บันทึกของอาจารย์เอก พูดถึงเรื่อง "การอ้างอิง" เราคิดว่านี่เป็นประเด็นวิกฤติของการศึกษาในบ้านเรา
การอ้างอิง เป็นการพยายาม แสดงหลักฐาน งานวิชาการต้องการ “หลักฐาน” สนับสนุนสิ่งที่เราเขียน จริงๆแล้วเราสามารถอ้างอิง “ประสบการณ์ตรง” ของเราเองได้ แต่เราต้องอรรถาธิบายให้มีเหตุมีผล เราอ้างอิง "คำพูด" ของคนอื่นก็ได้ค่ะ ภาพถ่าย ก็เป็น "หลักฐานอ้างอิง" แบบหนึ่งค่ะ แต่เราต้องระบุว่า ใครพูด ที่ไหน เมื่อไร หรือภาพถ่ายใคร ที่ไหน เมื่อไร
ถ้าจะบอกว่า “ผู้ใหญ่บ้านคนนี้ใจร้าย” ในเชิงวิชาการต้องหาหลักฐานมาอธิบายสนับสนุนว่า ทำไมเราจึงสรุปเช่นนั้น ข้อดี คือ เราจะได้ไม่ลำเอียง หรือ ตัดสินเรื่องเอาตามอำเภอใจ
การอ้างอิงแหล่งที่มานั้น บอกระดับความน่าเชื่อถือของข้อมูล เช่น เรากล่าวถึง นโยบายของรัฐมนตรี โดยอ้างอิงว่า เป็นข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ ย่อมมีความน่าเชื่อถือน้อยกว่า นโยบายที่อ้างอิงด้วย ประกาศ มติ ครม. ที่ออกโดยรัฐบาลเป็นต้น คนอ่านก็ตัดสินเอาเองว่า จะเชื่อถือข้อมูลขนาดไหน โดยดูจากแหล่งที่อ้างอิงนี้ค่ะ
การอ้างอิง เป็นการเคารพความคิดคนอื่น ตรงนี้สำคัญมาก การอ้างอิงทำให้แยกแยะออกว่า ส่วนไหนมาจากที่เราคิด ส่วนไหนมาจากคนอื่น การอ้างอิงโดยนัยนี้จึงแสดงถึง "ความมีจรรยาบรรณ" ของเรา ไม่ใช่คนอื่นเขาคิดมา แล้วเราลอกมาเขียนโดยไม่อ้างอิง คล้ายว่าเป็นสิ่งที่เราคิดเอง ในต่างประเทศ ถ้าคุณลอกเขามาโดยไม่อ้างอิง ก็ถูกฟ้องร้อง ถูกปรับเป็นสอบตกเหมือนการทุจริตได้
การอ้างอิงเป็นการปกป้องตัวเอง เพราะบางทีงานที่เราอ้างอิงมาก็ไม่ใช่งานที่ดีมากนัก หากผิดพลาด ก็พลาดตรงต้นเรื่อง (แต่ตรงนี้เราต้องระวัง)
การอ้างอิง แสดงว่าเราค้นคว้ามามาก แต่มีเหมือนกันที่ลอกหนังสือมา 1 เล่ม โดยที่ในเล่มนั้น อ้างอิงคนอื่นๆไว้เยอะ แล้วเราก็ลอกทั้งเนื้อหาทั้งการอ้างอิงนั้นมา ทำให้ดูขลัง อย่างนี้ไม่ถูกแน่นอน......
ส่วนอ้างอิงมากแล้วจะขลัง จะน่าเชื่อถือหรือไม่นั้น ถ้าแค่ตัดแปะอ้างอิงเป็นตอนๆ แต่ไม่สามารถเชื่อมโยงเหตุและผล สิ่งต่างๆที่อ้างอิงมาได้ จนได้ข้อสรุปบางอย่างที่เป็นของคุณเอง ก็จบเห่เหมือนกันค่ะเรียน อาจารย์ ปัทมาวดี ที่เคารพ
ครับผม ต่อไปผมจะระมัดระวังให้มากครับ
ขอบคุณครับ