ชีวิตที่พอเพียง : 301. เที่ยวอียิปต์ (2) ชมโบสถ์คริสต์โบราณ ทะเลทราย ปิรามิด และขี่อูฐ


          คุณฮัมจี้ ผู้จัดการทัวร์ของเราแนะนำให้เปลี่ยนกำหนดการ    เป็นไปชมชุมชนคริสต์โบราณ   ชุมชนยิวโบราณ ที่ยังดำรงอยู่ถึงปัจจุบัน   อยู่ในย่านเมืองเก่า เสียก่อน     แล้วค่อยข้ามแม่น้ำไนล์ไปทางทิศตะวันตกสู่เมืองกีซ่าเพื่อกินอาหารเที่ยง และอาหารเย็น ก่อนเดินทางกลับโรงแรม     โดยที่ช่วงเวลาระหว่างอาหาร ๒ มื้อ ก็ไปดูปิรามิดเสียให้หนำใจ    รวมทั้งไปชมโรงงานน้ำหอม และโรงงานกระดาษปาปิรัส     เขาต้องวางแผนเวลาเพื่อหลีกเลี่ยงเวลาที่รถติด    ภายใต้วัฒนธรรมรถยนต์นี่สร้างถนนเท่าไรๆ ก็ไม่พอ     เพราะรถมาประดังในเวลาเดียวกัน มันก็ต้องติด      
     
         จากโรงแรม Movenpick ซึ่ง "อยู่ที่ดอนเมือง" คืออยู่หน้าสนามบิน     เรานั่งรถเข้าเมืองไคโร นครแห่งประชากร ๑๖ + ๓ ล้านคน (ตอนกลางวันมีคนจากเมืองบริวารโดยรอบเข้ามาอีก ๓ ล้านคน)     โดยมีคุณออสมาน เป็นไกด์ที่มีคุณภาพความรู้ อัธยาศัย และฝีมือถ่ายภาพสูงมาก     ศาสนาคริสต์โบราณที่คนอียิปต์นับถือเรียกว่า Coptic    เราไปดูโบสถ์ เซนต์ เซอร์เจียส    ซึ่งตำนานไบเบิ้ลว่าชั้นใต้ดินเป็นที่หลบภัยของพระเยซูในวัยทารก    เพราะกษัตริย์แฮรอดของจูเดียสั่งฆ่าทารกเพศชายทุกคน    โจเซฟและมาเรียจึงนำพระเยซูมาซ่อนอยู่ที่นี่เป็นเวลา ๓ ปี ๙ เดือน จนกษัตริย์แฮรอดสิ้นพระขนม์     โบสถ์นี้ได้รับการบูรณะเป็นระยะๆ เรื่อยมา เวลานี้ก็ยังใช้    เป็นโบสถ์ที่สวยงามมาก   

         แล้วไปชม Ben Ezra Synagogue  หรือโบสถ์ยิวซึ่งเป็น 1 ใน 29 Jewish synagogue ในประเทศอียิปต์     เขาว่าก่อนเกิดประเทศอิสราเอลมีคนยิวในอียิปต์ ๕๐๐ ครอบครัว      เวลานี้มีเพียง ๓๐๐ คน    ในโบสถ์เขาห้ามถ่ายภาพ     ถ่ายได้แต่ภายนอก

         การได้ไปเห็นโบสถ์ ๒ แห่งนี้กับตา     และได้รับคำอธิบายจากไกด์     ทำให้เราเห็นชัดเจนว่าพื้นที่และประชาชนมุสลิมกับคริสต์นี่มันซ้อนทับกัน     มีประวัติศาสตร์ร่วมกัน      จนบอกยากว่าดินแดนไหนของใคร สิ่งไหนของใคร   

         วันนี้เรากิน early lunch เป็นอาหารฝรั่ง ในเมืองกีซ่า    จากภัตตาคาร คริสโต มองเห็นปิรามิดชัดเจน    เรากินปลาที่มีรูปร่างคล้ายปลากระบอก     เป็นปลาทะเลจากทะเลแดง     มีผักได้แก่มะเขือเทศ  ผักดอง   มีนมเปรี้ยวและแยมถั่วลิสงเป็นน้ำจิ้ม    ที่แปลกที่สุดคือขนมปังชนิดปิ้ง     ปิ้งกันสดๆ ไว้ให้นักท่องเที่ยวชม (และรับทิป     วงการท่องเที่ยวของอียิปต์นี่เรื่องทิปเป็นเรื่องใหญ่จริงๆ)     ผมให้คะแนนขนมปัง (เรียกชื่อว่า Peta Bread) ว่าแปลกและอร่อยที่สุด    ส่วนอาหารเย็นเรากินกันตอนก่อน ๕ โมงเย็น    เป็นอาหารจีน มีผักมาก ซึ่งเราชอบ    แต่ที่ปริมาณอาหารซึ่งเป็นชุดสำหรับ ๑๐ คนนี่สิ มันเกินชีวิตที่พอเพียง     เราชวนไกด์กับโชเฟอร์ ให้กินด้วยกัน เขาก็ไม่กิน     เราจึงแบ่งมาพอกินกัน ๒ คน และบอกไกด์กับโชเฟอร์ให้เอากลับบ้าน     เขากลับเอาไปให้พนักงานในภัตตาคารจีนนั่นเอง     อาหารน่ะเป็นอาหารจีน ใช้ได้ทีเดียว     แต่หน้าตาคุณผู้จัดการและพนักงานเสิร์พทั้งหมดเป็นแขกทั้งสิ้น

         ไฮไลท์ของวันนี้คือ อนุสรณ์ของความเชื่อ (ศรัทธา) ในความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเทพเจ้า     และความเชื่อเรื่องการเกิดใหม่หรือโลกหน้า    นำไปสู่การสร้างสิ่งที่ถาวรสำหรับเก็บศพของฟาโรห์ และขุนนางบริวารก็มาสร้าง "ฮวงซุ้ย" เล็กๆ ไว้เพื่อแสดงความปรารถนาที่จะกลับมา (หรือกลับไป) เกิดเป็นบริวารของฟาโรห์อีก     ความเชื่อระดับศรัทธา นำไปสู่การสร้างสรรค์เทคโนโลยีและการจัดการกำลังพลสมัยโบราณ     ให้สามารถสร้างปิรามิดขนาดมหึมา ใช้หินขนาดระหว่าง ๒ - ๑๕ ตัน จำนวนกว่า ๒ ล้านก้อนสร้าง "ปิรามิดใหญ่" คือปิรามิด คูฟู (หรือ คีออฟส์) ที่สูง ๑๔๖ เมตรได้

         เป็นโครงสร้างหินที่แสดงความเชื่อเรื่องเทพเจ้าคล้ายปราสาทนครวัด และปราสาทขอมอื่นๆ     และเป็นเครื่องมือเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับพระเจ้า เช่นเดียวกัน     โดยที่ปราสาทขอมเกิดในพื้นที่ป่าดงดิบ    แต่ที่นี่เกิดในทะเลทราย     แต่คิดแบบนี้อาจจะผิด เพราะสมัย ๔ - ๕ พันปีก่อนบริเวณนี้ต้องไม่เหมือนที่เราเห็นนี้แน่    เขาสันนิษฐานว่า ในสมัยโบราณแม่น้ำไนล์คงจะไหลผ่านลานหน้าอาคารพิธี (Mochari Temple) ซึ่งเป็นที่ทำศพของฟาโรห์ให้เป็นมัมมี่     แล้วจึงนำไปบรรจุไว้ในห้องสุสานภายในปิรามิด     หินแกรนิตที่เป็นเสาของ Mochari Temple หนัก ๒๕ ตัน     วิธีทำมัมมี่คร่าวๆ คือแหย่ทางจมูก เอาสมองออก (แหย่จนเหลว)      ผ่าท้องด้านซ้าย เอาเครื่องในออก (เก็บในโถ ๔ ใบ)     เอาเกลือยัดเข้าท้องเพื่อดูดน้ำออก    ใช้เวลา ๔๐ - ๗๐ วันเพื่อให้เนื้อแห้งจริงๆ มัมมี่จึงจะทน

         เราได้เข้าใจเทคโนโลยีวิธีตัดหินให้ได้ขนาดต่างๆ กัน     รูปร่างเป็นลูกบาศก์  ไม่ว่าจะเป็นหินปูน (limestone) ซึ่งตัดง่ายกว่า  และหินแกรนิต ซึ่งแข็ง ตัดยากกว่ามาก     แต่เทคโนโลยีโบราณตัดได้เหลี่ยมมุมเข้ากับสิ่งก่อสร้างได้อย่างอัศจรรย์     คุณ ออสมาน บอกว่าใช้วิธีตอกหินเป็นระยะๆ เอาลิ่มไม้มะเดื่อตากแห้งยัดแล้วใช้น้ำหยอด     ลิ่มไม่จะขยายตัวทำให้หินแยกตัวออกจากกัน

         เราได้ลองมุดเข้าอุโมงค์ไปสู่ห้องโถงที่บรรจุมัมมี่ของฟาโรห์ และราชินี     โดยต้องเสียค่าตั๋วคนละ ๒๕ ปอนด์อียิปต์ (หนึ่งปอนด์เท่ากับ ๕.๗๘๕ บาท)  คุณออสมานอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับอุโมงค์    และบอกว่าถ้าขาไม่ดีก็ไม่ควรลงไป     เราตัดสินใจลองเพื่อเป็นประสบการณ์      จนลงไปถึงห้องโถง ที่เดินตัวตรงได้     หลังจากนั้นต้องมุดขึ้น และต้องไปอีกไกลจึงจะถึงห้องโถงใหญ่     เราตัดสินใจกลับ  ยอมรับว่าแก่แล้ว     ออมแรงไว้เที่ยวอีก ๓ วันอย่างราบรื่นดีกว่า

          คุณออสมานเป็นนักถ่ายรูปและสนใจโบราณคดี     ให้รายละเอียดต่างๆ ดีมาก ซึ่งถูกใจผมมาก      ส่วนที่ถ่ายรูปเก่ง ถูกใจหมออมรา     เราได้ถ่ายรูปหิ้วปิรามิดไว้ทั้งสองมือ     และใช้มือประคองและหิ้วปิรามิดพร้อมๆ กัน     ถ่ายรูปยืนจูบสฟิงซ์     เป็นต้น  แต่ที่เราไม่ชอบคือแกชอบพาเราไปนั่งกลางแดดเพื่ออธิบายเรื่องราวรายละเอียดของโบราณคดี     แกเตรียมเอกสารและรูปใส่แฟ้มอย่างดีมาอธิบายให้เราฟังเข้าใจง่าย   

          เรานั่งรถขึ้นไปตรงจุดสูงสุดของที่ราบสูงกีซ่า    เพื่อชมทิวทัศน์และถ่ายรูปกับปิรามิดทั้ง ๓     หมออมราบอกว่าคล้ายเจดีย์สามองค์    หลังจากนั้นจึงไปขี่อูฐ     พอไปถึงบริเวณก็ได้กลิ่นขี้อูฐโชยมา     เขาให้อูฐหมอบลงไปทั้งขาหน้าและขาหลัง      พอเราขึ้นขี่คร่อมและจับไม้ที่อยู่หน้าอานดีแล้วเขาบอกให้อูฐลุกขึ้น     อูฐจะเอาขาหลังขึ้นก่อน ทำให้ตัวเราโย้ไปข้างหน้าอย่างแรง     ถ้าไม่จับไม้ให้แน่นอาจคะมำตกได้     แล้วพออูฐยกขาหน้าขึ้นเราก็นั่งตรงได้    พออูฐเดิน ขามันแกว่งไปทางโน้นที ทางนี้ที     เราต้องทำตัวและเอวให้อ่อนไปตามแรงเหวี่ยงก็จะนั่งสบาย     แต่หลังอูฐสูงกว่า ๒ เมตร มันสูงสำหรับคนกลัวความสูงอย่างผม     จึงไม่ถือว่านั่งสบาย     ไปได้ไม่นานเราก็ขอกลับ    ก่อนกลับเขาถ่ายรูปให้เป็นที่ระลึก    ที่จริงเขามีโควต้าเวลา ๑๕ นาทีแต่เรานั่งสัก ๕ นาทีเท่านั้น     โดยนั่งคนละตัวกับหมออมรา      พอเราลงเรียบร้อยคนจูงอูฐขอทิป ๕ เหรียญสหรัฐ     เราได้รับคำแนะนำให้ทิป ๑ เหรียญ     เขาไม่ยอมจะเอา ๒ จนมีผู้ใหญ่เข้ามาบอกว่า ๑ เหรียญพอแล้ว เราจึงรอดมาได้     ในหนังสือนำเที่ยวบอกอันตรายจากพวกให้เช่าอูฐขี่หลายรูปแบบ   

          แล้วเราไปกินข้าวเย็นที่ภัตตาคารจีนที่เมืองกีซ่านั่นเอง      ประมาณ ๑๗.๓๐ น. เราก็ออกเดินทางกลับโรงแรม     ถึงเกือบทุ่ม

                         

     วิวถนนในไคโร  รถเก่ากว่าบ้านเรา  ขับไม่เป็นระเบียบกว่า

                        

                          ภายในวัดคริสต์โบราณ (Coptic)

                        

 หมออมราฟังคำอธิบายภาพฝาผนังทางเข้าโบสถ์คริสต์โบราณ

                        

                                  ภายในโบสถ์

                        

ด้านหลังโบสถ์ยิว (synaqogue)   บันไดที่เห็นใช้สำหรับผู้หญิงเข้าโบสถ์ทางด้านหลัง ไปนั่งอยู่ชั้นบน

                        

ระหว่างทางไปเมืองกีเซห์     บ้านสร้างใหม่ดูเหมือนสร้างไม่เสร็จ  รอต่อชั้นบนได้เสมอ   การวางตำแหน่งอาคารสับสนไม่เป็นระเบียบ

                         

      เห็นปิรามิด ๓ แท่งอยู่ลิบๆ    โดยมีสวนผักเป็นฉากหน้า

                        

                บ้านเรือนริมถนนทางไปปิรามิดที่กีซ่า

                        

             ปีนปิรามิด คีออปส์  และถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก

                        

                                    ถ่ายจากเนินกีซ่า

                        

         สฟิงซ์แห่งเมืองกีซ่า สลักจากหินทรายก้อนเดียว

                        

           ภายในร้านขายภาพวาดจากกระดาษปาปิรัส

วิจารณ์ พานิช
๘ มิ.ย. ๕๐
โรงแรมโมเวนพิค  เฮลิโอโปลิส  ไคโร

หมายเลขบันทึก: 104530เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2007 13:29 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มิถุนายน 2012 19:12 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)
  • อ่านสนุกและได้ความรุ้ครับ
  • แต่น้อยกว่าคาดที่ไม่มีภาพให้ชมครับ
นพ.ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์

อียิปต์เป็นที่ที่ใครก็ควรไปสักครั้งในชีวิตครับ  แน่นอนว่าไปดูปิรามิดและสฟิงซ์นั่นแหละ  ไปดูใกล้ๆแล้วจะงง  ไปดูรูปสลักฟาโรห์ขนาดมหึที่ไหนสักที่  แล้วจะอึ้ง  ความงงกับความอึ้งนั้นก็คุ้มค่าสตางค์ที่เสียไปแล้วครับ  จะได้คิดหรือปิ๊งอะไรก้แล้วแต่คน  นอกจากนี้จะได้เห็นบ้านเมืองที่เหมือนกรุงเทพฯ  ความเจริญทางวัตถุและความสกปรกในแต่ละหย่อมเคียงคู่กันไป

เที่ยวสุเหร่าไคโรทุกแห่ง  พิพิธภัณฑ์ไคโร และเมืองโบราณ เช่น มหาปิรามิด สฟิงซ์ เมมฟิส ซัคคาร่า ไม่แพง  ที่เหล่านี้ห่างจากเมืองไม่มาก  เช่าแท็กซี่ไปได้ทั้งนั้น  ถ้ากลัวก็หาทัวร์หน้าโรงแรมไป  การกินถ้าไม่ชอบกินของของเขาก็เตรียมไปจากบ้านเรา ซื้อเพิ่มจากร้านชำเล็กๆข้างโรงแรม เที่ยวทั้งวันให้เตรียมช็อคโกแล็ต แอปเปิล และน้ำเปล่า สะดวกที่สุด จิบน้ำทีละน้อยเป็นระยะๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องหาห้องน้ำ  เดินเล่นแม่น้ำไนล์ดูอาทิตย์ตกฟรี   ไม่เสียตังค์  ทางเดินริมน้ำสะดวกสบาย  เป็นทางเดินสาธารณะไม่มีร้านค้าหรือตึกบังสายตา  แม่น้ำสะอาดช่วงผ่านไคโรหรือที่ผมพักสะอาดจนน่าแปลกใจทั้งที่มีคน 20 ล้านคนในไคโร  ทำได้ไง

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท