“การถอดบทเรียน” น่าจะเป็นอย่างไร


ในการถอดบทเรียนจะให้ดีต้อง.ใกล้ๆกับหนัง XXX
 

ผมได้เสนอความเห็นในบล็อกของครูนงว่า

 การถอดบทเรียนก็เหมือนการเปิดอกคุยกัน ไม่ใช้เอาอัตตามาแลกกันดู

การกล้าทำเช่นนี้ของครูนงนั้น ต้องนับได้ว่า ต้องมอบเหรียญ "กล้ากลางสมร" ให้เลยครับ

เพราะการจะสรุปบทเรียนนั้น จะต้องค่อยๆแกะออกมาทีละชั้น แบบค่อยๆถอดประเด็นที่พบในระดับต่างๆ ออกมาให้เห็นว่ามีข้อเด่น ข้อด้อย   แต่ ใครจะกล้าถอดบทเรียนจริงๆมั่งครับ

ที่ผมเจอมาเวลาสรุปงาน มีแต่คอยปิดบังข้อด้อย เอาแต่ปมเด่นมาคุยกันที่สรุปว่า

มีแต่ข้อดี ไม่ต้องแก้ไขอะไร

เรียกว่า แค่ถอดรองเท้า (สรุปประสบการณ์) ก็ยากแล้วครับ ไม่ต้องพูดถึงเปิดอก(เนื้อหาจากการตีความหมาย)หรอก

ที่เจอนะครับ

พอบอกให้ถอดรองเท้า ก็อย่างมากแคะขี้ดินติดรองเท้าออกนิดหน่อย ไม่ยอมถอดรองเท้า และถุงเทาอีก "สิบชั้น"

ในการถอดบทเรียนจะให้ดีต้อง.ใกล้ๆกับหนัง XXX

จึงจะได้ผลงาน มาทำแค่หนังอินเดียโบราณ ปิดปิด บังๆ ไม่มีทางได้ลูกได้ผลหรอกครับ

อย่างน้อยก็ถอดเสื้อนอก เสื้อคลุมสามชั้น (ตำแหน่ง ศักดิ์ศรี)คุยกัน

หรือจะให้ดีถอดเนคไท (หน้าที่ ความรับผิดชอบ) หรือถ้าจะถอดเสื้อกล้าม (อัตตา ความคิดเห็นส่วนตัว) ก็จะทำให้เราเข้าใจกันมาก และแก้ไขปัญหาได้ครับ

สวัสดีครับ 
หมายเลขบันทึก: 131362เขียนเมื่อ 25 กันยายน 2007 00:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 20:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

ดร.แสวงครับ

  • ตามมาอ่านครับ ถอดบทเรียนคืออะไร ชัดเจนในคำอธิบายของอาจารย์อยู่แล้วละครับ มันยากจริงๆที่จะถอดให้ได้เนื้อได้หนัง ได้บทเรียนดีๆมาใช้ในการเคลื่อนงานกันต่อไป
  • ผมและคณะทีมงานก็คงได้แต่ลูบๆคลำๆอย่างหนังอินเดียเสียมากว่านั่นแหละครับ ไม่มีฉันทะและกึ๋นมากว่าพอที่จำทำถึงขึ้นหนัง XXX ได้ ทั้งๆที่ใจอยากไม๊ อยากครับ ไม่อาจตั้งเป้าหมายการถอดอย่างนั้นได้จริงๆ มันติดวัฒนธรรมอะไรต่างๆมากมาย และอัตตาด้วย เปลือยใจกันไม่ได้หมดจริงๆ ขอยอมรับ
  • แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ถอด ถอดให้เห็นปรากฏการณ์บ้างก็ยังดี ให้รู้ว่าภายใต้หมวกใบนี้ คนสวมใส่มีผมมากผมน้อย ผมสีอะไร จะทำหล่อกับหัวตัวเองอย่างไรต่อไป ต้องเรียนรู้การถอดบทเรียนกันต่อไปเรื่อยๆครับ มันเป็นทักษะที่ต้องฝึกฝนกันมากทีเดียว ไม่ใช่เป็นกันได้ง่าย
  • ได้รับความรู้จากอาจารย์อย่างนี้ คงจะทำให้ผมและทีมงานได้ใคร่ครวญกันจงหนักทีเดียว อย่าใช้คำว่าถอดบทเรียนกันพร่ำเพรื่อ
  • ขอบคุณครับท่านอาจารย์

อาจารย์คะ

เรดxxx เลยเหรอคะ....อิอิ

ชอบความเห็นของอาจารย์ค่ะ ว่าต้องวางอัตตาตัวเองลงก่อน ....

ต้องเอาความปรารถนาดีและความอยากพัฒนาเป็นตัวตั้งถึงจะถอดบทเรียนและแชร์ความรู้กันได้ดี.....เคยทำแบบทะลุกทะลุ่ยใน ข้อคิดเห็นบางประการจากงาน KM เชียงใหม่ พบว่าส่วนที่ยากคืออัตตาของตัวเองนั่นแหล่ะค่ะ  ..แต่พอทำแล้วกลับพบว่าได้เรียนรู้มากกว่าตอนแรกที่คิดซะอีก...แต่ในชีวิตราชการ ยังไม่เคยเจอลักษณะการแลกเปลี่ยนเลยค่ะ ...และยังไม่เคยเห็นการถอดบทเรียนแบบเรด xxx ค่ะ...

Pครับ

เรท XXX ยังน้อยไปนะครับ

ถ้าผมทำ ผมจะมาในมาดใหม่ เจริญปุระ เลยครับ

แบบว่า

"เอาหัวใจออกมา เอาออกมาพิสูจน์ เพราะแค่เพียงคำพูดไม่พอ"

แบบที่ครูบาว่า

ประเมินแบบรู้ร้อนรู้หนาวกับสิ่งที่เกิดขึ้น นะครับ

ขอบคุณครับที่มาเยี่ยม

สวัสดีครับ ดร.แสวง ที่เคารพ

  • ผมชอบบันทึกนี้มากครับ อาจารย์เปรียบเทียบได้ดีจริงๆ
  • บางครั้ง คนถอดบทเรียน ก็เอาสัญญาเก่าๆจากประสบการณ์เดิมๆมาปะปน เลยทำให้คนฟังไขว้เขว แล้วลากลู่ถูกังออกนอกประเด็น เข้ารกเข้าพงตามอัตตาของคนถอดบทเรียนก็มีครับ---ถ้าไปเจอกับผู้เรียนที่ชอบแต่บันทึกลงสมอง โดยไม่ค่อยคิด ...ก็จบเห่
  • ---
  • รักษาสุขภาพด้วยนะครับอาจารย์

 

ขอบคุณครับ

ผมชอบชัดๆครับ

ผมชอบอยู่กับความเข้าใจ ไม่งั้นก็โยนความไม่เข้าใจทิ้งไปเลยครับ

นี่คือนิสัยส่วนตัวครับ แก้ยากจริงๆครับ

อาจารย์คะ ขอบคุณที่แวะไปเยี่ยมในบันทึกข้อคิดเห็นบางประการจากงาน KM เชียงใหม่ค่ะ

เลยได้ความคิดที่อยากรู้ต่อ...เขียนไว้อย่างนี้

  • เคยมีไหมคะอาจารย์ที่ xxx อยู่คนเดียวที่เหลือเป็นผู้ชม....(จะแย่ไหมเนี่ย)
  • จะ xxx ต้องปิดห้องคุยกันด้วยไหน...และทุกคนที่เกี่ยวต้องมาร่วม xxx อล่างฉ่างด้วยถึงจะดีหรือเปล่า...
  • คิดต่ออีกหน่อยว่า บนพื้นที่แบบนี้ โอกาสถึง xxx มันจะทำพอได้มั่งไหมคะ
  • ชอบที่อาจารย์บอกว่าต้องรู้ร้อนรู้หนาวนั้นค่ะ....เวลาคุยกันเอาความรู้ที่ได้กับสิ่งที่ทำมาคุยกันต่อมันต้องรู้สึกไปกับสิ่งที่ทำนั่นแหล่ะ ไม่งั้นมันก็แก้ปัญหากันปัญหาของคราวต่อไปไม่ได้สักที

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท