วันนี้ตั้งใจเอาไว้ว่าจะเข้ามาเล่าเรื่องโครงการเตรียมความพร้อม (ภาค1) ให้จบ เพราะ เล่ามาหลายวันแล้ว ความจริงตั้งใจจะให้จบตั้งแต่เมื่อวานนี้ค่ะ แต่อย่างที่บอกไว้แล้วว่าเครื่องคอมพิวเตอร์มันรวน พอคอมพิวเตอร์ใช้ได้ ระบบอินเตอร์เน็ตก็มีปัญหาอีก แต่ยังไงซะวันนี้ก็ต้องจบค่ะ
ขอเล่าต่อเลยก็แล้วกันนะคะ หลังจากที่ปรึกษาหารือกับแกนนำ (บางคน) รวมทั้งข้อสรุปที่ได้จากการพูดคุยกับมสช. เมื่อนำมาเขียนเป็นโครงการ (เนื้อหาก็อย่างที่นำเสนอเมื่อวานนี้ค่ะ) เสร็จแล้ว ผู้วิจัยได้นำโครงการเข้าที่ประชุมเครือข่ายประจำเดือนเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2548 ที่ผ่านมา โดยพยายามเรียบเรียงเนื้อหาในการนำเสนอให้ชัดเจนที่สุด พยายามพูดให้ช้าลง บางทีก็มี "คำเมือง" ติดเข้าไปด้วย และที่สำคัญพยายามหลีกเลี่ยงคำพูดหรือประโยคที่เป็นวิชาการมากๆ เพราะ มีประสบการณ์จากที่เคยพูดให้คณะกรรมการเครือข่ายฯฟังแล้วเขาดูเหมือนว่าไม่ค่อยเข้าใจเรา (ทำให้ผู้วิจัยต้องใช้ความระมัดระวังและฝึกฝนมากขึ้น) แต่ครั้งนี้เหตุการณ์ดูเปลี่ยนไปมากค่ะ จากการสังเกตดูเหมือนว่าทุกคนจะฟังผู้วิจัยพูดได้เข้าใจมากขึ้น โดยที่คณะกรรมการจะมีปฏิกิริยาโต้ตอบกับนักวิจัยอยู่ตลอดเวลา เช่น ซักถามเมื่อไม่เข้าใจ พยักหน้า ยิ้ม เป็นต้น (ที่เป็นเช่นนี้อาจเป็นเพราะบรรยากาศในการประชุมเครือข่ายดีก็ได้ค่ะ) สำหรับข้อสรุปที่ได้จากที่ประชุมก็คือ ทุกคนเห็นด้วยกับโครงการ เพราะ โครงการที่เสนอมาคณะกรรมการเห็นว่าสามารถแก้ปัญหาให้กับเครือข่ายฯได้ บรรยากาศในการประชุมเป็นกันเองมาก หลังจากผู้วิจัยอธิบายจบ ปรากฎว่าในที่ประชุมเริ่มมีการค้นหาแกนนำกันเดี๋ยวนั้นเลย (มีคนอยากเป็นคุณสามารถ 1,2,3,....เต็มไปหมด) แถมยังมีการถามเผื่อสมาชิกคนอื่นที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมหรือไม่ได้เป็นคณะกรรมการเครือข่ายฯอีกว่าจะสามารถสมัครเป็นแกนนำได้หรือไม่ ผู้วิจัยตอบว่าได้ ในเบื้องต้นนี้ขอแต่เพียงคนที่มีใจก่อนก็พอ เชื่อไหมคะว่าคณะกรรมการอยากจะลงชื่อสมัครกันเลย แต่ผู้วิจัยได้บอกว่าขอให้ใจเย็นๆก่อน ตอนนี้เตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมก่อน รายละเอียดต่างๆจะมีความชัดเจนขึ้นในระยะต่อๆไป
นอกจากนี้แล้ว เมื่อพูดถึงการไปดูงานที่สงขลา ดูเหมือนว่าทุกคนจะตื่นเต้นกันมาก คณะกรรมการต่างช่วยกันออกความเห็นว่าจะไปกันยังไง เอารถอะไรไป ส่วนใหญ่อยากไปเครื่องบิน เพราะ ระยะทางไกลมาก (แต่ก็คงเป็นเพียงความฝันค่ะ เพราะ ค่าเครื่องบินก็แพงมากเหมือนกัน) แต่ถ้าไม่ได้จะเป็นรถอะไรก็ได้ อนึ่ง มีคณะกรรมการบางคนที่ทำงานประจำแสดงความวิตกกังวลว่าถ้าไปหลายวันเกรงว่าจะไปด้วยไม่ได้หรือถ้าไปได้ก็จะอยู่ไม่ได้ครบวัน ในข้อนี้ผู้วิจัยก็ได้บอกว่าไม่เป็นอะไร ถ้าหากมีความจำเป็นจริงๆร่วมกิจกรรมได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่บังคับกัน เพราะ อย่างที่บอกตั้งแต่ตอนต้นแล้วว่างานนี้ขอคนที่มีใจ
สำหรับประเด็นในเรื่องการจุดประกายให้ภาคส่วนต่างๆเห็นความสำคัญนั้น คณะกรรมการต่างเห็นด้วย ไม่มีประเด็นซักถามอะไร เพียงแต่มีบางคนได้แสดงความคิดเห็นว่าต่อไปนี้คงติดต่อหน่วยงานได้ไม่ยากเหมือนกับที่ผ่านมา เพราะ ทางธรรมศาสตร์ได้เข้ามาช่วย และนักวิจัยรวมทั้งประธานฯก็ได้เข้าไปพูดคุยกับหน่วยงานต่างๆแล้ว
พอวันรุ่งขึ้น (วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2548) ผู้วิจัย , อาจารย์พิมพ์ รวมทั้งคุณสามารถก็ได้นำเรื่องโครงการเตรียมความพร้อมไปเรียนให้ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง (ท่านเจริญสุข ชุมศรี) ทราบ ท่านแสดงความเห็นด้วย พร้อมกับบอกว่าในระหว่างนี้หากมีหน่วยงานมาให้การสนับสนุนอย่างนี้ก็จะดี เครือข่ายฯก็จะเข้มแข็งขึ้น ทางจังหวัดยินดีจะให้ความร่วมมืออยู่แล้ว นอกจากนี้ท่านยังได้มอบเอกสารเกี่ยวกับแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดลำปางให้กับทีมวิจัยด้วย ท่านเสนอแนะว่าให้เอาเอกสารนี้ไปศึกษา เพราะ ถ้าหากจะของบประมาณหรือต้องการได้รับการสนับสนุน โครงการจะต้องสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์การทำงานของจังหวัด ซึ่งเท่าที่ท่านดูแล้วคิดว่ากิจกรรมรวมทั้งเป้าหมายของเครือข่ายฯนั้นสอดคล้องกับยุทธศาสตร์หลายข้อ ดังนั้น คงไม่มีปัญหาอะไร ท่านยังแนะนำให้ไปคุยกับ พมจ. ท่านเห็นว่า พมจ.จะเป็นเจ้าภาพที่ดีและเหมาะสมมาก เนื่องจากยุทธศาสตร์การทำงานนั้นสอดคล้องกัน
จากที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ผู้วิจัยขอสรุปสั้นๆว่า หากต้องการให้งานเคลื่อนนั้นต้องรีบทำ เหมือนกับการตีเหล็กก็ต้องตีเมื่อเหล็กยังร้อน การทำงานกับชุมชนต้องอาศัยความอดทน บางครั้งก็ต้องเร็ว บางครั้งก็ต้องช้า บางครั้งก็ต้องอ้อม แต่ห้ามถอยโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นจะไม่ถึงเส้นชัย