มีนิทานดีๆมาฝาก


อย่าประมาท

ขออนุญาตคัดลอกจากคุณกลางชล บ.ก.นิตสารธรรมะใกล้ตัวฉบับที่ 18 ค่ะ เพื่อนำมาเผยแผ่เป็นธรรมทาน

เรื่องมีอยู่ว่า... ครั้งหนึ่ง มีช้างโขลงใหญ่นอนตายเป็นแพเกยตื้นอยู่ริมมหาสมุทรอีกาฝูงหนึ่งมาเจอเข้า ก็ได้เกาะกินซากช้างกองโตนั้นเป็นอาหารกันอิ่มหนำสำราญขณะเดียวกัน คลื่นน้ำก็ค่อย ๆ พัดซากช้างห่างออกจากฝั่งไปเรื่อย ๆ และอีกาฝูงนั้นก็เกาะกินซากที่ลอยอืดของช้างโขลงนั้นตามห่างออกจากฝั่งไปเรื่อย ๆ ด้วยจนกระทั่ง มีอีกาตัวหนึ่งเอะใจ และลุกขึ้นมาพูดว่า


นี่เราชักลอยออกจากฝั่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วนะถ้าเราไม่รีบบินกลับตอนนี้ เห็นทีจะไม่มีแรงบินกลับกันแน่ ๆ ...


แต่อีกาตัวอื่น ๆ กลับเห็นว่า
ซากช้างเยอะแยะเสียขนาดนี้
หมดนี่ก็กินได้สบายทั้งชาติแล้ว จะต้องไปไหนทำไมกันเวลาล่วงผ่านไป จนวันหนึ่ง ซากช้างที่ดูเหมือนกินไม่มีวันหมด ก็ร่อยหรอจนหมดลงจริง ๆ ครั้นจะบินกลับ ฝูงอีกาก็พบว่าตัวเองบินข้ามท้องมหาสมุทรอันสุดลูกหูลูกตาไปไม่ไหวเสียแล้วมีอีกาเพียงสามตัวเท่านั้น ที่เลือกที่จะสละซากช้าง และรีบโผออกจากฝูงไปก่อนแล้วล่วงหน้าแล้วฝูงอีกาที่เหลือทั้งหมด ก็หมดแรงจมลงสู่ใต้มหาสมุทรนั้นเอง...

คุณกลางชลให้ความหมายของนิทานเรื่องนี้ให้ฟังว่า

ซากของฝูงช้าง ก็เหมือนบุญอันเป็นทุนเก่าของเรานี่เองตราบเท่าที่บุญเก่ายังให้ผล เราก็ยังเสวยสุขอิ่มเอมเปรมปลื้มกับทุนดีอันเดิมของเราอยู่ได้เรื่อย ๆเหมือนวันนี้ที่เราอาจจะมีหน้าที่การงานดี ฐานะสุขสบาย มีเสน่ห์ชวนมอง คิดอ่านคล่องแคล่ว ฯลฯแต่ใครเคยคิดบ้างไหมคะว่า... ถ้าดีแต่เสวยสุขอยู่อย่างนั้นถ่ายเดียว วันหนึ่ง ผลบุญเดิมก็จะหมดลงและ ระยะที่ค่อย ๆ ลอยห่างออกมาจากมหาสมุทร ก็คือช่วงอายุขัยของเรานี่เองหากออกแรงบินเสียตั้งแต่ต้น ๆ น้ำ โอกาสที่จะได้ขึ้นสู่ฝั่งอันแห้งสบายตัว ก็มีอยู่มากแต่หากเราปล่อยชีวิตเรื่อยเปื่อย สนุกสนานรื่นเริงไปวัน ๆ เกาะติดอยู่กับความสุขเฉพาะหน้าบางคนคิดด้วยซ้ำไปนะคะว่า ขอใช้ชีวิตเต็มที่ก่อน แก่แล้ว หมดภาระแล้ว จะปฏิบัติธรรมเต็มตัวแต่กว่าจะรู้ตัวอีกที... ถึงตอนนั้น เราก็อาจพบว่า เราไม่มีแรงแม้แต่จะหายใจเต็มปอดแล้วก็ได้นะคะครูบาอาจารย์ท่านบอกนะคะว่า

ตอนยังเป็นหนุ่มเป็นสาว ยังมีเรี่ยวมีแรงนี่แหละ เป็นช่วงที่ปฏิบัติธรรมได้ดีที่สุดถึงตอนที่หูตาฝ้าฟาง เป็นโรคกระดูก โรคข้อ โรคชรา สารพัดแล้ว จะเอากำลังเอาเรี่ยวเอาแรงที่ไหนไปฝึกภาวนาและศึกษาคำสอนเล่าคะ?สิ่งที่ครูบาอาจารย์ท่านเน้นย้ำอยู่เสมอนะคะ ก็คือ อย่าประมาทท่านว่า กระดูกเรานี้ หากเอาเพียงชิ้นเดียวจากที่เราเกิดตายในแต่ละชาติมากองรวมกัน มันเยอะเสียจนสามารถกองทับถมกันได้เป็นภูเขาเลากา และถ้าเอาน้ำตาในแต่ละชาติมาเพียงหยดเดียว ก็รวมกันจนเป็นมหาสมุทรได้ทีเดียวนะคะความตายรอเราอยู่ทุกเมื่อ และการตายก็ไม่ใช่การอวสานที่จบสิ้นแต่เป็นเพียงการปิดฉากละครอีกฉากหนึ่งเท่านั้น เรายังต้องไปสู่ฉากใหม่กันต่อไปเรื่อย ๆ ยังต้องดิ้นรนไปอย่างไม่รู้กฎกติกา สร้างกรรมใหม่ด้วยความไม่รู้ และรับผลด้วยความไม่รู้

วันนี้... ตอนนี้... ขณะที่เรายังมีเรี่ยวมีแรง วันที่รอยเท้าของพระพุทธเจ้ายังหลงเหลืออยู่ให้เราเดินตามอย่าปล่อยเวลาแห่งชั่วขณะนี้หายใจทิ้งกันไปเปล่า ๆ เลยแผนที่ออกจากทุกข์ยังมีอยู่ ค่อย ๆ เริ่มลงมือกันเถิดนะคะ

ใครยังไม่รู้วิธี ก็ค่อย ๆ เรียนรู้ไป... ไม่ต้องหวังอะไรไปไกลมากกว่าแค่ทำความรู้จักกับกายใจของเราเอง เพราะโรงเรียนศึกษาธรรมะของเราไม่ได้อยู่ที่ไหนแต่อยู่ในขอบเขตของเรือนกายอันยาววา หนาคืบ กว้างศอก ที่มีใจครองนี้เองแม้ไม่เคยคิดตั้งเป้าว่าจะบรรลุธรรมขั้นไหน ๆ แต่อย่างน้อย การหมั่นมีสติระลึกรู้กายรู้ใจ ก็จะทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้นและเป็นทุกข์กับสิ่งกระทบที่แปลกปลอมเข้ามาในใจเราน้อยลงอย่างแน่นอนค่ะ

 

 
หมายเลขบันทึก: 106115เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2007 11:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:11 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท