พ่อแม่(อย่า)รังแกฉัน


ความรักที่มากไปน้อยไปล้วนเป็นอันตรายต่อเด็กทั้งสิ้น ความรักที่พอดีเป็นเรื่องที่ทำได้ยากแต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับพ่อแม่ที่มีความรัก คู่ความรู้และความเข้าใจที่มีต่อบุตรหลาน

เด็กๆซึ่งเป็นสมาชิกใหม่ในสังคมจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพหรือจะมีพัฒนาการทางด้านร่างกาย   อารมณ์  สังคมและสติปัญญาที่แข็งแรงสมบรูณ์หรือไม่อย่างไรนั้นมีองค์ประกอบที่เกี่ยวข้องอยู่หลายประการด้วยกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพันธุกรรม   สิ่งแวดล้อมและการเรียนรู้ 

แต่อย่างไรก็ตามทีดูเหมือนว่าพ่อแม่หรือผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องมีความรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในฐานะที่เป็นผู้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการหล่อหลอมความเป็นตัวตนหรือบุคลิกภาพของเด็กซึ่งจะส่งผลให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทั้งนี้โดยถือว่าช่วงเวลาตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 6 ปีซึ่งถือว่าเป็นช่วงปฐมวัยนั้นจะเป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่งต่อการก่อร่างสร้างรากฐานให้เด็กเป็นผู้ที่มีบุคลิกภาพที่ดีต่อไป  

ความรักที่มากไปน้อยไปล้วนเป็นอันตรายต่อเด็กทั้งสิ้น   ความรักที่พอดีเป็นเรื่องที่ทำได้ยากแต่ก็ไม่ยากเกินไปสำหรับพ่อแม่ที่มีความรัก  คู่ความรู้และความเข้าใจที่มีต่อบุตรหลาน


ทั้งนี้ท่านผู้รู้ได้ประมวลวิธีการเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไว้อย่างน่าสนใจจึงนำมาเสนอเป็นข้อพิจารณาดังนี้

ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยคำตำหนิติเตียน 

เขาจะเป็นคนล้มเหลว

ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยความก้าวร้าว

เขาจะเป็นคนกร้าวแข็ง

ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยความเย้ยหยัน 

เขาจะเป็นคนขลาดอาย

ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยความละอาย

เขาจะเป็นคนขี้ระแวง

ถ้าเลี้ยงลูกด้วยความมานะ

  เขาจะเป็นคนอดทน

ถ้าเลี้ยงลูกด้วยความชื่นชม 

เขาจะเป็นคนซาบซึ้งในคุณค่า

ถ้าเลี้ยงลูกด้วยการยอมรับ 

เขาจะเป็นคนที่พอใจในตนเอง

ถ้าเลี้ยงลูกด้วยการให้กำลังใจ

เขาจะเป็นคนที่เชื่อมั่นในตนเอง

ถ้าเลี้ยงลูกด้วยความยุติธรรม 

เขาจะเป็นคนที่มีใจเป็นธรรม

ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยความเป็นมิตร

เขาจะมีความรักและเมตตาต่อเพื่อมนุษย์ 

ถ้าเลี้ยงเด็กด้วยความรักและความอบอุ่น  

เขาจะเป็นคนมีศรัทธาในชีวิต

 นอกจากนี้อาจารย์ณรงค์ศักดิ์  ตะละภัฏ   นักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงยังได้กล่าวถึงสิ่งแวดล้อมในการเลี้ยงดูเด็กและผลกระทบถึงเด็กไว้อย่างน่าฟังดังนี้

 

เด็กเติบโตท่ามกลางการดุด่า  จะเป็นคนหยาบคาย
เด็กเติบโตท่ามกลางการติเตียน    จะเป็นคนไม่อยากทำความดี
เด็กเติบโตท่ามกลางการมุ่งร้าย จะเป็นคนโหดเหี้ยม
เด็กเติบโตท่ามกลางการสาปแช่ง    จะเป็นคนเลวร้าย
เด็กเติบโตท่ามกลางการบีบคั้น จะเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย
เด็กเติบโตท่ามกลางการแก่งแย่ง   จะเป็นคนใจแคบ
เด็กที่เกิดมาท่ามกลางการดิ้นรน จะเป็นคนสู้โลก
เด็กที่เติบโตท่ามกลางการกลั่นแกล้ง จะเป็นคนขี้ระแวง
เด็กเติบโตท่ามกลางการล้อเลียน   จะเป็นคนขี้อาย
เด็กเติบโตท่ามกลางความกลัว  จะเป็นคนไม่มีเหตุผล
เด็กเติบโตท่ามกลางการหลอกลวง จะเป็นคนตลบตะแลง
เด็กเติบโตท่ามกลางการประคบประหงม จะเป็นคนหนักไม่เอาเบาไม่สู้
เด็กเติบโตท่ามกลางความอ่อนหวาน จะเป็นคนพูดจาไพเราะ
เด็กเติบโตท่ามกลางความเป็นธรรม  จะเป็นคนยุติธรรม
เด็กเติบโตท่ามกลางการให้อภัย  จะเป็นคนมีเมตตา
เด็กเติบโตท่ามกลางความเป็นกันเอง  จะเป็นคนรักพวกพ้อง
เด็กเติบโดท่ามกลางการให้กำลังใจ    จะเป็นคนมีความเชื่อมั่นในตนเอง
เด็กเติบโตท่ามกลางการยกย่อง จะเป็นคนไม่ชอบทำชั่ว
เด็กเติบโตท่ามกลางความรัก  จะเป็นคนมองโลกในแง่ดี

  ท่านผู้อ่านลองพิจารณาดูนะคะว่าวิธีการเลี้ยงดูเด็กและผลกระทบที่เกิดขึ้นซึ่งจะหล่อหลอมให้กลายเป็นบุคลิกภาพพื้นฐานของบุตรหลานดังที่ท่านผู้รู้ประมวลไว้นั้นน่าจะเป็นข้อคิดสำหรับการดูแลบุตรหลานได้หรือไม่อย่างไรก็อย่าให้เด็กๆมาต่อว่าทีหลังก็แล้วกันว่า  “  พ่อแม่รังแกฉัน “

ที่มา  : สรวงธร  นาวาผล     กลุ่ม wearehappy.

หมายเลขบันทึก: 102292เขียนเมื่อ 10 มิถุนายน 2007 18:49 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 พฤษภาคม 2012 09:08 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

เห็นด้วยทุกข้อกับที่กล่าวมาข้างต้นค่ะ

วันหนึ่งขึ้นรถเมล์ คุณแม่ พาลูกสาวตัวน้อยไปส่งโรงเรียน  รถติดมากเป็นปกติของเช้าวันจันทร์

รถเมล์ค่อยคืบคลานไปได้ทีละน้อย ๆ  อีกเพียงครึ่งป้ายก็จะถึงโรงเรียนของลูก  

แต่สงสัยคุณแม่คงใจร้อนหน่ะค่ะ  อุ้มลูกไว้ข้างหนึ่ง อีกมือหนึ่งเอื้อมไปกดกริ่ง เพื่อให้คนขับรถเมล์จอด

ครั้งแรก คนขับเฉยๆ ไม่จอดและไม่เปิดประตู้ให้เนื่องจากยังไม่ถึงป้าย  คุณแม่เธอก็กดกริ่งอีกครั้ง  เริ่มชักสีหน้า พร้อมกับบอกว่า ถึงแล้วขอลงหน่อย

คนขับจำใจต้องจอดรถและเปิดประตูให้คุณแม่คนนั้นลงไป  ... ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ถึงป้าย

ถามว่าต่อไปเด็กน้อยคนนั้นจะเป็นอย่างไร

เธอคงได้จดจำอะไรแบบผิด ๆ ว่า   ขึ้นรถเมล์แล้ว ไม่ต้องรอให้ถึงป้าย  อยากลงตรงไหน เธอก็คงขอลง  ตามแต่ใจที่เธออยากทำ โดยไม่ต้องคำนึงถึงกฏระเบียบ ข้อบังคับใด ๆ ...

อยากให้คุณแม่คนนั้น ทำดีให้ลูกดูจังเลย

สวัสดีครับ

เป็นบทความที่ดีมากๆ เลยครับ

แล้วผมก็เชื่อว่าเป็นอย่างนั้นจริงๆ

บางทีการเห็นผลที่เป็น ผลของคนที่เราพบ อาจจะอนุมาน ถึงที่มาได้เช่นกันครับ

แล้วก็หันมามองย้อนตัวเราครับ

กราบขอบพระคุณมากครับ

ขอบคุณทุกความคิดเห็นค่ะ  เด็กเป็นทรัพยากรของดลก เรามีพันธะที่ต้องช่วยกัน  จริงไหมคะ

ขอบคุณนะครับ ที่นำบทความของคุณพ่อมาแบ่งปันเพื่อประโยชน์แก่ผู้อ่าน ถ้าดวงวิญญาณท่านรับรู้ได้ท่านคงดีใจมากครับ

ขอบคุณค่ะ อ่านแล้วทำให้มีความสุข รักตัวเอง รักครอบครัวขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท