ขณะนี้เวลา 08.05น. อากาศที่ลำปางกำลังดี หนาวเป็นปกติ วันนี้ที่มหาวิทยาลัยคึกคักเป็นพิเศษ เพราะเป็นวันสอบคัดเลือกตรงของวิทยาลัยสหวิทยาการ รุ่นพี่เตรียมตัวมารับ (ว่าที่) น้องใหม่กันอย่างถ้วนหน้า นักวิจัยอยู่ในฐานะของอาจารย์ประจำวิทยาลัยจึงต้องมาในวันนี้ด้วย เพราะได้รับมอบหมายให้อยู่ประจำกองอำนวยการสอบ แต่อย่างที่บอกไปแล้วว่าวันนี้จะมีการประชุมเครือข่ายประจำเดือน ผู้วิจัยจึงขออนุญาตผู้บังคับบัญชาว่าจะอยู่ช่วงเช้า พอสายๆจะขอตัวออกไปทำภารกิจเพื่อชุมชน ผู้บังคับบัญชาท่านก็เข้าใจ อนุญาตเป็นอย่างดี วันนี้จึงมาถึงมหาวิทยาลัยแต่เช้า พอมาถึงยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องเข้าประชุมเพื่อเตรียมการสอบ ยังมีเวลาเหลืออีกประมาณ 10 นาที จึงได้เปิดคอมพิวเตอร์เพื่อเข้ามาเขียนเรื่องราวเล่าสู่กันฟัง
การเตรียมการประชุมในวันนี้ของผู้วิจัยนั้น ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่บอกตัวเองว่าจะทำอย่างไรจึงจะถ่ายทอดเนื้อหาออกไปแล้วทำให้คณะกรรมการเข้าใจ เพราะที่ผ่านมาความจริงก็เข้าร่วมการประชุมเกือบทุกครั้ง หลายๆครั้งได้เป็นผู้ถ่ายทอดเนื้อหาในเรื่องต่างๆให้คณะกรรมการได้ทราบ แต่ดูเหมือนว่าคณะกรรมการจะไม่ค่อยเข้าใจ ซึ่งจากการประเมินของผู้วิจัยเห็นว่าน่าจะมาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น
1.การใช้ภาษา ผู้วิจัยใช้ภาษาไทยกลาง และมักจะพูดในเชิงวิชาการ (โดยไม่ได้ตั้งใจ อาจเป็นเพราะติดจากการสอนหนังสือในมหาวิทยาลัย) ในขณะที่คณะกรรมการเป็นคนเมือง (เหนือ)ซึ่งไม่ค่อยจะไปด้วยกันสักเท่าไหร่ ดังนั้น ผู้วิจัยจึงต้องพยายามปรับปรุงในเรื่องภาษให้มาก ถ้าเป็นไปได้ควรพูดภาษาเหนือให้ได้ เพราะ นอกจากจะช่วยให้การสื่อสารเข้าใจง่ายขึ้นแล้ว ผู้วิจัยเห็นว่าจะได้ใจชาวบ้านด้วย (เพราะพูดภาษาเดียวกัน)
2.การใช้สื่อต่างๆ ที่ผ่านมายังไม่หลากหลาย ส่วนใหญ่จะเน้นไปที่เอกสารสรุปมากกว่า (ตามความถนัดของนักวิจัย) แต่ในความเป็นจริงแล้วการใช้สื่อที่หลากหลายเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะ จะทำให้ไม่เบื่อ และช่วยให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย ในส่วนนี้ผู้วิจัยกำลังพยายามปรับปรุงอยู่ เช่น พยายามวาดภาพประกอบเพื่อให้เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น , พยายามสรุปออกมาเป็นประโยคหรือวลีัสั้นๆ เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า บทบาทของการเป็นนักวิจัยและคุณอำนวยในเวลาพร้อมๆกันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่ความตั้งใจจริง และการฝึกฝน ที่สำคัญต้องฟังคนอื่นด้วย ต้องกล้ารับความจริง ไม่ใช่เห็นว่าตัวเองทำดีตลอด ทำถูกตลอด ถ้าคิดอย่างนี้การพัฒนาตัวเองตามแนวทางการจัดการความรู้คงทำได้ยาก (ตามทัศนะของนักวิจัยนะคะ)
ดังนั้น ในการประชุมวันนี้ผู้วิจัยคงจะใช้เวทีการประชุมเป็นสนามในการฝึกบทบาทของคุณอำนวยต่อไป โดยจะพยายามใช้สื่อต่่างๆให้มากขึ้น รวมทั้งพยายามปรับภาษาที่ใช้ให้เข้าใจง่ายมากขึ้นด้วย เพราะ การถ่ายทอดให้ประสบความสำเร็จ ผู้ถ่ายทอดต้องถ่ายทอดด้วยวิธีการที่เข้าใจง่าย
ขอจบแค่นี้ก่อนนะคะ ถ้าประชุมเสร็จเร็วและมีเวลาจะเข้ามาบอกเล่าถึงเนื้อหาและบทสรุปของการประชุมต่อในช่วงเย็นนะคะ
อย่างนี้ศัพท์ของพี่ทรงพลคือเตรียมก่อนเข้าห้องเรียน พวกเราล้วนเป็นนักเรียนจัดการความรู้ตามบทบาทของเรา บางคนมี2-3บทบาท บางบทบาทถนัดอยู่แล้ว แต่บางบทบาทก็เป็นมือใหม่
การฝึกเป็นวิทยากรกระบวนการของอ.อ้อมคือนักเรียนจัดการความรู้ในบทบาทคุณอำนวย อ.อ้อมก็ต้องเตรียมก่อนลงปฏิบัติ ฝึกตอนปฏิบัติและสรุปบทเรียนตัวเองหลังจากจบเวทีแล้ว ทำทุกครั้ง นานๆเข้าก็เก่งเองแหละครับ
ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยจัดการความรู้ อ.อ้อมย่อมมีวัตถุประสงค์ในการจัดประชุมเครือข่าย(ซึ่งมีอยู่แล้วตามปกติของเครือข่าย -การจัดการความรู้ต้องเข้าไปเพิ่มมูลค่าของการประชุม ถ้าเหมือนๆเดิมหรือไม่ดีเท่าเดิมแสดงว่าจัดการความรู้ล้มเหลว จึงต้องเตรียมทำการบ้านไปก่อน และที่จริงแล้ว ผู้เข้าประชุมทุกคนต้องทำการบ้านมาด้วย ตามบทบาทหน้าที่ของตนเองจากข้อสรุปของการประชุมในคราวที่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการทำงานกลุ่ม การจัดการความรู้นอกจากให้เกิดการปฏิบัติอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ยังต้องทำให้การปฏิบัติอิงกับฐานความรู้ที่มีประสิทธิผลสูงสุดด้วย เพื่อให้การทำงานของกลุ่มเกิดผลเลิศ) กิจกรรมการประชุมจะขับเคลื่อนเครือข่ายตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อบรรลุผลในเรื่องใด ระดับใดต้องทำการบ้านมาก่อนทั้งนั้นทั้งเนื้อหาและกระบวนการ ส่วนที่เป็นเนื้อหาอาจมองว่าเป็นบทบาทหลักของนักวิจัยก็ต้องเตรียมไป เพื่อช่วยตั้งประเด็นหรือโยนคำถามกับที่ประชุมอย่างที่อ.อ้อมทำนั่นแหละครับ ตอนประชุมจริงก็ฝึกบทบาทนี้ และบันทึกผลที่เกิดขึ้น ประเมินบทบาทของตนเอง ทำบ่อยๆก็ได้ทั้งเนื้อหาความรู้และทักษะของนักวิจัยในการเตรียมประเด็น จับประเด็น ตั้งคำถาม การบันทึกความรู้ที่ได้จากการประชุม รวมทั้งบันทึกบทเรียนจากการประชุม ทำบ่อยๆก็เก่งขึ้นเองแหละครับ
นอกจากเรียนรู้ ก่อน ระหว่างและหลังทำ จากพื้นที่เราเองแล้ว (เรียนรู้เพื่อไปสู่เป้าหมายอย่างลัดสั้นนะครับ ไม่ใช่เรียนรู้เรื่อยเปื่อย) ก็มีการเรียนรู้ระหว่างนักวิจัย 5 พื้นที่โดยการพบปะกันF2Fทุก3เดือนและการแลกเปลี่ยนผ่านBlog ถ้าทำกันอย่างขมักเขม้นก็จะช่วยซึ่งกันและกันยกระดับความสามารถและความรู้ให้งานของเราในพื้นที่บรรลุผลตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ บรรลุผลในเป้าหมายร่วมของชุดโครงการ เป็นความปลื้มใจของพวกเราทุกคน เป็นความปลื้มใจของสกว.และศตจ.(เจ้าของผ่านทุน)และความปลื้มใจของพี่น้องประชาชน(เจ้าของทุนตัวจริง)
อ.อ้อมเขียนเล่ากิจกรรมการจัดการความรู้ของลำปางอย่างต่อเนื่องจะช่วยตนเองและเพื่อนๆได้มากเลยครับ