มหกรรมนักอ่าน 3


เรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้สนุก

หัวข้อสัมมนา  เรียนภาษาอังกฤษอย่างไรให้สนุก โดย ครูสมศรี 

 วันที่ 27 มิถุนายน 2550  เวลา 13.00-16.00 . ห้อง Meeting Room 2                อาจารย์สมศรี  ธรรมสารโสภณ เป็นครูติวเตอร์ท่านหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่นักเรียนและนักศึกษา ด้วยบุคลิกภาพที่เป็นคุณครูใจดี   มีวิธีการสอนที่ง่ายต่อการเข้าใจและนำไปใช้    แถมด้วยมุขตลกกับข้อคิดเตือนสติที่สามารถสอดแทรกไว้ในการสอนได้อย่างกลมกลืน    จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเมื่อนักเรียนอยากเรียนเพิ่มเติมภาษาอังกฤษจึงต้องคิดถึงโรงเรียนของท่านเป็นที่แรก จากการได้เข้าร่วมสัมมนาในครั้งนี้จึงได้รับความรู้หลายข้อที่น่าสนใจมานำเสนอดังนี้

                 1.  จากน้อยจะได้มาก   จากมากจะได้น้อย      หมายถึง การเรียนภาษาอังกฤษจะต้องมาจากการท่องคำศัพท์ก่อน อาจารย์แนะนำให้ท่องน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ มีเวลาช่วงไหนก็เอาศัพท์มาท่องขอเพียงมีคำศัพท์ติดตัวไม่ต้องรอและไม่อาย   จากน้อยจะได้มาก ดีกว่านักเรียนที่ท่องคำศัพท์ทีละมาก ๆ แต่จำได้ไม่หมด อย่างนี้จากมากจะได้น้อย

 

                 2. ประเทศไทยนักเรียนเรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง “Second language” เป็นส่วนใหญ่ แต่ไม่สามารถสู้ประเทศสิงกโปร์ได้ อาจารย์นำบทเรียนที่เรียนกันอยู่ไปเทียบกันแล้วพบว่ามัธยมศึกษาของเราเท่ากับประถมศึกษาปีที่ 6 ของประเทศเขา แสดงให้เห็นได้ชัดว่าการเรียนภาษาอังกฤษของประเทศเรายังพัฒนาไม่ถึงจุดที่ดีพอ

 

                 3.  “Acquisition” ทำสม่ำเสมอให้เพิ่มขึ้นจากเดิม ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ ดังนั้นอยากเก่งภาษาอังกฤษก็ต้องลงมือทำเลยอย่ารีรอ ทำซ้ำ ๆ ทำบ่อย ๆ พูดซ้ำ ๆ จะได้กับตัวนักเรียนเอง

 

                 4. ต้องเรียนภาษาอังกฤษจากความคล่องตัวก่อน  แต่เดิมเราเรียนกันแบบเอาความถูกต้องมาก่อน  ซึ่งนักเรียนไม่สามารถนำไปใช้ได้ กว่าจะนึกไวยกรณ์ที่ถูกต้องก็ช้าเสียเวลา  ความคล่องตัวสามารถนำมาใช้หากมีอยู่ในสมองจึงจะถ่ายทอดออกมาได้

 

                  5. ต้องมีความ มั่นใจ รัก และเพิ่มความอดทนและสมาธิเข้าไปด้วย การเรียนภาษต้องไม่อาย ใส่ใจกับการฝึกฝน ด้วยความอดทนมานะพยายาม และต้องประกอบกับมีสมาธิด้วย

                   6. “จำ เข้าใจ  นำไปใช้  วิเคราะห์  สังเคราะห์    อาจารย์พูดทิ้งท้ายไว้อีกว่า บัณฑิตต้องต่างกันที่ความคิด  ไม่ใช่ต่างกันที่ความจำ 
                 7. “เข็มไม่แหลมทั้งสองข้างตัวเราคิดจะเอาดีทางด้านไหนก็ต้องเลือกสักอย่าง อย่ารักพี่เสียดายน้องจะไม่ได้อะไรเลย 

                   8. เรียนรู้ภาษาจากภาพยนต์ต่างประเทศ จะช่วยได้มากเพราะช่วยดึงความสนใจได้ความสุขในการรับรู้และยังสามารถจำได้เร็วอีกด้วย

 

                   9. จะพูดจะเขียนภาษาอังกฤษก็ต้องใส่ความรู้สึกเข้าไปด้วยอย่าแข็งมากจนขาดความนุ่มนวลในภาษา

 

               10. หัดเรียนภาษาอังกฤษจากสิ่งรอบตัวเช่นฉลาก ป้าย สิ่งของต่าง ๆที่เขียนเป็นภาษาอังกฤษโดยเฉพาะหนังสือพิมพ์

 

                11. จะเรียนภาษาได้เก่งต้องอาศัย รู้ศัพท์มาก ออกเสียงให้ถูก เข้าใจโครงสร้างประโยคและกระตุ้นการใช้ความคิดในการดึงออกมาใช้

                 12. ขอสรุปว่าจะเรียนให้สนุกต้องทำดังนี้                  

             - มีจุดมุ่งหมายในการเรียน                      

            - ทราบสถานภาพทางภาษาของเราว่าอยู่ระดับใด            

             - ขยันทำซ้ำ ๆ และสม่ำเสมอ มีความรักในการเรียนและมีความมั่นใจในตัวเอง                     

            - ต้องแสดงออกทางภาษากาย เช่น ตา น้ำเสียง ท่าทาง เป็นต้น 

แนวทางการนำความรู้มาปรับปประยุกต์ใช้ในการดำรงชีวิต                    การทำสิ่งใดเรื่องใดต้องกำหนดจุดหมายที่ชัดเจน แล้วทำด้วยใจรัก เอาใจใส่และต้องขยันหมั่นเพียร อย่ารอฟ้าหรือโชคชะตามาช่วย พรสวรรค์ไม่ได้มีในทุกคนแต่พรแสวงนั้นขอเพียงมีความมุ่งมั่นมานะพยายามไม่ย่อท้อ ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินกว่ามนุษย์จะทำได้  ขอเพียงเรารู้ตัวเองจะทำอะไรก็ตามอย่าพลัดวันประกันพรุ่ง ควรเริ่มทำเสียตั้งแต่วินาทีที่สติระลึกได้ และแน่วแน่ที่จะทำต่อไปจนมันแทรกซึมไปอยู่ในตัวของเราเอง และไม่ใช้คามจำเพียงอย่างเดียวต้องสามารถวิเคราะห์ประโยชน์ที่ได้รับจากเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต

หมายเลขบันทึก: 109589เขียนเมื่อ 8 กรกฎาคม 2007 15:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท