ช่องว่างระหว่างวิทยาศาสตร์&ศาสนา


ศาสนามีศาสนบุคคลหรือคณะบุคคลสืบทอดคำสอนและประกอบศาสนพิธีต่าง ๆ ส่วนวิทยาศาสตร์ไม่มีบุคคลดังกล่าวคอยสืบทอด

แตกต่างกันของวิทยาศาสตร์และศาสนาที่ทำให้เกิดช่องว่างไม่สัมพันธ์โดยตรงคือ

ศาสนามีศาสดาผู้ประกาศคำสอน  หรือเป็นผู้ก่อตั้งศาสนา   ส่วนวิทยาศาสตร์ไม่มีนักวิทยาศาสตร์ ตั้งตัวเป็นศาสดา


ศาสนาต้องมีพิธีกรรมที่เรียกว่า ศาสนพิธี    ส่วนวิทยาศาสตร์ไม่มีพิธีกรรมจะมีเฉพาะกระบวนการและวิธีการเท่านั้น


ศาสนามีคัมภีร์เป็นที่รวบรวมคำสอน และคัมภีร์นี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้ใดจะลบหลู่ หรือเหยียบย่ำไม่ได้ และต้องเชื่อถือว่าเป็นความจริงตลอดไป   ส่วนวิทยาศาสตร์ไม่มีคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์   มีแต่ตำราที่เป็นสาธารณะ และความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ในสภาวะและเงื่อนไขที่เปลี่ยนไป


ศาสนาต้องมีศาสนสถานเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม ส่วนวิทยาศาสตร์     มีลักษณะเป็นห้องปฏิบัติการและการทดลอง


ศาสนาต้องมีศาสนชนผู้นับถือ เลื่อมใสในศาสนา ส่วนวิทยาศาสตร์ความรู้ความจริงจากการทดลองและสรุปผลเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่จำเป็นต้องเลื่อมใสจากผู้คน


ศาสนามีการพิจารณาเรื่องคุณค่าและความดีงาม    ส่วนวิทยาศาสตร์สนใจข้อเท็จจริงไม่ประเมิน    ข้อเท็จจริง


 การแสวงหาความรู้ความจริงทางศาสนาต้องอาศัยศรัทธา ความเชื่อและการปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน ส่วนวิทยาศาสตร์อาศัยการสังเกต   ทดลอง  ตั้งสมมติฐาน  และการใช้เหตุ  และในการสืบค้น   ความเป็นเหตุ    และผลของสมมติฐาน


ศาสนาพยายามแสวงหาความประสานกลมกลืนระหว่างบุคคลกับโลก และมักจะมีคำตอบในทุกปัญหาของมนุษย์ แต่วิทยาศาสตร์ใช้การทดลองเพื่อหาข้อเท็จจริงและมีข้อสรุปในขอบเขตของการศึกษาเท่านั้น


แนวคิดของนักปรัชญา สมัย Creeks ได้นำไปสู่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์  เพราะถ้าเชื่อว่าสติปัญญา  ของมนุษย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง   กับของพระเจ้าแล้วมนุษย์ก็ย่อมจะเรียนรู้ได้โดยอาศัยเหตุผล        และประสาทสัมผัสของตน       จากการสังเกต การทดลองได้โดยไม่ต้องพึ่งพระเจ้า และความคิดของคนในอดีต  จากการสังเกตความเคลื่อนไหวของวัตถุต่าง ๆ ในท้องฟ้า  การตกลงมาของวัตถุ  การไหลเวียนของโลหิตในร่างกายตลอดจนการติดเชื้อโรค  จากจุลินทรีย์เล็ก ๆ  ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า  ทำให้เห็นได้ว่าเป็นการยากที่จะเข้าใจและอธิบายโดยใช้กรอบความคิดของความเชื่อ ที่มีอยู่ในศาสนา  สาระสำคัญของช่องว่างระหว่าง ศาสนาและวิทยาศาสตร์  คือ  ความคิด  เรื่อง “เหตุและผล”   ถ้าศาสนามีพื้นฐานความคิดเรื่องเหตุและผล เช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ ช่องว่างระหว่างศาสนาและวิทยาศาสตร์จะแคบเข้าหรือไม่มีเลยเพราะวิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับความเชื่อที่ไม่สามารถทดลองและพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง


หมายเลขบันทึก: 100165เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2007 23:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท