โจทย์ในการทำ AAR เป็นศิลปะ และเป็นจิตวิทยาเปลี่ยนวิธีคิดของคน
ในบันทึกนี้ขออธิบาย หรือตีความเฉพาะโจทย์ข้อแรก ซึ่งมีประเด็นลึกๆ เชิงจิตวิทยา เชิงความเชื่อ ๒ ข้อ โจทย์ข้อแรกของ AAR คือ "ที่ตนเองมาร่วมกิจกรรม หรือการประชุมครั้งนี้ ตนเองมีวัตถุประสงค์หรือเป้าหมายอะไรบ้าง"
ขีดเส้นใต้คำว่า "ตนเอง" ครับ และขีดเส้นใต้คำสุดท้าย "บ้าง" ครับ นั่นคือประเด็นที่ผมจะย้ำในบันทึกนี้
คนที่ทำ AAR ต้องพูดแทนตัวเอง พูดออกมาจากใจของตัวเอง จึงต้องมีความรู้สึกที่เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง ไม่ใช่พูดแทนหน่วยงาน/องค์กร ไม่ใช่พูดเพื่อเอาใจนายหรือหัวหน้า ไม่ใช่พูดให้ถูกตามตำราหรือทฤษฎี ไม่ใช่พูดเพื่ออวดว่าตนเองเป็นคนฉลาด การพูดแบบนั้นเป็นการพูดภายใต้พันธนาการ คำพูดที่พูดออกมาไม่ใช่ของจริง ไม่จริงใจ ไม่ใช่ความรู้ แต่เป็นมายา
ดังนั้นเวลาผมเป็นวิทยากรในช่วงนี้ผมจะย้ำเสมอให้พูดจากใจของตัวเอง บอกความประสงค์ของตัวเอง ไม่ใช่ของหน่วยงาน ไม่ใช่ของหัวหน้า และให้พูดออกมาอย่างอิสระ อย่าไปกังวลว่าจะผิด จะไม่ตรงกับของผู้อื่น การได้มีโอกาสพูดจากใจ อย่างจริงใจ จะทำให้คนเราเกิดความสุข เกิดความมั่นใจตนเอง ยิ่งมีเพื่อนร่วมวง AAR ฟังอยู่อย่างชื่นชม ฟังอย่างตั้งใจ (deep listening) ก็จะยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกที่ดี
คำว่า "บ้าง" ในโจทย์ เป็นตัวบอกว่า วัตถุประสงค์ของแต่ละคนในการมาร่วมกิจกรรมมีหลายข้อ เป็นการคาดหวัง และเชื่อ ในความหลากหลายของชีวิตทุกๆ ด้าน รวมทั้งในการมาร่วมกิจกรรมครั้งนั้นด้วย และจะนำไปสู่คำถามข้อที่ ๒ และข้อที่ ๓ ให้เห็นว่าในชีวิตจริง ไม่ว่าทำอะไร เราจะได้ผลสำเร็จเกินคาด และผลสำเร็จที่ยังน้อยกว่าที่คาด อยู่ในขณะเดียวกันเสมอ
ย้ำว่า คำถามข้อที่ ๑ ต้องเป็นคำถามเชิงพหูพจน์ และถามผู้ตอบ ถามใจผู้ตอบ คาดหวังว่าผู้ตอบไม่ตอบแทนคนอื่น แต่ตอบออกมาจากใจตนเอง
คำถามเช่นนี้ เมื่อใช้ในชีวิตประจำวันซ้ำๆ จะก่อบุคลิกภาพของคน และก่อวัฒนธรรมองค์กร ที่เชื่อมั่นในตนเอง เชื่อมั่นพอที่จะบอกใจของตัวเอง และในขณะเดียวกัน รับฟังผู้อื่น เคารพความเห็นของผู้อื่นที่แตกต่างจากตน จะเกิดวัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความเป็นอิสระในความคิดของคน
..... ซึ่งเป็นวัฒนธรรมพื้นฐานสำหรับองค์กรเรียนรู้
วิจารณ์ พานิช
๕ กย. ๔๙
บางแสน ระหว่างนั่งร่วมการสัมมนาทางวิชาการ ของ ปอมท.
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะ กับเทคนิคการเปิดใจ ที่นำไปสู่การพัฒนาตนเอง