (nonfat / no fat) เนื่องจากนมและผลิตภัณฑ์นมมีโคเลสเตอรอล และไขมันอิ่มตัวสูง
- ท่านที่มีโรคเบาหวานควรปรึกษาแพทย์ก่อนกินผลิตภัณฑ์นม เนื่องจากผลิตภัณฑ์นมทุกชนิดมีน้ำตาลนม (milk sugar / lactose)
- ท่านที่ต้องการเสริมแคลเซียมและไม่อยากดื่มนม แนะนำให้กินงาดำ (งาดำมีแคลเซียมสูงกว่างาขาว) ผักใบเขียว เพราะมีแคลเซียมสูง
ตัวอย่างไขมันและน้ำตาลในนม:
- นมพร่องมันเนย(ชนิดจืด ไม่เติมน้ำตาล)ดัชมิลล์ พาสเจอไรส์ 100 % 1 แก้ว (200 มล.) มีไขมัน 1.5 กรัม (2 %) ไขมันอิ่มตัว 0.5 กรัม (3 %) โคเลสเตอรอล 5 มก. (2 %) น้ำตาล 11 กรัม
- นมสด(ไขมันเต็มส่วนชนิดจืดไม่เติมน้ำตาล)พาสเจอไรส์ ตราเมจิ 100 % 1 แก้ว (200 มล.) มีไขมัน 8 กรัม (12 %) ไขมันอิ่มตัว 5 กรัม (25 %) โคเลสเตอรอล 25 มก. (8 %) น้ำตาล 9 กรัม
- ตัวเลขในวงเล็บหมายถึง Thai RDI (Thai recommended daily intake) หรือปริมาณขั้นสูงสำหรับผู้ใหญ่คนไทยรูปร่างปานกลาง ไม่อ้วนหรือผอมเกิน ไม่ตั้งครรภ์และไม่ได้ให้ลูกดื่มนมว่า ไม่ควรกินอาหารนั้นเกิน 100 %
- ถ้าตั้งครรภ์หรือให้ลูกดื่มนมควรกินข้าวกล้อง แคลเซียม เช่น นมไม่มีไขมัน นมไขมันต่ำ ฯลฯ ผัก(โดยเฉพาะผักใบเขียว) งาดำ(มีแคลเซียมสูง) และผลไม้เพิ่ม เพื่อให้ได้วิตะมินและเกลือแร่เพียงพอ
แหล่งข้อมูล:
- ขอขอบคุณ > Vitamin D lowers cancer risk: study. > http://go.reuters.com/newsArticle.jhtml?type=healthNews&storyID=10707141&src=eDialog/GetContent > December 28, 2005. (source: This week online in American Journal of Public Health).
- ขอขอบคุณ > ฉลากอาหารนมพร่องมันเนยพาสเจอไรส์ดัชมิลล์ (lot 28:2131 exp 140505).
- ขอขอบคุณ > ฉลากอาหารนมสดพาสเจอไรส์ตราเมจิ (lot 38229327 exp 06/11/04).
- นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ ศูนย์มะเร็งลำปาง จัดทำ > ๓๐ ธันวาคม ๒๕๔๘ สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. ๒๕๔๘
- ยินดีให้ท่านผู้อ่านนำไปใช้ โดยไม่เกี่ยวกับการค้าได้ครับ...