“สำนึกนักการเมือง- สื่อมวลชน”


เมื่อไหร่ที่นักการเมืองและสื่อมวลชนที่ไร้จริยธรรมจับมือกันเพื่อประโยชน์ตนเอง เมื่อนั้นสังคมก็คงตกอยู่ในความแตกแยก

 เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีมติเป็นเอกฉันท์ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ และให้ยุบพรรคไทยรักไทย พร้อมพรรคการเมืองไม้ประดับในคดีการจ้างพรรคเล็กให้ลงสมัครรับเลือกตั้ง เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายหลักการประชาธิปไตยอย่างร้ายแรง พร้อมกับให้ตัดสินทางการเมืองคณะกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย จำนวน 114 คน เป็นเวลา 5 ปี

แม้การยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมืองดูจะขัดกับหลักประชาธิปไตยที่ประเทศตะวันตกยึดถือกัน แต่การมีกฎหมายควบคุมนักการเมืองแบบไทยๆ ที่ไร้จริยธรรมก็ดูจะมีความจำเป็นอยู่ไม่น้อย เพราะบ้านเราปกครองแบบประชาธิปไตย 4 วินาที หลังจากนั้นอำนาจประชาชนจะตกเป็นของนักการเมืองทันที พวกนี้มักอาศัยอำนาจหาผลประโยชน์ให้ตกแก่ตนเองและพวกพ้อง และกรละเลยปัญหาของประชาชน

 ส่วนสื่อมวลชนที่ไร้จริยธรรม คือ สื่อมวลชนที่อาศัยเสรีภาพที่สาธารณชนมอบหมายให้ไปแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน แอบอิงกับอำนาจทางการเมือง ฉีกหลักการเสรีภาพทางวิชาชีพ ความเป็นกลาง และการยืนอยู่ข้างประชาชน แม้ไม่มีกฎหมายลงทัณฑ์ แต่ประชาชนต้องร่วมกันใช้มาตรการทางสังคมลงโทษ
 
ถ้าทุกคน มีสำนึก ระลึกได้  คงจะไม่ ล่วงล้ำ ทำสับสน

ธุรกิจ สาธารณะ อย่าปะปน   วิทยุ เพื่อชุมชน คนต้องการ

สิ่งทั้งหลาย ใครทำ หรือกำหนด  ถ้าเป็นกฎ สร้างขอบ กรอบพื้นฐาน

เพื่ออยู่ได้ ทำได้ และใช้งาน   คงต้องฝาก ชาวบ้าน ทำงานแทน

ช่วยติดตาม ถามข่าว เล่าเรื่องจริง  สื่อละทิ้ง หน้าที่ มีนับแสน

ทำอย่างไร ได้สื่อดี มาทดแทน   ต้องวางแผน ปฏิรูปใหม่ ให้ได้จริง

ที่ผ่านมา คุมได้ หรือไม่คุม  พูดแล้วกลุ้ม ร้อนผ่าว เหมือนเตาผิง

หมอนมพูด ธนดิษฐ์ตอบ ชอบจริงจริง   รัฐจึงวิ่ง แก้ปัญหา ค้างคานาน

เหมือนจับปู ใส่กระด้ง คงสานยาก  แก้ลำบาก เพราะเรื้อรัง อย่างเล่าขาน

แต่ละสื่อ มีฐานล่าง แตกต่างกัน       วอนทุกสื่อ สร้างสรรค์ งานมวลชน
                                          (ขอขอบคุณ: พี่ตุ๊ก ขิงแก่...ริมรั้ว มสธ.)

เมื่อไหร่ที่นักการเมืองและสื่อมวลชนที่ไร้จริยธรรมจับมือกันเพื่อประโยชน์ตนเอง เมื่อนั้นสังคมก็คงตกอยู่ในความแตกแยก เช่นที่เป็นอยู่ปัจจุบัน ความหวังก็คงตกอยู่ที่ชุมชนที่จะต้องขับเคลื่อนสังคมฐานรากให้เดินหน้าต่อไป พึ่งตนเองอย่างมีศักดิ์ศรี เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า การปฏิรูปสังคมและการเมืองมักจะปฏิรูปกันที่โครงสร้างส่วนบน การมีส่วนร่วมทำได้เพียงรูปแบบ ที่ไม่ได้หัวใจสำคัญ

ดังนั้นชุมชนที่แข็งแรงต้องสร้างเครือข่ายการเรียนรู้ต่อยอดไปยังชุมชนใกล้เคียง เพื่อให้เกิดแผนที่ชุมชนคนทำดีเต็มพื้นที่ทั่วประเทศ นี่ต่างหากที่เป็นความหวังของการปฏิรูปสังคมและการเมือง

คำสำคัญ (Tags): #สื่อมวลชน
หมายเลขบันทึก: 101837เขียนเมื่อ 8 มิถุนายน 2007 18:53 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท