Go to Beijing China


สิ่งที่หาดูได้ยากในปักกิ่ง ถ้าเห็น 5 อย่างนี้จะโชคดี
             Go to Beijing China          แปดโมงครึ่งของวันที่ 21 พฤษภาคม 2550 เป็นเวลานัดหมายที่นักศึกษา KM ทุกคนมารวมตัวพร้อมกันเพื่อขึ้นรถของมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตเดินทางไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ พวกเราทุกคนมีท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใสกว่าตอนนั่งเรียนในห้องมาก คุยกันยิ่งกว่านกกระจอกแตกรังแลกเปลี่ยนความรู้กันยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ที่เห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องสำคัญมากคือ กระเป๋าเดินทาง เห็นของเพื่อนแล้ว เจ้าพระคุณเอ้ย! จะเอาไปทำอะไรกันใหญ่ขนาดนั้น นี่จะไป 5 วันหรือ 1 ปี ก็ไม่รู้ แถมบางคนใบใหญ่ไม่พอมีใบเล็กอีก 2 ใบ เรียกได้ว่าไปกันทั้งครอบครัว แต่ขอโทษของเพื่อนผู้หญิงของผมเอง เอกะจะไปขนเอาอะไรกลับมากันนา ต้องตามไปดู อีกเรื่องคือการประชันโฉมกันของบรรดาสาวน้อย สาวใหญ่ ที่เหมือนจะไปเดินแบบที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งสีสัน รูปแบบ เรียกว่าไม่มีใครยอมใครกันเลยละดูไม่ออกเลยครับคนไหนลูกศิษย์คนไหนอาจารย์ รุ่นเดียวกันทั้งน้าน ครับ           เราเดินทางใช้เวลาประมาณ 40 กว่านาทีก็มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ วันนี้โชคดีรถไม่ติดเดินทางโดยสวัสดิภาพมาถึงจุดนัดหมายกับไกด์คนไทยที่ชื่อ คุณฟ้า อะ อะ กำลังจินตนาการอยู่ใช่ไหมครับว่าไกด์จะสวยแค่ไหน  ขอบอกว่าผู้ชายครับแต่ชื่อฟ้า คุยกันไปสักพักก็เปลี่ยนไปเป็น ฟ้าใส ผมมาสนามบินสุวรรณภูมิครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว รู้สึกว่าสนามบินสุวรรณภูมิไม่ต่างจากมาครั้งที่แล้วเท่าไร ห้องน้ำสะอาดแต่รู้สึกว่ามันน้อยไปหน่อย กำแพงหรือเสาร์มองเห็นปูนต์ที่ฉาบแต่ยังไม่ได้ทาสี ที่ดูดีมากขึ้นคือเสริมสร้างมุมเอกลักษณ์ไทยมากขึ้น และดูสะอาดตามากกว่าครั้งแรกที่มา เมื่อมาถึงมันต้องถึงจริง ๆ สำหรับผมต้องได้ไปเข้าห้องนั่งสงบสติอารมณ์ซะหน่อย ทั้งห้องน้ำด้านนอกและห้องน้ำด้านในระหว่างรอขึ้นเครื่อง ดู ๆ แล้วด้านนอกคนจะพลุกพล่านกว่ามาก อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเราให้ความสนใจกันมากคือ Dutyfree โดยเฉพาะเพื่อนผม คุณบอย ต้องวิ่งหาซื้อน้ำหอมกลิ่นนั้น ยี่ห้อนี้ สำหรับฝากคนอื่น ๆ และให้รางวัลแก่ตนเอง เค้าไม่เคยเสียดายเงินเลยหากพิจารณาแล้วว่า หนึ่ง คือ ถูก สอง คือ คุ้ม สาม คือ โอกาสมาพบมีน้อย ดังนั้นเค้าจะไม่รีรอให้เสียเวลาแม้นาทีเดียว แล้วมาบ่นทีหลังว่า เสียดาย รู้อย่างนี้ซื้อแต่แรกก็ดี  ผมเองก็สนุกกับการถ่ายรูปอาณาบริเวณนั้น และไม่ลืมไปสำรวจห้องน้ำสักนิดว่าเป็นอย่างไร อิอิอย่ามองว่าเป็นโรคจิตหรือเปล่า ไม่ใช่ครับแต่ติดนิสัยมาแต่เด็กแล้วที่ก่อนไปไหน แม่จะให้ทำธุระให้เรียบร้อยเสียก่อน เราเดินมาถึงประตูทางออกขึ้นเครื่องทุกคนคุยกันสนุกสนานมาก ถ่ายรูปกันทุกที่ เสียงนี่ดังกว่ากลุ่มใคร ๆ ผมเองนั่งตื้นเต้นนึกในใจ เจ้าพระคุณจะเดินทางไกลลอยไปในอากาศอย่าเป็นอะไรเลย ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพเถอด               สักครู่หนึ่งประมาณเวลาเกือบบ่ายโมงก็ได้ยินเสียงประกาศให้ท่านผู้โดยสารที่จะเดินทางไปยังกรุงปักกิ่ง ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนขึ้นเครื่องได้ พวกเราก็ทยอยกันขึ้นเครื่อง โดยการเดินทางครั้งนี้ เราได้ใช้บริการสายการบิน คุณหยิบแอร์ เอ้ยไม่ใช่ อียิปแอร์ เรียกอีเดี่ยวไม่ไพเราะ พอได้เห็นหน้าฝรั่งจะเป็นอียิปหรือเปล่าไม่รู้ รู้แต่ว่าไม่ค่อยถูกชะตากันเลย พอได้เห็นว่ามีพนังงาน แอร์โฮสเตรส คนไทยมาอยู่บนเครื่องด้วยก็ค่อยชื่นใจหน่อย อย่างน้อยก็พูดกันรู้เรื่องบ้าง การเดินทางไปปักกิ่งครั้งนี้ใช้เวลา 4 ชั่วโมง เรียกว่าหลับได้ 2 ตื่นเลยทีเดียว พอเครื่องบินเคลื่อนตัวไปยังรันเวย์หัวใจก็เต้นอย่างกับเต้นดิสโก้เลยทีเดียว เครื่องเริ่มวิ่งและยกหัวขึ้นเหมือนหัวใจลอยไปไหนไม่รู้ ได้แต่มองท้องฟ้ากับพื้นดินสลับกับไปมาและกลืนน้ำลายถี่ ๆ เพราะหูอื้อ เครื่องบินลำนี้ต่างจากที่เคยนั่งตอนไปเที่ยว ภูเก็ต คือมีกล้องที่ถ่ายภาพด้านหน้าของเครื่องบินมาให้ดู ระหว่างกำลังทะยานขึ้นก็ถ่ายภาพพื้นดินให้ดูว่าเป็นอย่างไรบ้าง นึกถึงหนังเรื่องหนึ่งขึ้นมาในสมอง เรื่อง Final destination ตอนเครื่องบินระเบิด ยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ หยุด หยุด หยุดคิดเดี่ยวนี้ หันไปสนใจเรื่องอื่นดีกว่า ผมก็เริ่มสำรวจรอบตัวว่ามีอะไรน่ารสนใจบ้าง สังเกตเห็นตรงที่ท้าวแขนมีปุ่มหลายปุ่มไม่รู้ทำไรได้บ้าง ลองกดเล่น ๆ ดู ไม่มีอะไรเกิดขึ้น มีปุ่มหนึ่งเป็นรูปเหมือนผู้หญิงสีแดง ลองกดดู เพื่อนนั่งข้างบอกว่าอย่ากด ปุ่มนั้นเป็นการเรียกพนักงานมาพบ อ่าวเรา ซวยละสิ มองไปหัวเครื่อง ท้ายเคร องไม่มีใครมาค่อยโล่งใจหน่อย พอเครื่องบินได้ระดับแล้สเราก็เดินไปเดินมาได้ พนังงานเค้ามาแจกที่ปิดตา หูฟังและผ้าห่ม เราก็เอาละได้การฟังเพลงฝรั่งดีกว่า ปรากฎว่ากดไปคลื่นไหนก็เป็นภาษาอาราบิกฟังไม่ออกทั้งนั้น เลยนอนดีกว่า              แต่แล้วก็ต้องตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงแอร์โฮสเตรสเข้ามาใกล้พูดว่า “Beef or fish” กับคุณป้าที่นั่งข้างหน้า คุณป้าแกก็คงงไม่ตอบเราก็อยากจะบอกเค้าว่า จะเอาเนื้อหรือปลา แต่เห็นหน้าแอร์ฝรั่งคนนี้แล้วไม่เอาดีกว่า เห็นแอร์เค้าหยิบให้เลยไม่รู้เป็นเนื้อหรือปลา คุณป้าก็ทาน ๆ ไปเถอะนะครับ ผมเลือกปลา พอรับสำหรับข้าวมาก็รีบเปิดดูเลยว่ามีอะไรบ้าง     เห็นข้าวก็อุ่นใจแล้วสำหรับคนไทย กับข้าวเป็นปลาผัด ไม่รู้เรียกว่าอะไรดี รสชาติพอกินได้ครับ มีสาหรัดผักอยู่นิดหน่อยคงกะว่าแค่พอดมก็คงซึมซับรสชาติละมังครับ แต่ที่ชอบมาที่สุดเห็นจะขนมหวานของเค้ามันอะไรมาก ผมคิดไม่ผิดน่าจะเป็นพายสับประรด อร่อยมากครับ ทีนี่ก็มาถึงคราวน้ำดื่ม เสียดายไม่ใช่การยินไทยเลยไม่ได้กินน้ำส้มอร่อย ๆ ผมลองทานน้ำส้มของเค้าดูแต่พอเหลือบดูยี่ห้อ Malee ของไทยนี่เอง ก็พอไหวได้ละนะ อิ่มหนำสำราญเป็นที่เรียบร้อยก็นอนต่อครับ หลับตื่น ๆ ไปเรื่อยก็จะถึงปักกิ่งแล้ว เย้ ๆ  ตอนลงก็เสียวอีกแล้ว โอมจงลง โอมจงลง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็มาถึงแล้ว ที่ปักกิ่งเวลาจะเร็วกว่าบ้านเรา 1 ชั่วโมง ประมาณ 6  โมงเย็นแล้ว พอเหยียบแผ่นดินจีนก็คิดทัทีเลยว่า ประเทศที่ปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสจะเคร่งครัดระเบียบ เจ้าหน้าที่เหี้ยมมากไหมนะ พอรับกระเป๋าเสร็จก็ไปด่านตรวจคนเข้าเมืองพบเจ้าหน้าที่ท่าทางใจดีนะยิ้มให้ก็สบายใจหน่อย ผ่านเข้าไปได้ก็เริ่มกระบวนถ่ายรูปกันใหญ่กล้องใครต่อกล้องใครไม่รู้ ขอให้ฉันได้มีส่วนร่วมไว้ก่อน เดินออกมาพบไกด์คนจีนของเราชื่อว่าอาหงษ์พูดภาษาไทยไม่ค่อยชัดแต่ไม่เป็นไร เค้าพาเราเดินออกมาข้างนอกสนามบิน โอย สวยจังเลย นั่งรถออกมาก็ดูทางซ้ายทีขวาทีเสียงสีเต็มไปหมด อาหงษ์แนะนำตัวเองและเริ่มพูดแนะนำเรื่องต่าง ๆ ต้องยอมรับว่า คุณพี่ท่านพูดเก่งมาก พูดได้ไม่หยุดก็ยังได้ไว้จะเล่าให้ฟัง แล้วพวกเราก้ได้รับประทานอาหารมื้อแรกที่ภัตคารชื่ออะไรจำไม่ได้แล้วแต่ก็สะอาดดี อาหารก็น่ากินนะในสายตาผม ผมกินได้หมดละน่าสงสารแต่พี่หน่อยที่ไม่สามารถทานอะไรได้เลยนอกจากไข่เจียม แหมพวกเราก็เป็นห่วงยกจานไข่เจียวให้เลย จะได้ตัดกำลังอาหารอื่น ๆ ไป ระหว่างรับประทานก็ได้ทดลองใช้ภาษาจีนที่เรียนมากับพนักงานเสิร์ฟปรากฎว่า แป๊ก ครับ ไม่เป็นไรทานเสร็จพวกเราก็เดินเล่นถ่ายรูปกันอีกครับแล้วขึ้นรถเดินทางไปโรงแรมที่พัก อาหงษ์ได้บอกถึง  5 สิ่งที่หาดูได้ยากในปักกิ่ง ถ้าเห็น  5 อย่างนี้จะโชคดี คือ 1. ปั๊มน้ำมัน 2.ผู้หญิงท้อง 3.สุนัข  4.มอเตอร์ไซด์ 5.ฝน พวกเราพบทุอย่างที่บอกครับ พอถึงโรงแรมที่พัก OK เลย ขึ้นห้องไปเก็บของแล้วลงไปเดินเล่นกันทันที ทุกคนไปเดินดูร้านขายของชำ ตื่นตาตื่นใจครับของที่ขายเค้าก็เหมือนบ้านเราละแต่ต่างกันที่ราคากับภาษา และแล้วก็เดินทางมาถึงโรงแรมที่พักชื่อว่า “Happy inn Hotels & Resorts”                   เห็นชื่อแล้วอย่านึกว่ามีสวนป่าสวยให้ดูนะครับ ฮ้า..ฮ้า มีแต่ตึกสูงครับ แต่เป็นโรงแรมที่สวยมากทีเดียว ห้องนอนก็สวยครับ ห้องน้ำสะอาดและสวยมาก เสียอย่างเดียวมีนโยบายของรัฐบาลว่าอุณหภูมิไม่เกิน 26 องศา ห้ามเปิดแอร์อากาศเย็นอยู่วันนี้เปิดหน้าต่างนอนก็ได้ พวกเราเดินไปสำรวจรอบโรงแรมกันเลยสนุกสนานกันใหญ่แล้วก็กลับมานอน พรุ่งนี้ผมจะเดินเล่นให้รอบเลยวันนี้นอนละครับ 
หมายเลขบันทึก: 109595เขียนเมื่อ 8 กรกฎาคม 2007 16:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท