เดือนพฤษภาคม เป็นเดือนที่เราเชิญอาจารย์ ปรีชา นิศารัตน์วิทยากรจาก ก.พ.มาสอนเรื่องการเสริมสร้างวินัยและจรรยาบรรณข้าราชการ
อาจารย์เล่าว่าที่ ก.พ.มีกฎห้ามข้าราชการไปเป็นติวเตอร์สอบเข้า ก.พ.
ห้ามข้าราชการกรมสรรพากรเป็นนายหน้าขายประกัน เพราะจะมีผลต่อการไปตรวจการเสียภาษีของร้านค้าต่างๆ
การให้สินน้ำใจต้องให้โดยเปิดเผย
วัดดูว่าเป็นสินน้ำใจหรือ corruption ให้ดูที่การเต้นของหัวใจว่าเต้นแรงกว่าปกติหรือไม่เวลารับของค่ะ
อาจารย์เล่าว่าที่สหรัฐห้ามรับสินน้ำใจเกิน 25ดอลลาร์
ในประเทศไทย ห้ามรับเกิน3,000บาท
ดิฉันเคยคุยเรื่องนี้กับญาติที่เป็นข้าราชการที่กรมชลประทาน เธอมองว่าการรับเงินและการขายของให้องค์กรตัวเองเป็นเรื่องปกติสามารถทำได้
คาดว่าดิฉันน่าจะรวยจากการเป็นผู้อำนวยการ
ดิฉันเข้าใจว่า ความคิดคนไม่เหมือนจริงๆ เคยมีบริษัทมาติดต่อกับดิฉันบ้างแต่คงไม่ค่อยกล้าพูดเรื่องการจ่ายเงิน
ดิฉันไม่มีประสบการณ์การหาผลประโยชน์จากบริษัททั้งทางตรงและทางอ้อม
ดิฉันอ่าน blog อาจารย์วิจารณ์ เขียนใน blogถึงคนที่เห็นแก่ตัวและไม่เห็นแก่ส่วนรวมทำให้ดีใจที่ยังมีคนกังวลเรื่องนี้
บางโรงพยาบาล ทั้ง ผ.อ.และหัวหน้างานก็มีการทำผิดจริยธรรม บางคนถูกบังคับให้ลาออก
ดิฉันอ่านเรื่องบุคลากรที่เป็น generation Y ซึ่งอาจารย์เสาวคนธ์ วิทวัทโอฬารเขียนไว้ทำให้เราอาจจะต้องมามองน้องๆรุ่นใหม่ๆเพื่อสร้างความเข้าใจเวลาบริหารคนว่าคนเหล่านี้ต้องทำอย่างไร
คนเหล่านี้มีลักษณะอย่างไรและอยากได้อะไร
อาจารย์เขียนไว้ว่า
1 เป็นตัวของตัวเองสูง
2ความอดทนต่ำ
3อยากรู้อยากเห็น
4ไม่ชอบกฎระเบียบ
5ทะเยอทะยานสูง
6คุ้นเคยกับเทคโนโลยี่
7ชอบการเปลี่ยนแปลง
8กระตือลือล้น
9มองโลกในแง่ดีมากๆ
10มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
11มั่งใจตัวเองสูง
12ไม่เคารพผู้อาวุโสกว่า
13มีความจงรักภักดีต่อองค์กรต่ำ
ความต้องการของคนรุ่นนี้คือ
1ทำงานที่ชอบ
2ค่าตอบแทนสูง
3มีความยืดหยุ่นไม่ชอบจู้จี้
4ชอบลองสิ่งใหม่ๆ
5ชอบบรรยากาศที่เป็นมิตร
6การยอมรับนับถือ
7มีโอกาสในการพิสูจน์ตัวเอง
8ประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว
เป็นเรื่องของผู้บริหารจะต้องบริหารกลุ่มนี้ให้ได้ทั้งใจและงาน
แต่ต้องไม่ผิดจริยธรรมด้วยค่ะ
บริหารอย่างไร ใช้KMได้หรือไม่ เป็นประสบการณ์ของแต่ละคนและแต่ละรายค่ะ
ไม่มีความเห็น