หน้าแรก
สมาชิก
วรรธนชัย ๏(。◕‿◕。)...
สมุด
สนุกคุย สนุกคลิ๊ก!!!
ช่องว่างระหว่างวิ...
วรรธนชัย ๏(。◕‿◕。)๏ ♫ ♬ ♪ ♩ ♭
Wattanachai Prommana
สมุด
บันทึก
อนุทิน
ความเห็น
ติดต่อ
ช่องว่างระหว่างวิทยาศาสตร์&ศาสนา
ศาสนามีศาสนบุคคลหรือคณะบุคคลสืบทอดคำสอนและประกอบศาสนพิธีต่าง ๆ ส่วนวิทยาศาสตร์ไม่มีบุคคลดังกล่าวคอยสืบทอด
แตกต่างกันของวิทยาศาสตร์และศาสนาที่ทำให้เกิดช่องว่างไม่สัมพันธ์โดยตรงคือ
ศาสนามีศาสดาผู้ประกาศคำสอน หรือเป็นผู้ก่อตั้งศาสนา ส่วนวิทยาศาสตร์ไม่มีนักวิทยาศาสตร์ ตั้งตัวเป็นศาสดา
ศาสนาต้องมีพิธีกรรมที่เรียกว่า ศาสนพิธี ส่วนวิทยาศาสตร์ไม่มีพิธีกรรมจะมีเฉพาะกระบวนการและวิธีการเท่านั้น
ศาสนามีคัมภีร์เป็นที่รวบรวมคำสอน และคัมภีร์นี้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้ใดจะลบหลู่ หรือเหยียบย่ำไม่ได้ และต้องเชื่อถือว่าเป็นความจริงตลอดไป ส่วนวิทยาศาสตร์ไม่มีคัมภีร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ มีแต่ตำราที่เป็นสาธารณะ และความรู้ทางวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ในสภาวะและเงื่อนไขที่เปลี่ยนไป
ศาสนาต้องมีศาสนสถานเพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรม ส่วนวิทยาศาสตร์ มีลักษณะเป็นห้องปฏิบัติการและการทดลอง
ศาสนาต้องมีศาสนชนผู้นับถือ เลื่อมใสในศาสนา ส่วนวิทยาศาสตร์ความรู้ความจริงจากการทดลองและสรุปผลเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่จำเป็นต้องเลื่อมใสจากผู้คน
ศาสนามีการพิจารณาเรื่องคุณค่าและความดีงาม ส่วนวิทยาศาสตร์สนใจข้อเท็จจริงไม่ประเมิน ข้อเท็จจริง
การแสวงหาความรู้ความจริงทางศาสนาต้องอาศัยศรัทธา ความเชื่อและการปฏิบัติไปพร้อม ๆ กัน ส่วนวิทยาศาสตร์อาศัยการสังเกต ทดลอง ตั้งสมมติฐาน และการใช้เหตุ และในการสืบค้น ความเป็นเหตุ และผลของสมมติฐาน
ศาสนาพยายามแสวงหาความประสานกลมกลืนระหว่างบุคคลกับโลก และมักจะมีคำตอบในทุกปัญหาของมนุษย์ แต่วิทยาศาสตร์ใช้การทดลองเพื่อหาข้อเท็จจริงและมีข้อสรุปในขอบเขตของการศึกษาเท่านั้น
แนวคิดของนักปรัชญา สมัย Creeks ได้นำไปสู่การปฏิวัติทางวิทยาศาสตร์ เพราะถ้าเชื่อว่าสติปัญญา ของมนุษย์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง กับของพระเจ้าแล้วมนุษย์ก็ย่อมจะเรียนรู้ได้โดยอาศัยเหตุผล และประสาทสัมผัสของตน จากการสังเกต การทดลองได้โดยไม่ต้องพึ่งพระเจ้า และความคิดของคนในอดีต จากการสังเกตความเคลื่อนไหวของวัตถุต่าง ๆ ในท้องฟ้า การตกลงมาของวัตถุ การไหลเวียนของโลหิตในร่างกายตลอดจนการติดเชื้อโรค จากจุลินทรีย์เล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ทำให้เห็นได้ว่าเป็นการยากที่จะเข้าใจและอธิบายโดยใช้กรอบความคิดของความเชื่อ ที่มีอยู่ในศาสนา สาระสำคัญของช่องว่างระหว่าง ศาสนาและวิทยาศาสตร์ คือ ความคิด เรื่อง “เหตุและผล” ถ้าศาสนามีพื้นฐานความคิดเรื่องเหตุและผล เช่นเดียวกับวิทยาศาสตร์ ช่องว่างระหว่างศาสนาและวิทยาศาสตร์จะแคบเข้าหรือไม่มีเลยเพราะวิทยาศาสตร์ไม่ยอมรับความเชื่อที่ไม่สามารถทดลองและพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง
เขียนใน
GotoKnow
โดย
วรรธนชัย ๏(。◕‿◕。)๏ ♫ ♬ ♪ ♩ ♭
ใน
สนุกคุย สนุกคลิ๊ก!!!
คำสำคัญ (Tags):
#การพึ่งตนเอง
#การสังเกต
#การสืบค้น
#ความศรัทธา
#ความเชื่อ
#ช่องว่าง
#ตั้งสมมติฐาน
#วิทยาศาสตร์
#ศาสนา
หมายเลขบันทึก: 100165
เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2007 23:16 น. (
)
แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:50 น. (
)
สัญญาอนุญาต:
จำนวนที่อ่าน
จำนวนที่อ่าน:
ความเห็น (0)
ไม่มีความเห็น
ชื่อ
อีเมล
เนื้อหา
จัดเก็บข้อมูล
หน้าแรก
สมาชิก
วรรธนชัย ๏(。◕‿◕。)...
สมุด
สนุกคุย สนุกคลิ๊ก!!!
ช่องว่างระหว่างวิ...
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID
@gotoknow
สงวนลิขสิทธิ์ © 2005-2023 บจก. ปิยะวัฒนา
และผู้เขียนเนื้อหาทุกท่าน
นโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy)
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท