ค้นหาประวัติผ่านร่างทรงกษัตริย์ตามพรลิงค์


จตุคามรามเทพ

ข้าพเจ้าได้ติดต่อทางอินเตอร์เน็ทกับอาจารย์สมพร ช่วยอารีย์ ซึ่งเป็นนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายในระดับปริญญาเอก ของมหาวิทยาลัยไฮเดนเบอร์ก ประเทศเยอรมัน ก็ได้แลกเปลี่ยนพูดคุยกันถึงเรื่องราวเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าและภรรยา ทางอาจารย์สมพร ซึ่งทำการศึกษาทางด้านการคำนวณพายุ และข้อมูลทางอุตุนิยมวิทยา แต่ก็สนใจเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อาจารย์สมพร บอกให้ข้าพเจ้าติดต่อไปที่คุณแม่ของท่าน ซึ่งอาศัยอยู่ที่บริเวณอำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่าตอนก่อนที่จะไปต่างประเทศคุณแม่ได้พาไปหาร่างทรงท่านหนึ่งที่บริเวณทางเข้าช่องคอย อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช อาจจะให้ความกระจ่างเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับข้าพเจ้าและภรรยา ข้าพเจ้ารีบติดต่อไปทางบ้านของอาจารย์สมพรทันที และได้ตกลงนัดหมายกันว่าจะไปหาร่างทรงดังกล่าวในวันพฤหัสบดีที่จะถึง เมื่อวันพฤหัสบดีมาถึงข้าพเจ้าก็ออกจากบ้านแต่เช้าเพื่อไปหาคุณพ่อ คุณแม่ของอาจารย์สมพรที่บ้าน

คุณแม่อาจารย์สมพร ก็พาไปที่ทางเข้าวัดวังฆ้อง ซึ่งเป็นบ้านหลังแรกตรงปากทาง ที่ป้ายเขียนไว้ว่า บ้านขุนวัง ซึ่งสอบถามได้ความว่า เป็นบ้านของ คุณธรรมรัตน์ พิชัยยุทธ์ บ้านเลขที่ ๙๓/๓ ม.๔ ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช คุณธรรมรัตน์เป็นร่างทรงมานานนับสิบปี ข้าพเจ้าเข้าไปในบ้านก็มีหิ้งพร้อมบายศรี วัตถุมงคลต่าง ๆ วางจนเต็มหิ้ง มองแล้วพาให้ขนลุกไปพอสมควร มีแท่นที่นั่งของคุณธรรมรัตน์วางเป็นขั้นบันใด ๓ ขั้น โดยมีคุณธรรมรัตน์นั่งอยู่ในชุดสีขาว ด้านหลังมีธงที่มีข้อความว่า พระเจ้าศรีธรรมโศกที่ ๓ (พงษาสุระ) มีผู้คนที่ไปหาท่านอยู่ประมาณ ๒-๓ คน สักพักคนที่ไปหาท่านร่างทรงก็ขอตัวกลับ คุณพ่อคุณแม่ของอาจารย์สมพร ก็ได้เข้าไปหาท่าน พร้อมทั้งให้ท่านดูการฟกช้ำของมือคุณพ่ออาจารย์สมพร ร่างของคุณธรรมรัตน์ ซึ่งตอนนั้นบอกว่ามีการประทับทรงของ ท่านขุนวัง พงษาสุระ ก็ได้ทำพิธีรักษาโดยนำมือมาจับไว้กับมือของคุณพ่ออาจารย์สมพร สักพักหนึ่งก็บอกว่าเดี๋ยวไม่นานก็คงหาย พระองค์ได้ทำการรักษาให้แล้ว ข้าพเจ้าก็ดูไปอย่างนั้นโดยไม่รู้สึกอะไรเพราะในใจนั้นคิดอยู่เพียงว่า นี่คือเรื่องจริงหรือปล่าว ในการที่จะมีสิ่งศักดิสิทธิ์ที่จะมาประทับทรงในร่างของคุณธรรมรัตน์ ข้าพเจ้ารอคอยโอกาสที่จะตั้งคำถามกับร่างทรงอยู่ตลอดเวลา พอคุณแม่ของอาจารย์สมพรบอกขึ้นมาว่า พาคนมาหาท่านขุนวังด้วยเขาอยากจะมาหาเป็นคนที่รู้จักกับลูกชายคนที่เรียนอยู่ที่เยอรมัน คนที่ท่านขุนวังเคยเรียกด็อกเตอร์ตั้งแต่เขายังไม่ได้เรียนปริญญาโท ท่านขุนวังก็สอบถามข้าพเจ้าว่ามีอะไรหรือถึงมาหาท่าน โดยท่านใช้คำแทนตัวเองว่า กู แบบคนในสมัยโบราณตลอดเวลา ข้าพเจ้าก็บอกท่านออกไปว่า อยากมาสอบถามเรื่องที่ภรรยาของข้าพเจ้าพูดออกมาเป็นภาษาแปลก ๆ ท่านก็ถามว่าเป็นอย่างไรข้าพเจ้าก็ไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นอย่างไร เพราะในขณะนั้นภรรยาของข้าพเจ้าก็ไม่ได้เปล่งเสียงแบบนั้นออกมาแต่อย่างใด   ข้าพเจ้าจึงได้โอกาสสอบถามเรื่องราวของ พระเจ้าศรีธรรมโศกกับร่างทรงทันที ข้าพเจ้าสอบถามว่าท่านเป็นใคร ท่านชุนวังก็บอกว่าท่านเป็น พระเจ้าศรีธรรมโศกราชที่ ๓ มีชื่อว่า พงษาสุระ ข้าพเจ้าก็สอบถามว่า พระเจ้าศรีธรรมโศกราชมีกี่พระองค์ ท่านขุนวังก็บอกว่า ที่ใช้ชื่อว่าพระเจ้าศรีธรรมโศกราช มีเพียง ๓ พระองค์เท่านั้น คือพระเจ้าศรีธรรมโศกราชพระองค์แรก พระเจ้าศรีธรรมโศกราชที่ ๒ ชื่อเดิมว่าจันทวงศ์หรือจันทรภาณุ จึงมีชื่อเรียกเต็ม ๆ ว่า พระเจ้าศรีธรรมโศกราช (จันทรภาณุ) ส่วนท่านนั้นเป็นพระเจ้าศรีธรรมโศกราชที่ ๓ ชื่อเดิมว่า พงษาสุระ ข้าพเจ้าก็สอบถามต่อไปว่า แล้วที่เรียกว่าพระเจ้าสามพี่น้องที่มีอยู่ในประวัติศาสตร์ตามตำนานเมืองนครนั้น เป็นอย่างไร ท่านขุนวังก็ตอนโดยไม่ต้องคิดให้เสียเวลา ตอบข้าพเจ้าออกมาทันทีว่า พระเจ้าสามพี่น้องก็คือพระเจ้าศรีธรรมโศกราชคนที่ ๑ ถึงคนที่ ๓ นั่นอง ก็คือพระเจ้าศรีธรรมโศกราช ซึ่งชื่อว่าสมเด็จพระศรีธรรมโศกราช คนที่สองคือ พระเจ้าจันทวงศ์ หรือ จันทรภาณุ และก็ท่านนั่นเองที่เป็นพระเจ้าสามพี่น้อง เพราะได้สาบานเป็นพี่น้องกัน โดยจริง ๆ แล้วมีเพียงสองพี่น้องเท่านั้นก็ตือพระเจ้าศรีธรรมโศกราชคนแรก กับพระเจ้าจันทวงศืหรือจันทรภาณุ เป็นพี่น้องกันจริง แต่ท่านมาจากกรุงดโยธยา ซึ่งทางอโยธยาส่งมาให้อยู่ที่ตามพรลิงค์ด้วย เมื่อมาอาศัยอยู่กับพระเจ้าศรีธรรมโศกราชและพระเจ้าจันทรภาณุก็เลยสาบานเป็นพี่น้องกัน จนมีชื่อเรียกกันว่า พระเจ้าสามพี่น้อง  ข้าพเจ้าได้รับคำตอบจากท่านขุนวังผ่านร่างของคุณธรรมรัตน์อย่างทันทีทันใดโดยไม่ต้องนึกให้เสียเวลา จนทำให้ข้าพเจ้างุนงงเป็นอย่างมากในประวัติที่ทางท่านขุนวังตอบข้าพเจ้ามา เมือมาถึงตอนนี้ข้าพเจ้าก็รีบเข้าเรื่องทันทีโดยสอบถามว่า แล้วท่านรู้จัก พระองค์ท่านท้าวจตุคามรามเทพ หรือไม่ ท่านขุนวังก็ตอบข้าพเจ้าโดยไม่ต้องคิดอีกเหมือนเดิมว่า ในสมัยท่านก็มีการเคารพ เทพที่มีพระนามว่า จตุคามรามเทพมาก่อนแล้ว  ข้าพเจ้าสอบถามต่อว่าท่านขุนวังทราบหรือไม่ว่า พระองค์ท่านท้าวจตุคามรามเทพ มีความเป็นมาเป็นอย่างไร ท่านขุนวังก็บอกแบบเดิมว่า มีอยู่แล้วในสมัยท่าน ข้าพเจ้าจึงหยุดถามเรื่องนี้และก็ได้สอบถามต่อว่า เหตุการณ์ในสมัยท่านนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ท่านบอกว่าตอนนี้กำลังเตรียมวัตถุมงคลไปให้ทาง จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพราะเหตุการณ์ตอนนี้เกิดขึ้นเหมือนตอนสมัยของท่าน ข้าพเจ้าก็สอบถามไปว่าเหตุการณ์เป็นอย่างไร ท่านขุนวังก็ตอบว่า เหตุการณ์ในสมัยท่านนั้นเป็นช่วงที่อาณาจักรตามพรลิงค์เริ่มถูกรุกรานจาก กองทัพชาวแขกจากต่างเมือง โดยกองทัพพวกแขกนั้นได้เข้ามายึกเมืองบริเวณโมคลานไปได้แล้ว จนต้องถอยหนีขึ้นภูเขาไป เพราะทางกองทัพชาวแขกไม่ค่อยจะกล้าตามขึ้นภูเขา โดยส่วนใหญ่ก็ได้ถอยล่าไปอยู่ที่ช่องคอย ซึ่งอยู่อำเภอจุฬาภรณ์ บางส่วนก็แยกย้ายไปบริเวณพรหมคีรีและนบพิตำ เมื่อกองทัพพวกแขกยึดโมคลานได้แล้วก็เริ่มเคลื่อนพลเข้าประชิดเมืองด้านไชยมนตรี บริเวณริมคลองประชิดด้านไชยมนตรี ซึ่งก็เป็นบริเวณวัดใหญ่และแถบเลียบคลองราเมศวร์ในปัจจุบันและเริ่มทำการต่อสู้ยึดไชยมนตรีเพื่อเข้าประชิดเมือ งของอาณาจักรตามพรลิงค์ ท่านขุนวังบอกว่าท่านได้สั่งระดมปืนใหญ่ที่มีอยู่ทั้งหมดของตามพรลิงค์ เพื่อทำการยิงป้องกันเมืองจากการเข้ายึดครองของกองทัพแขก และทางพวกกาองทัพแขกก็ล่าถอยออกไปเพราะต้านทานการยิงปืนใหญ่จากกองทัพของตามพรลิงค์ไม่ไหว ตามพรลิงค์จึงรักษาเมืองจากการรุกรานของกองทัพชาวแขกไว้ได้ แต่ประวัติศาสตร์ต่าง ๆ ที่เขียนไว้ด้วยกระดาษ หนังสือบุดตำนานต่าง ๆ ก็ถูกกองทัพแขกทำลายไปมากมาย คงมีแต่ศิลาจารึกเท่านั้นที่ยังหลงเหลืออยู่บ้าง ทั้งที่ช่องคอย และส่วนของในตัวเมืองที่ยังรักษาไว้ได้ทั้งหมด  แต่ก็ต้องเสียพื้นที่บริเวณโมคลานไป โดยชาวแขกมาจับจองเป็นเจ้าของพื้นที่เสียเป็นส่วนใหญ่แทนชาวทมิฬและชาวโมคลานเดิม เพราะชาวตามพรลิงค์แต่เดิมที่เคยอยู่โมคลานก็ไปสร้างถิ่นฐานทำกินใหม่ ที่บริเวณ อำเภอจุฬาภรณ์  พรหมคีรีและ นบพิตำบางส่วน  ข้าพเจ้าฟังเรืองเล่าจากท่านขุนวังด้วยความดีใจมากที่มีโอกาสได้ทราบเรื่องราวเหล่านี้เพราะคิดว่าในชีวิตนี้คงมีโอกาสที่ใครจะเล่าเรืองราวเหล่านี้เป็นเรืองเป็นราวคงจะยากมาก พอมาถึงตอนนี้ภรรยาของข้าพเจ้าก็เริ่มเปล่งเสียงแปลก ๆ รัวออกมา ท่านขุนวังก็ถามไปว่า ท่านเป็นใคร เป็นพระนางใดหรือ มานี่มาหาเรา และก็ให้ข้าพเจ้าประคองภรรยาของข้าพเจ้าไปใกล้ ๆ ท่าน ท่านขุนวังบอกว่าท่านจะเพิ่มพลังให้กับร่างของภรรยาของข้าพเจ้า โดยได้ยื่นไม้เท้าออกมา และให้ภรรยาของข้าพเจ้า จับเอาไว้  ภรรยาของข้าพเจ้านิ่งเงียบนั่งจับไม้เท้าพร้อมกับการนั่งสงบเงียบของท่านขุนวัง สักพักหนึ่งก็ดึงไม้เท้ากลับไปพร้อมกับถามว่าท่านเป็นพระนางใดเหรอ ภรรยาของข้าพเจ้าก็เปล่งเสียงออกมารัวมากขึ้น ท่านขุนวังบอกว่าให้บอกมาเป็นภาษาไทยเถอะทุกคนจะได้เข้าใจ ภรรยาของข้าพเจ้าก็ยังคงพูดเป็นภาษาที่รัวอยู่เหมือนเดิม พักหนึ่งก็เงียบไปและก็เริ่มพูดออกมาว่า ข้าเป็นกษัตริย์ ข้าเป็นกษัตริย์ ท่านขุนวังก็สอบถามว่าเป็นกษัตริย์พระองค์ใดหรือ ภรรยาของข้าพเจ้าก็ตอบว่าเป็นกษัตริย์มาจากอินเดีย ข้าเป็นกษัตริย์มาจากอินเดีย ท่านขุนวังก็บอกให้นำภรรยาของข้าพเจ้าไปนั่งบนแท่นรองนั่งอีกด้านหนึ่งที่อยู่หน้าท่านขุนวัง พร้อมกับสอบถามว่าเป็นท่านใดเหรอ ภรรยาของข้าพเจ้าก็บอกว่า ข้าเป็นกษัตริย์มาจากอินเดีย ท่านขุนวังสอบถามว่าท่านเป็นพระองค์ใดเหรอ ภรรยาของข้าพเจ้าก็เอามือชี้ที่รูปซึ่งแขวนอยู่ที่คอของภรรยาของข้าพเจ้า สักพักหนึ่งท่านขุนวังก็บ่นออกมาว่า เป็นพ่านเทพจตุคามรามเทพ สื่อผ่านร่างของภรรยาของข้าพเจ้า พร้อมทั้งบอกว่า ท่านไม่มีร่างผู้ชายที่เหมาะสมถึงขนาดต้องมาผ่านร่างสตรี พร้อมทั้งสอบถามว่าพระองค์เป็นอย่างไรบ้าง อย่างนอบน้อม พร้อมยกมือใหว้ในบางครั้ง ภรรยาของข้าพเจ้าหลับตาและตอบออกมาว่า ข้าเหนื่อย ท่านขุนวังบอกว่ามีการอันเชิญท่านมากหรือ ภรรยาของข้าพเจ้าพยักหน้า พร้อมทั้งบอกว่า ข้าเหนื่อย ข้ามอบอำนาจให้ท่านในการจัดการ ท่านขุนวังกล่าวว่า ข้าพเจ้ายังรอพระโอรสอีกท่านหนึ่งเท่านั้นและจะเป็นคนจัดการให้ ข้าพเจ้าฟังอย่างงุนงงมาก และไม่ค่อยจะเข้าใจสิ่งที่ภรรยาของข้าพเจ้ากับท่านขุนวังเอ่ยถึงกันมากนัก พร้อม ๆ กับคุณพ่อและคุณแม่ของอาจารย์สมพร ก็งุนงงและสงสัยเหมือน ๆ กับพี่ข้าพเจ้าเป็นอยู่เป็นแน่ ทุกคนต่างอยู่ในความเงียบสงบ ท่านขุนวังบอกว่ากำลังเตรียมเรื่องที่จะทำของให้กับทางเจ้าหน้าที่ในจังหวัดชายแดน และกำลังที่จะหาสิ่งที่จะให้คนที่ท่านกำลังจะไปหาได้ดู ภรรยาของข้าพเจ้าก็พูดภาษาที่รัวออกมาสลับกับการพูดปกติ  หันมาทางข้าพเจ้าและบอกว่าให้ไปนำรูปที่เตรียมไว้ในรถออกมา ข้าพเจ้าก็ไม่ได้สนใจว่ามีรูปอะไรอยู่ในรถ เมื่อเดินไปเปิดรถออกมา ก็เป็นรูปวาดของพระองค์ท่านท้าวจตุคามรามเทพ นั่นเอง ข้าพเจ้านำมาและภรรยาของข้าพเจ้าก็กล่าวออกมาว่า ให้ท่านซิให้ท่านไป ข้าพเจ้าก็ยื่นให้กับท่านขุนวัง ท่านขุนวังเห็นภาพก็ดีใจมาก บอกว่าเหมือนอยากได้อะไรซักอย่างตั้งแต่เมื่อคืน แต่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นอะไร คงเป็นรูปนี้กระมัง หลังจากนั้นท่านขุนวังก็พูดกับภรรยาของข้าพเจ้าไปได้ซักพักหนึ่ง ภรรยาของข้าพเจ้าบอกว่า ข้าจะไปก่อนมอบภาระให้ท่าน แล้วภรรยาของข้าพเจ้าก็ล้มหงายลงไป ช่วยกันพยาบาลสักพักก็เป็นปกติ ข้าพเจ้าเจอเรื่องแปลกประหลาดแบบนี้ก็เลยขออนุญาตท่านขุนวังบอกว่า อยากได้รูปท่านเป็นที่ระลึกซักรูปสองรูป ท่านขุนวังก็นำหมวกออกมาและเสื้อเหมือนกับเจ้าเมืองสมัยก่อนขึ้นมาสวม ข้าพเจ้าก็ถ่ายรูป ปรากฏว่ารูปที่ได้เป็นรูปที่มองไม่เห็นหน้าท่านขุนวังเลย ท่านบอกว่ากูให้ดำ ๆ แบบนี้และข้าพเจ้าก็พยายามถ่ายอีกก็ดำอีกเหมือนเเดิม ท่านขุนวังก็หัวเราะและกล่าวว่า กูให้ดำ ๆ แบบนี้แหละเอาไปดูกัน 

จากเรื่องราวที่ข้าพเจ้าได้ไปพบกับร่างทรงของพระเจ้าศรีธรรมโศกราช (พงษาสุระ) เหมือนเป็นประตูสู่เรื่องราวอีกแง่มุมหนึ่งของ  พระองค์ท่านท้าวจรุคามรามเทพ  ที่เป็นการยืนยันว่า พระองค์ท่านท้าวจรุคามรามเทพ มีมาตั้งแต่ก่อนอาณาจักรตามพรลิงค์ ซึ่งก็อ่าจเป็นสมัยศรีวิชัยหรือยาวนานกว่านั้น แต่สิ่งที่ได้จากคำบอกเล่าผ่านร่างทรงคุณธรรมรัตน์ พิชัยยุทธ์ ก็เป็นเรื่องราวของอาณาจักรตามพรลิงค์ที่น่าสนใจในอีกแง่มุนหนึ่ง ที่คนเป็นชาวบ้านธรรมดาอย่างคุณธรรมรัตน์ ที่มีภูมิลำเนาอยู่อำเภอจุฬาภรณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช จะสร้างเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นมาด้วยตัวเองอย่างเป็นตุเป็นตะ ได้ชนาดนี้ เป็นเรื่องที่ชวนให้คิดเป็นอย่างมาก นี่คือเรื่องราวที่ข้าพเจ้าอยากบันทึกไว้ให้ลูกหลานตามพรลิงค์ ได้ค้นคว้าเพิ่มเติมเป็นเรืองราวทางประวัติศาสตร์ ที่ค้นพบโดยบังเอิญผ่านร่างทรงของพระเจ้าศรีธรรมโศกราช ที่ ๓ ที่มีพระนามว่า พงษาสุระ ส่วนเรื่องราวจะเป็นจริงตามนั้นหรือไม่ ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถที่จะให้การยืนยันได้ว่า เป็นไปตามที่บันทึกไว้อย่างนั้นจริง ๆ

หมายเลขบันทึก: 106627เขียนเมื่อ 27 มิถุนายน 2007 02:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน 2012 18:38 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อยากจะให้อาจารย์ค้นคว้าเรื่องนี้ให้มากกว่านี้เพราะเท่าที่ดิฉันอ่านแวปไซด์จตุคามรามเทพทั้ง ๗๐ กว่าหน้านั้นได้ข้อมูลมาเยอะทีเดียว รวมทั้งแวปอื่นที่เกี่ยวข้องกัน อย่างอาณาจักรศรีวิชัย ราชวงศ์ไศเลนทร์ ราชวงศ์สัญชัย ปาเล็มบัง ฯลฯ และที่น่าสนใจก็คือ แวปไซด์ของจตุคามรุ่นเทพราชันย์ และรุ่นพรประกาศิต ที่ได้ข้อมูลแตกต่างจากที่อื่น

รุ่นเทพราชันย์ teprachun.com บอกว่าองค์พ่อจตุคามสืบเชื้อสายมาจาก ราชวงส์จันเดละ chandela dynasty ซึ่งมาจากอินเดียตอนบน น่าแปลกมากที่ร่างทรงขององค์จตุคามผ่านภรรยาของคุณบอกว่า ท่านมาจากอินเดีย

ดิฉันได้อ่านจาก wikipidia เกี่ยวกับราชงวศ์ chandela ว่าเป็นกลุ่มผู้อพยพมาจากเอเชียกลาง ที่นับถือพระอาทิตย์พระจันทร์และบูชาไฟ ต่อมาได้ผสมผสานเข้ากับฮินดู มีส่วยเป็นไปได้ว่านเชื้อสายท่านพ่อจตุคามรามเทพเป็นอารยันมาจากเอเชียกลาง ต่อมาได้ผสมผสานเข้ากับวัฒนธรรมฮินดู นับถือฮินดูอีกส่วนหนึ่งได้อพยพมาเอเชียอาคเนย์ตั้งราชวงศ์ไศเลนทร์และเปลี่ยนมานับถือพุทธนิกายมหายาย

และจตุคามรุ่นพรประกาศิต pornprakasit.com มีบทความของคุณแก้ว ลายทอง " เรื่องมหาบารมีนิตยโพธิสัตว์ หรือพระโพธิสัตว์อันเที่ยงแท้ที่จักบรรลุเป็นสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็คือสมัยองค์พระกัสสปสัมมาพุทธเจ้า ได้มีมาณพหนุ่มนามว่า นารทะ ในกาลครั้งนั้นพระองค์ได้พบเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ได้เกิดศัทธาอย่างแก่กล้า ตั้งปราถนาว่าจะกระทำตนให้เป็นดั่งประทีปทอง บูชาต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า จากนั้นเอาน้ำมันชุบผ้าจนชุ่มสองผืนพันตั้งแต่ศรีษะถึงปลายเท้า จุดไฟบนศรีษะบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วตั้งปราถนาให้เป็นปัจจัยแห่งพระสัพปัญญตญาณ

พระกัสสปะเห็นความศัทธาเอกอุดังนั้นทรงพยากรณ์เอาไว้ว่า ในมัณพกัป ณ เบื้องอนาคตนั้น นารทะมาณพ จักเสด็จอุบัติเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระนามว่า รามะ

แลพุทธพยากรณ์แห่งองค์พระสมณโคดมสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ได้แสดงเอาไว้อย่างแจ่มแจ้งว่า ด้วยผลแห่งการถวายพระวรกายและชีวิต พระรามาโพธิสัตว์ จักได้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า มีต้นจันทร์แดงเป็นต้นไม้ตรัสรู้ และด้วยผลแห่งวรกายมีไฟลุกโพลงตลอดหนึ่งคืน แสงสว่างแห่งพุทธรัศมี จะเจิดจ้ากว่าแสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์

พระอาทิตย์ทรงกลด พระจันทร์ทรงกลด

พระมหาเทวราธิราชโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่จตุคามรามเทพ

ก็เทวดารูปใกกันเล่าจักมีอาณุภาพถึงขั้นดวงตะวันและจันทรายังต้องแสดงการคารวะในทุกครั้งคราแห่งพิธีมหาเทวภิเษก หากเป็นเพียงเทวดารักษาเมือง จักมีมหิฤทธาบารมีถึงเพียงนี้เชียวหรือ

ที่แท้มีคำตอบอยู่ในคัมภีร์อนาตควงศ์ อันเป็นพุทธพยากรณ์แห่งองค์พระสัมณโคดมสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้านั่นเอง

ด้วยลักษณะแบบเดียวกัน พระโพธิสัตว์ทั้งสองท่านคือ พระศรีอารย์ - หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด และพระรามราช - จตุคามรามเทพ ได้ปรากฎขึ้นบนแผ่นดินไทย อย่างมีลำดับหน้าหลังอย่างชัดเจน ตามแบบคัมภีร์อนาคตวงศ์

ด้วยมหาเมตตาอันยิ่งใหญ่หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ที่ใครๆก็เคารพรักและศัทธา ท่านรามราชท่านเป็นองค์พ่อจตุคามรามเทพ ที่ใครๆเคารพรักและศัทธา "

 

 

ก็น่าสนใจมากนะ ทั้งจากเรื่องเล่าและความเห็นที่ให้มา แต่การประสบด้วยตัวเองแล้วนำมาเล่า ก็ไม่จำเป็นต้องไปศึกษาอะไรให้มากมาย ตรงไปตรงมากับเรื่องที่เห็น กับเรื่องที่ได้ยินอยู่ตรงหน้า ก็อาจไม่ตรงกับเรื่องราวที่ใครเขียนมาเลย เป็นการบอกกล่าวไปตามที่ได้พบ ก็น่าสนใจดีนะที่ได้อ่าน ได้แง่คิดทางประวัติศาสตร์จากเรื่องราวที่แปลก ๆ ก็ต้องนำมาศึกษาในแง่มุมใหม่ ๆ กันต่อ การที่เขียนไว้มากมายก็ใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป เพราะเป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ก็เป็นกำลังใจให้ทุก ๆ ฝ่ายได้นำมาบอกกล่าวกันนะ เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกันทางประวัติศาสตร์ การที่เทวดารักษาเมืองบางเมืองมีความยิ่งใหญ่ หรือเป็นเพียงทวารบารซึ่งโดยทั่วไปเป็นเพียงเทพที่มีระดับชั้นไม่สูงนัก แต่ใครจะทราบรายละเอียดได้ว่า นครศรีธรรมราชแต่ครั้งอดีตรุ่งเรืองสักเพียงไหน เป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ของคาบสมุทรหรือปล่าว เพราะถ้าศรีวิชัยยิ่งใหญ่มาก ๆ แต่อดีต และเป็นรูปแบบสหพันธรัฐ และมีการขยายอำนาจที่อาจแตกต่างไปจากอังกฤษและฝรั่งเศสในสมัยต่อมาที่มีการแสวงหาอาณาจักร แต่ศรีวิชัยอาจแสวงหาหัวเมืองต่าง ๆ เพื่อศาสนจักร และหัวเมืองศาสนจักรแต่ละที่อาจเป็นใหญ่ขึ้นมาแต่ละสมัยในการแย่งชิงอำนาจทางศาสนจักรแห่งคาบสมุทรทะเลไต้เพื่อดำรงความเป็นใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นร่องรอยแห่งบุโรพุทโธ พระธาตุนครศรีธรรมราช หรืออื่น ๆ ก็อาจเคยเป็นความยิ่งใหญ่ที่เราคาดไม่ถึงก็ได้ เพราะเราถูกจำกัดการเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์เพียงการเริ่มต้นจากสุโขทัยเท่านั้น เรื่องนี้คงเป็นที่ถกเถียงกันอีกนาน ก็น่าสนใจทั้งนั้นเลยนะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท