Global Change and Management Change

 

          สวัสดีครับลูกศิษย์ ผู้บริหารบริษัท IRPC และผู้ติดตาม Blog ทุกท่าน เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2550 ผมมีโอกาสได้ไปบรรยายให้กับผู้บริหารของบริษัท IRPC ในหัวข้อเรื่อง Global Change and Management Change ที่ โรงแรมรามาการ์เด้นท์ ซึ่งมีผู้บริหารเข้าร่วมฟังกว่า 150 ท่าน

 

 

         ผมจึงขอสรุปในเรื่อง Global Change and Management Change ว่า Global Change ก็คือ Globalization นั่นเอง คือการเชื่อมโยงประเทศของมนุษย์ในโลกไว้ด้วย เศรษฐกิจ, เทคโนโลยี, สังคม, การเมือง, สิ่งแวดล้อม แต่ปัจจุบันรุนแรงมากกว่าในอดีตที่ผ่านมาและกระทบกับคนส่วนใหญ่ของโลกเพราะขยายวงกว้าง  สาเหตุก็มีหลายเรื่องด้วยกัน เรื่องเทคโนโลยี ทางด้านการค้า การลงทุน การเปิดเสรีการค้า และยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีกหลายอย่างด้วยกัน เช่น Global Warming การก่อการร้ายข้ามชาติ ความขัดแย้งในทางศาสนา และปรัชญาในการดำรงชีวิต Lifestyle พลังงานที่แพงขึ้น และโรคติดต่อมากขึ้น

 

           ซึ่ง Global Change นั้นไม่ใช่ Static แต่้ต้องเปลี่ยนตลอด จะต้อง Monitor มาก ๆ และวิเคราะห์ให้ได้ ให้เน้นโอกาสและหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ต้องปรับตัวไว อยู่อย่างยั่งยืนและ ต้องบริหารความไม่แน่นอน และบริหารความเสี่ยง

           มี Concept ใหม่ ๆ เกิดขึ้นอย่างเช่น

•  Diversities เช่นการจ้างงานในไทย ข้างล่างมีแรงงานมากจากเพื่อนบ้าน แต่ข้างบนมี Singapore ฝรั่ง แขก เข้ามาทำงานและทำได้ดี
• Connectivity คือ ทุกอย่างเชื่อมโยงกันเร็ว
• Cross Cultural วัฒนธรรมต่างประเทศ
• ภาษาต่างประเทศ และภาษา IT

<p>        และขอสรุปปัญหาของ IRPC </p><ul>

ซึ่งบางอย่างเราควบคุมไม่ได้ เช่น ค่านิยมของเด็กรุ่นใหม่

การบ้าปริญญา ไม่บ้าปัญญา

การไม่ใฝ่รู้ คุณธรรม

การสอบ O-net, A-net

การศึกษาที่แย่

สื่อที่ไร้คุณภาพ ทำให้เรามีคนเก่งเข้ามาในธุรกิจของเราน้อยลง

</ul>
<p>         สิ่งที่ IRPC ต้องทำก็คือ</p><ul>

อย่าฝึกอบรมแบบเดิม เริ่มต้นใหม่ให้มีการกำหนดแผน HR ให้รอบคอบจะมี Project ที่แน่นอน

เน้น Why และ Why not และเน้นการวัดผลแบบ Intangibles ทำงานให้สำเร็จ หรืออะไรเป็นปัจจัยไปสู่ความสำเร็จ 

</ul><p>          ปัจจัยแรกคือ</p><ul>

มอง HR เป็น Asset

มีความเข้าใจปรัชญา ความเชื่อ ของ HR เสียก่อน

แล้วจึงกำหนดโครงการและแผนงาน

เน้น 3 ต. คือ ต่อเนื่อง ต่อเนื่อง และต่อเนื่อง

จุดสำคัญ ฝ่าย HR ต้องมีอิทธิพลต่อหน่วยงานต่าง ๆ ทำตัวเป็น Strategic partners การเป็นมืออาชีพในฝ่ายนี้สำคัญ รายงานตรงต่อ Board และ CEO และอิทธิพลต่อ Line Managers

HR ก็เป็นนักยุทธศาสตร์เป็น Strategist และต้อง serve vision หรือ mission ขององค์กรได้ และต้องสร้าง Value-added ให้องค์กรมากขึ้น 

</ul><p>        สุดท้ายผมขอสรุปจากแนวคิดที่ประธาน Grid International ได้กล่าวไว้… การจัดการกับ support โดย CK Plahalad เขามองว่าประเทศต่าง ๆ ในโลก และองค์กรที่ประสบความสำเร็จในช่วง Global Change มี 3 เรื่อง        </p><ul>

เขาเริ่มต้นด้วย Power เขามองว่า ฝ่ายบริหารหรือ Board มีอำนาจแต่อำนาจจะใช้อย่างไร ยกตัวอย่าง ในเอเชีย รวมไทยด้วย อำนาจที่ใช้มากๆ คือ อำนาจที่ติดมากับอดีต คือระบบขุนนาง มีมีอำนาจในการ command and control ดูได้จากพฤติกรรมจากผู้นำทั่วไปใน Asia คุณ Plahalad ได้เสริมว่าใน Asia แพ้ West ตรงนี้ เพราะ Bass บ้าอำนาจชอบ command and control ตัวคุณคิดอย่างไร ระบบ Empower หรือกระจายอำนาจแต่จะต้องเน้น Sharing และ Participation และ Listening คิดหนักก็คือ จะทำอย่างไรให้ Empower หรือการมอบอำนาจไม่ใช่ How to แต่ต้องดู Context ของวัฒนธรรมองค์กร

อำนาจอันดับที่ 2 ที่ต้องมีคือ Power to share to create

สุดท้าย ที่สำัคัญที่สุดก็คือองค์กรอย่างเรา ถ้ามีประชาธิปไตยของ Share Information ซึ่งBoss ที่ดีจะต้องไม่เก็บข้อมูล Information ไว้ข้างเดียว แต่จะต้องพยายามกระจายและ คำถามก็คือ ที่ไม่ใช่ How to แต่จะทำอย่างไรให้กระจายให้มากที่สุดต่อองค์กรเพื่อประโยชน์ของทุกๆ ฝ่าย

</ul><p>   ซึ่งผมได้สรุปไว้เท่านี้่ก่อนและถ้าหากลูกศิษย์ของผม หรือผู้ที่สนใจและติดตาม Blog ของผมก็ขอให้มาช่วย Share ความรู้ ความคิดของท่านกันไน Blog นะครับ และฝากสำหรับลูกศิษย์ IRPC ว่าหลังจากที่ท่านได้ฟังผมไปแล้วนั้น ท่านได้อะไรบ้างที่จะนำไปใช้ และจะทำอะไรต่อไป</p><p>                                                                                   ขอบคุณครับ</p><p>                                                                      จีระ  หงส์ลดารมภ์  </p>