ประชาธิปไตย ในความหมายของผม คือ ทุกคนไม่ว่าสาขาอาชีพหรือระดับชั้นใดก็ตามและไม่ว่าอายุเท่าไรก็ตาม ที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยไม่ได้มาจากการยุยงจากกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่เป็นความคิดที่มาจากจิตใจที่รักชาติโดยแท้จริง
เช่น นาย ค มีความคิดริเริ่มที่จะทำให้ระบบการปกครองไทยไร้คนคอรัปชั่น จึงเสนอให้รัฐบาลแสดงความจริงใจ ในการออก ร่าง รมธ ให้นักการเมือง และพรรคการเมืองที่มีการทุจริต ขาดจริยะธรรม หมดสิทธิ์ ในการเป็นนักการเมือง และ พรรคการเมืองตลอดชีวิต อันเนื่องมาจากเป็นสัญลักษณ์และตัวอย่างไม่ดีแก่นักการเมืองอื่นๆๆ
ด้านมืดของประชาธิปไตย ในความคิดของผม คือ การใช้คำว่า ประชาธิปไตย มาแสวงหาผลประโยชน์ของตนโดยใช้เสียงคนส่วนมากกระทำการอันก็ให้เกิดความไม่สงบต่อรัฐ ส่งผลให้บ้านเมืองไม่เป็นระเบียบ วุ่นวาย
เช่น กลุ่มบริษัทนึงไม่ได้รับผลประโยชน์ที่ตนเองควรจะได้ จึงปลุกระดมประชาชนให้มาประท้วงโดยอ้างว่าเพื่อประชาชน แต่โดยแท้จริงแล้วตนเองเสียผลประโยชน์ เลยทำทุกวิถีทางให้ได้มา อันนี้ก็คือด้านมืดของ ประชาธิปไตย
คำว่า เผด็จการ คือ กลุ่มคนที่ใช้อำนาจตัดสินโดยไม่ฟังเสียงประชาชน หรือ กลุ่มคณะทำงานร่วมกัน ตัดสินแต่เพียงผู้เดียว และ ไม่ให้ผู้อื่นแสดงความคิดเห็น
ยกตัวอย่างเช่น นาย ก คิดที่จะแปรรูปรัฐวิสาหกิจ เพื่อทำให้ชาติมหาอำนาจ ชาติหนึ่ง พอใจอ้างว่าจะทำให้หุ้นในประเทศของนาย ก ไม่ตกตํ่า ซึ่งนาย ก คิดแต่เพียงว่า เงินเท่านั้น โดยไม่ฟังคำเรียกร้องจากประชาชน นักวิชาการ นักศึกษา คิดที่จะแปรรูปจนสำเร็จ นั่นจึงเรียกว่า เผด็จการ
ไม่ว่ากลุ่มบุคคลใดก็ตามที่ทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน โดยไม่แสวงหากำไร ซึ่งอาจใช้อำนาจที่แข็งก้าว บ้างทั้งนี้ก็เพื่อผลประโยชน์ต่อชาติและประชาชนอันยั่งยืน จึงไม่ถือว่าเป็นเผด็จการ
ประชาธิปไตย เป็นแค่คำอ้างของกลุ่มคนที่อยากได้มาเพื่ออำนาจของตนหรือเพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม ฉะนั้นปัจจุบันประชาชนรู้จักคำว่าประชาธิปไตยซักกี่เปอร์เซนต์ และ ใช้ประโยชน์ จากประชาธิปไตยได้มากน้อยเพียงใด้เพื่อให้ได้ประโยชน์ที่แท้จริงแก่ชาติ และต่อคนในชาติ
บทความข้างต้นนี้ผมไม่ได้พาดพิงอะไรถึงใครแต่เป็นการวิเคราะห์จากสภาพสังคมปัจจุบันที่เป็นอยู่จริง
เอาเป็นว่าผมพูดเรื่องจริงให้ฟังแล้วกัน ส่วนเรื่องจริงอาจจะแทงใจดำใครบ้าง ก็เพราะคนนั้นไม่ยอมรับความจริง (ความจริงคือสิงไม่ตาย)
ถ้ากระทบถึงใครก็ขอโทษไว้ ณ. ที่นี้ด้วย ยังไงผมก็จะพูดเรื่องจริงต่อไป (เรื่องจริงภายใต้เงามืดของคนถึงซ้อนเร้นเพียงใดแต่ก็หลบหลีกตัวเองไม่ได้)
การเมืองภาคประชาชน คือ ประชาธิปไตยทางตรงที่ยิ่งใหญ่
เจอกัน มัฆวาน