ต้องยอมรับว่าหลายครั้ง ใน 2 ปีผ่านมา นับตั้งแต่ปลายปี 48 ที่สภามหาวิทยาลัยอนุมัติ จัดตั้งศูนย์พัฒนาและประกันคุณภาพ ไม่ค่อยได้ดูถึงระเบียบ ว่าด้วยศูนย์ฯเท่าไหร่นัก ทั้งๆที่เขียน พิมพ์มากับมือตัวเอง (ดูชาวบ้านเขามาครับ แล้วมาปรับอีกที)
หลังจากที่สภาอนุมัติแล้ว แจ้งเวียนบุคลากรทราบ และก็เก็บเข้าแฟ้มไว้เป็นหลักฐานมาตั้งแต่นั้น ผมว่าหลายคนในที่ทำงานตอนนี้จำไม่ได้แล้วว่ามีรายละเอียดของระเบียบเขียนอะไรว้าบ้าง ที่จำเป็นๆ แม้แต่ผมก็ยังลืมบ้าง
เอาง่ายๆว่า ผมลองไปถามเล่นๆกับน้องในที่ทำงาน
ปล.ทุกคำถามที่ผมยกตัวอย่างมานี้ ผมลองถามก่อนที่จะบันทึกนี้ และก็เป็นความจริง
ทำไมเหรอครับผมจึงมานั่งเปิดระเบียบของศูนย์ฯมาเทียบกับการทำงานที่ผ่านมา เพราะผมไม่อยากให้เกิดปัญหาในอนาคต เช่น การฟ้องร้อง การร้องเรียน การกล่าวหา...สำหรับหน่วยงานของผมไม่ค่อยมีปัญหามากนักเรื่องพวกนี้ เพราะไม่ค่อยมีผลกระทบกับคนอื่นเท่าไหร่นัก ไม่มีผลประโยชน์ใดๆที่เกี่ยวข้อง เป็นเพียงหน่วยงานกลาง ทำหน้าที่หลักในการประสาน พัฒนา สร้างระบบกลไก เท่านั้น แต่ถ้าเป็นหน่วยงานที่มี Impact สูง เช่น เรื่องของการบริการ การเงิน คงเผลอไม่ได้ครับ
จริงๆแล้วจากการพิจารณาดู ก็มีหลายๆส่วนที่ไม่เป็นตามระเบียบนัก (ไม่ได้หมายถึงผิดนะครับ แค่ยังไม่สมบูรณ์) ทั้งๆที่ผมรู้มาโดยตลอดในฐานะผู้ปฏิบัติการ (น้ำท่วมปาก หรือ รู้อยู่แก่ใจ) และที่สำคัญผมดูแล้วไม่เห็นมีใครที่จะมาใส่ใจเอาจริงเอาจังที่จะทำให้หน่วยงานทำตามระเบียบที่ได้ตกลงกันไว้
ก้าวต่อไปข้างหน้าคงทบทวนการทำงานกันใหม่ เอาแบบกลับขั้วของการทำงานเดิมๆ คือ ต้องกางระเบียบก่อนทุกครั้งจะทำอะไรทั้งปวง (กันไว้ดีกว่าแก้)
ดังนั้นที่กล่าวมาข้างต้นผมเพียงจะสะท้อนความเป็นจริงว่า “ความศักดิ์ของระเบียบเกิดจากการทำตาม ไม่ใช่การลงโทษ” ซึ่งผมก็ไม่เคยบอกว่าหน่วยงานของผมเป็นองค์กรที่ดีที่สุด แต่จะพยายามจะเป็นให้ได้ จากเรียนรู้สิ่งที่ผิดพลาดในอดีต และกรณีตัวอย่างที่เคยเห็นจนน่าเบื่อในปัจจุบัน
ผมเชื่อว่าผู้ที่อนุมัติระเบียบไม่มีทางจำได้ว่าแต่ละหน่วยงานกำหนดไว้อย่างไรบ้าง ทำให้ผู้ปฏิบัติเกิดความชะล้าใจ หละหลามบ้าง หรือลดความเคร่งครัดลง พอจะรายงานประจำปีแต่ละครั้ง ก็ไม่ได้แนบระเบียบไปด้วย ทำให้ไม่สามารถเปรียบเทียบได้ ดังนั้นควรมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่จับภาพ จับตา มอนิเตอร์หน่วยงานภายใน เรื่องนี้อย่างจริงเพื่อเป็นหูเป็นตาให้สภาฯ
KPN
สวัสดีค่ะ
เห็นด้วยค่ะ อาจมีปัญหาทางก.ม.ทีหลังได้ค่ะ น่าจะทำระเบียบขึ้นมาให้เหมาะสมโดยเร็ว
ประเทศเรา ไม่ค่อยเห็นก.ม.สำคัญ วันหลังมีปัญหาขึ้นมา จะยุ่ง
ขอบคุณครับ
คุณsasinanda
|
อะไรที่ผ่านไปแล้วอาจด้วยความไม่ตั้งใจ ไม่ใส่ใจ ลืม เผลอ หรือเหตุประการใดก็ตาม ก็ให้มันผ่านไป
เอาเป็นว่าเรามาเริ่มตั้งต้นกันใหม่ ให้อยู่ในกรอบในระเบียบแล้วกันนะครับ อย่างน้อยถ้าเรากล้าที่จะสารภาพ คงมีคนเห็นใจบ้างนะครับ
ทั้งนี้อยู่บนพื้นฐานของการมีส่วนร่วม และเข้าใจเป้าหมายเดียวกันของเพื่อนร่วมงานครับ
เรียน ท่าน Jack ผู้ร่วมพัฒนา
ขอบคุณครับท่านอาจารย์จิตเจริญ
ผมก็บ่นไปตามภาษาผู้น้อยไปอย่างงั้นเองครับ แต่เจตนาจริงๆก็เพื่อให้หน่วยงาน ทั้งผม และเพื่อนร่วมงานได้คิดถึงในจุดนี้ให้มาก ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงที่อาจจะมีผลกระทบในวันข้างหน้าครับ
การที่คนบางคนอยู่มานาน ก็อาจทำให้เกิดทั้งปัญหา และประโยชน์ในเวลาเดียวกันได้เช่นกันครับ
ขอบคุณที่กระแทกใจครับ องค์กู
เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งคะ
ขอบคุณ
ทักทายกันครั้งแรก สั้นๆดีนะครับ
นึกว่าใครที่ไหน ชาว มมส. ของเรานี้เอง แต่อยู่ตึกเดียวกันแท้ๆ แต่ผมไม่เคยเห็นตัวจริงเลยครับ
กฏระเบียบก็ต้องปฏิบัติตามครับ ยิ่งในฐานะหน่วยราชการแล้วด้วยยิ่งต้องทำตาม
ผมเองเคยอยู่ในหน่วยงานเอกชนก่อนที่จะเข้ามาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเอกชน (มีกฏระเบียบพอประมาณ) ตอนแรกอึดอัดมากครับ ปรับตัวอยู่นาน
การทำตามกฏระเบียบเป็นสิ่งที่ถูกต้องและควรทำครับ แต่ทุกกฏระเบียบคงต้องมีการใช้วิจารณญาณ ความถูกต้อง ความเป็นธรรมและความมีน้ำใจประกอบกันด้วยครับ แต่ที่ข้อยำคือต้องยืนอยู่บนความเข้าใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องด้วยครับ จึงจะได้ทั้งงานและมิตรภาพ และไม่ต้องเข้าตาราง
ขอบคุณครับท่านอาจารย์มณฑล
กฏมีไว้ทำตาม ไม่ใช่มีไว้แหกครับ แต่ก็มีคนบางจำพวกที่ชอบขวางโลก เจออะไรๆใหม่ๆ จะดีหรือไม่ดี ไม่สนใจอ่านรายละเอียด ปฏิเสธอย่างเดียว คนจำพวกนี้ก็อาจจะมี 1 ใน 100
เห็นด้วยครับการทำงานเป็นทีม บนพื้นฐานของเป้าหมาย ธงที่ปักไว้เดียว โดยมีข้อบังคับ ระเบียบ นโยบายเป็นแผนที่เดินทางครับ
ขอบคุณคุณน้องครับ
เราต้องมาร่วมวิเคราะห์สภาพแวดล้อม หรือ นักวิชาการเขามักเรียกว่า swot ฟังแล้วดูหรูหราดีมากครับ
แต่ความเป็นจริงหลายๆหน่วยงาน วิเคราะห์ตนเอง จากคนๆเดียว แล้วก็ประกาศก้อง
ทำให้การแก้ปัญหา หรือการดำเนินการไม่ถูกจุด เพราะไม่ได้มาจากการมีส่วนร่วม
อย่างไรก็ดีเมื่อเรา หรือหน่วยงานทราบถึงจุดอ่อน ปัญหาต่างๆ แล้ว ทั้งที่รู้มานานแล้ว หรือเพิ่งรู้ก็ตาม เราต้องมาทำความเข้าใจกันตั้งต้นใหม่ไปพร้อมกันๆ เพื่อให้ประวัติศาสตร์ ไม่ซ้ำรอยครับ
โดยอย่าไปโทษคนนั้นคนนี้ หาคนผิดให้ได้ นั้นคงไม่ใช่ทางออกที่ดี