ขุมทรัพย์แห่งอดีต ลายแทงสู่อนาคต (7)

                     ขุมทรัพย์แห่งอดีต ลายแทงสู่อนาคต เป็นการเล่าสรุปภาพอดีตที่ผ่านมาและ พยายามจะฉายภาพไปสู่อนาคตของโรงพยาบาลบ้านตากในมุมมองของผม และได้บันทึกแจ้งให้กับผู้อำนวยการและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบ้านตากได้รับทราบ(รวมแล้ว 70กว่าข้อ) ดังต่อไปนี้

1. ความมุ่งหวังอยากให้ชุมชนเป็นเจ้าของโรงพยาบาล ทำอย่างไรให้เขาอยากควักเงินบริจาคมาร่วมพัฒนาโรงพยาบาล แม้คนละ 5 บาท 10 บาทก็ตาม ให้ตัวแทนของชาวบ้านมาร่วมบริหารโรงพยาบาลในลักษณะ Board of Trustee ไม่ใช่แค่กรรมการที่ปรึกษา เนื่องจากในอนาคตโรงพยาบาลอาจต้องทำแบบนี้ การเตรียมตัวก่อนก็จะก้าวได้เร็วและเข้มแข้งมากกว่า ตอนนี้โรงพยาบาล 9 แห่งที่เป็นโรงพยาบาลเฉลิมฉลองในหลวง 80 ชันษา ก็จะบริหารแบบนี้จะเปิดเป็นที่แรกที่โรงพยาบาลพนมดงรัก จ.สุรินทร์ ผมก็ได้ชวนพวกเราจัดทำในเรื่องคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาลและขยับมาเป็นคณะกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลเพื่อเป็นพี่เลี้ยงโรงพยาบาลและก้าวไปสู่การเป็นBoard of Trustee ในอนาคต ทางกระทรวงสาธารณสุขได้ทำการสำรวจการสมัครใจออกเป็นองค์การมหาชนแบบโรงพยาบาลบ้านแพ้ว ตอนนี้ก็มีหลายโรงพยาบาลสมัครเข้าไป แต่ของเรายังไม่ได้สมัคร การมีคณะกรรมการพัฒนาโรงพยาบาลที่มาช่วยพิจารณาแผน รายรับรายจ่าย ติดตามงานแบบที่เราทำนี้ ผมได้คุยให้ทางเจ้าหน้าที่ของก.พ.ร.(พัฒนาระบบราชการ) ฟังเขาสนใจมาก เขาบอกว่าอย่างนี้ถือว่าเป็นการมีส่วนร่วมหรือParticipation ระดับที่ 5 ระดับสูงสุดเลย
2. แนวคิดเรื่องโรงพยาบาล 9000 เตียง อยากทำให้โรงพยาบาลกินขอบเขตทั้งอำเภอ ให้เตียงที่บ้านชาวบ้านเป็นเตียงของโรงพยาบาล ทำให้ญาติผู้ป่วยเป็นพยาบาลหรือผู้ดูแลแทนเราได้ เราทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา สนับสนุน ซึ่งก็เริ่มมีรูปธรรมหลายอย่างเช่นเรื่องการเยี่ยมบ้าน การอบรมผู้ดูแลที่บ้าน เป็นต้น อยากให้ช่วยกันสานต่อ ทั้งนี้พี่มนัส สสอ.บ้านตากเองก็ได้รับปากว่าจะพยายามสานต่อด้วย
3. งานที่ตั้งขึ้นใหม่ทั้งงานการพยาบาลเด็ก งานการพยาบาลผู้สูงอายุ งานการพยาบาลพิเศษ เป็นงานที่ทุกงานต้องมาช่วยกัน ไม่ใช่งานของเจ้าของงานคนเดียว อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันทำ ช่วยกันรับผิดชอบ เพื่อสามารถดูแลสุขภาพของคนบ้านตากได้อย่างครอบคลุม
4. การจ้างนักเทคนิคการแพทย์ นักกายภาพบำบัด นักกิจกรรมบำบัด นักจิตวิทยาคลินิก ถือเป็นสาขาวิชาชีพขาดแคลน อยากให้ช่วยกันส่งเสริมและดูแลน้องๆเหล่านี้ด้วย และให้เขาได้ใช้ศักยภาพของเขาให้เต็มที่ เกิดประโยชน์ต่อคนไข้และชุมชนชาวบ้านตากได้มาก ถ้ามีโอกาสในการขอตำแหน่งข้าราชการหรือพนักงานราชการให้ช่วยดูด้วย แต่ก็ต้องดูแลลูกจ้างชั่วคราวตำแหน่งอื่นๆด้วยเช่นกัน
5. เรื่องานการเจ้าหน้าที่ ต้องทำเชิงรุกดูว่าเจ้าหน้าที่จะได้สิทธิอะไรบ้าง ก็ช่วยดูให้เขา เมื่อก่อนผมจัดอัตรากำลังและตำแหน่งให้จนเจ้าหน้าที่เราได้รับโอกาสเรื่องตำแหน่งเรื่องซี ตัดจ.18มาไว้ที่เราต้องไปถกเถียงกับงานจ.ที่จังหวัดบ่อยมากเพื่อรักษาผลประโยชน์ของเจ้าหน้าที่เราเช่นการเปลี่ยนเลขที่ไม่มีสติ๊กเกอร์เป็นพยาบาลวิชาชีพให้ การหาตำแหน่งมาให้เช่นของเยาวเรศที่ใช้จากตสม.ก่อนตัดโอนมาที่เราหรือพี่เกศที่ใช้ของอุ้มผาง หรือกรณีของป้าแจ๋ว ป้าไก่ หรือของพี่ตุ๊กที่ไปขอใช้ตำแหน่งนักวิชาการสาธารณสุขของสถานีอนามัยก่อนในส่วนของลูกจ้างประจำก็ปรับเป็นกลุ่มกึ่งฝีมือให้เช่นพี่ออด พี่เจ๊ก ก็ปรับเป็นผู้ช่วยเหลือคนไข้ หรือพี่ตั้งก็ปรับจากคนงานให้เป็นพนักงานขับรถยนต์ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ขอเครื่องราชฯได้ ฝากทางบริหารช่วยดูเรื่องนี้ด้วย
6. งานส่งเสริมการเรียนรู้ที่ตั้งขึ้นมาแล้วให้มี 2 คนนี่ก็เพื่อให้มาดูเรื่องการพัฒนาคุณภาพกับเรื่องการพัฒนาบุคลากรด้วย ตอนนี้งานพัฒนาบุคลากรเรายังมีการทำแผนอย่างไม่เป็นระบบเพราะแค่ให้แต่ละงานส่งข้อมูลมาแล้วมารวบรวมแค่นั้น คงไม่ได้ การพัฒนาทรัพยากรบุคคลควรมีการจัดทำเรื่องCompetencyให้สมบูรณ์แล้วมีการประเมินส่วนขาดเพื่อมาจัดทำเป็นแผนรวมของโรงพยาบาลในเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยถ้าจะให้ดีต้องทำเป็นแผนพัฒนารายบุคคลหรือIndividual development plan และการประเมินสมรรถนะเจ้าหน้าที่ต้องทำเพื่อนำผลการประเมินมาพัฒนาบุคลากรนั้นๆ ไม่ใช่นำมาใช้เพื่อการพิจารณา 2 ขั้น และผลักดันให้มีการประเมิน 380 องศาคือ ตัวเองประเมิน หัวหน้าประเมินและเพื่อนร่วมงานประเมิน แต่ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องมาประเมิน ไม่ใช่เอาใครที่ไม่รู้งานเขามาประเมินเขา เพราะผลมันจะมั่วได้
7. งานบริการสุขภาพจิตก็เป็นอีกงานหนึ่งที่ควรช่วยกันทุกฝ่าย เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับคนไข้ ชุมชนและเจ้าหน้าที่เราเอง มีอีกหลายเรื่องที่อยากให้ทำเช่นการดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน การค้นหาหรือประเมินสุขภาพจิตของชุมชน เป็นต้น ที่พูดมาหลายข้อนี่ไม่ใช่งานอื่นๆไม่สำคัญ แต่คิดว่างานที่มีตามกรอบปกติของเรามีความมั่นคงและยั่งยืนดีแล้ว