วันที่ 20 มี.ค.50 คุณน้ำ, ธวัช และผมไป "จับภาพ" KM ของ กฟผ. แม่เมาะ โดยที่ช่วงวันที่ 19 - 20 มี.ค.50 กฟผ.แม่เมาะจัด KM Workshop แก่พนักงานด้านซ่อมบำรุง 51 คนที่ทำงาน 5 กลุ่มคือ (1) กลุ่มดูแลซ่อมบำรุง boiler (2) กลุ่มซ่อมบำรุง turbine (3) กลุ่มซ่อมบำรุงระบบไฟฟ้า (4) ระบบซ่อมบำรุงเครื่องมือ (5) ระบบซ่อมบำรุงระบบดักจับมลพิษ นับเป็น KM Workshop ครั้งที่ 3 ของแม่เมาะ
ที่เรียกว่าโรงไฟฟ้าแม่เมาะนั้น ที่จริงมี 10 โรงอยู่ในที่เดียวกัน ผมไปเดินมาแล้วจากหัวโรงงานที่ 1 ถึงท้ายโรงงานที่ 10 ยาว 900 เมตร
เจ้าหน้าที่สังกัดโรงใครโรงมัน ความรู้จากประสบการณ์ที่มีอยู่มากมายก็ไม่ไหลเวียนไปสู่โรงอื่น การเริ่มต้น KM โดยเอาความรู้ที่ตนสั่งสมไว้จากการทำงานออกมาแลกเปลี่ยนกันจึงให้ผลทรงพลังอย่างยิ่ง คงเป็นเพราะอั้นกันมานาน
ผมกระโดดไปชื่นชมวิธี "จัดการ" "ป่าความรู้" ของโรงไฟฟ้าแม่เมาะดีกว่า เพราะคุณน้ำและคุณธวัชคงจะเล่าความประทับใจเชิงรายละเอียดได้ดีกว่าผม
- จุดแข็งที่สุดของ KM การไฟฟ้าแม่เมาะคือทีมแกนนำ ที่นำโดยคุณชรินทร์และคุณพินิจที่ได้อดทนต่อสู้ฟันฝ่าทำความเข้าใจเครื่องมือ KM ที่เหมาะสมต่อบริบทของการไฟฟ้าแม่เมาะ จนเวลานี้ผมเชื่อว่าทีมแกนนำนี้เป็นทีมที่เข้าใจ KM ดีที่สุดทีมหนึ่งของประเทศไทย
- KM การไฟฟ้าแม่เมาะยังอยู่ในระยะเริ่มต้น ยังจะต้องฝึกทักษะในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และวัฒนธรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้อีกมาก แต่ก็จัดได้ว่าได้เดินมาถูกทางแล้ว
- แม้จะเพิ่งเริ่มต้น แต่ KM การไฟฟ้าแม่เมาะก็ได้ดำเนินการระบบนิเวศความรู้ครบทั้ง 4 องค์ประกอบหลัก คือ people, process, technology และ content รายละเอียดของการดำเนินการแต่ละองค์ประกอบผมขอเชิญชวนให้ทีม กฟผ.แม่เมาะเข้ามาเขียนบันทึกในบล็อกชี้แจงเอง
- องค์ประกอบ technology และ content ในรูปของเว็บ "ภูมิปัญญา การไฟฟ้าแม่เมาะ" (http://phumpanya.egat.co.th) ซึ่งอยู่ภายใน intranet ของบริษัท เป็นเทคโนโลยีเก็บ "คลังความรู้" ที่ไม่มีในตำราที่น่าชื่นชมมาก ใช้เทคโนโลยี ICT ในการเก็บความรู้ฝังลึกได้เก่ง
- องค์ประกอบ people และ process ที่จัดในรูป CFT (Cross Function Team) หรือ "คณะทำงานวิชาชีพ" ซึ่งก็คือ CoP แบบจัดตั้งเป็นการใช้ "ตัวช่วย" ตามบริบทแวดล้อมของการจัดรูปแบบองค์กรที่ผมชื่นชมมาก
- CEO คือ ผู้ช่วยผู้ว่าการโรงไฟฟ้า 2 มีประกาศนโยบายการจัดการความรู้เป็นลายลักษณ์อักษรและชัดเจน อ่านได้ที่นี่ (click)
- ทีมแกนนำจัดทำแนวทางปฏิบัติตามนโยบายดังกล่าวเผยแพร่ทั่วองค์กร อ่านได้ที่นี่ (click)
- ผมชื่นชมที่ทีมแกนนำมีกลยุทธ์นำเอา IC (Intellectual Capital) ที่สำคัญที่สุดขององค์กร คือการที่พนักงานรักองค์กร มีความรู้สึกขอบคุณองค์กรว่าองค์กรมีบุญคุณต่อตนเองและครอบครัว เอาความรู้สึกนี้มาเป็น IC ต่อยอดความรู้สึก เอามาเป็นทุนในการสร้างกลุ่มสร้างทีมสร้างการ ลปรร. ด้วยคำขวัญ "ตอบแทนบุญคุณหน่วยงาน ด้วยประสบการณ์ที่ท่านมี"
ประเด็นที่ควรพัฒนาต่อเนื่องได้แก่
- การจัดกิจกรรมกระตุ้น CQI ที่ได้จากกระบวนการ Knowledge Sharing ใน CFT จนเกิดนวัตกรรมภายในหน่วยงาน รูปแบบหนึ่งของกิจกรรมนี้คือ "ตลาดนัดนวัตกรรม"
- การทำให้คลังภูมิปัญญาการไฟฟ้าแม่เมาะเป็นคลังที่มีคนเข้าไปใช้ในสถานการณ์จริงของการทำงาน เป็นพื้นที่ของการ ลปรร. อย่างสนุกสนาน เป็นคลัง "เพลินปัญญา" ไม่ใช่คลังภูมิปัญญาแบบเคร่งขรึมขาดชีวิตชีวา
ทีมแกนนำ KM โรงไฟฟ้าแม่เมาะ (๔ คนทางซ้ายมือ) ส่วน ๒ ท่านทางขวาเป็นทีมแกนนำของ กฟผ. ส่วนกลาง
หนึ่งปล่องที่เห็นอยู่ไกลๆ คือหนึ่งโรงไฟฟ้าย่อย
บรรยากาศในห้องของศูนย์ฝึกอบรม ช่วงที่ผมกล่าวกับผู้เข้าร่วม KM Workshop ก่อนปิดการประชุม
บรรยากาศการประชุมกลุ่ม CFT เพื่อฝึกเล่าเรื่อง ลปรร. และเก็บขุมความรู้ ทำกันอย่าง มืออาชีพ
คุณทองดี สุมงคลเจริญ คุณกิจของ C&I CFT ที่ผมชื่นชอบ กำลังวาดแผนผังประกอบเรื่องเล่า
คุณน้ำและคุณธวัช กำลังสัมภาษณ์ คุณอำนวย
วง AAR
วิจารณ์ พานิช
22 มี.ค.50
คุณธวัชได้เล่าเรื่องนี้อีกแนวหนึ่ง ที่นี่ http://gotoknow.org/blog/learn-together/85959 ได้ความเข้าใจ KM กฟผ. แม่เมาะลึกยิ่งขึ้นครับ
วิจารณ์