ผมเคยคุยกับเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หลายคนที่ทำงานแล้ว พบว่าหลักการทำงานของผมแปลกกว่าของคนอื่นอยู่มาก เลยอยากมาเล่าให้ฟังครับว่า ใครมีแนวทางการทำงานเหมือนหรือต่างกับผมอย่างไรครับ ช่วยกันแสดงความคิดเห็นนะครับ จะได้แลกเปลี่ยนหลักการ วิธีการทำงานให้ดีขึ้นครับ
หลักการทำงานของผม มีดังนี้ครับ
-
หลักของความมั่ว
มั่วครับ มั่วลูกเดียว ทำไรไม่เป็นมั่วลูกเดียว อาจารย์ที่สอนผมเขียนโปรแกรมเคยบอกไว้ว่า เขียนโปรแกรมแบบคนฉลาด หรือเขียนแบบ "ถึก" ถ้าได้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกัน เขียนแบบฉลาดดีกว่า แต่ถ้าไม่ได้จริงๆแบบ "ถึก" ก็ยังดีกว่าเขียนไม่ได้ครับ
ผมไม่เคยปฏิเสธงานครับ(ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ)ไม่ว่างานนั้นผมจะทำได้หรือทำไม่ได้ก็ตาม ไม่จำเป็นต้องเคยทำ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในเรื่องนั้นๆ มั่วเอาครับ มองกระบวนการของงานชิ้นนั้นให้ออก ว่าต้องทำกระบวนการอะไรบ้าง ก่อน หลัง ต้องทำอย่างไรจึงจะสำเร็จ เวลาผมได้รับมอบหมายงายอะไร ผมไม่เคยปฏิเสธครับ ผมจะใช้เวลาซัก 5 นาที ว่างานนั้นทำอย่างไร ถ้าเราทำไม่ได้แล้วใครทำได้ ขอคำปรึกษาใครได้ หาแหล่งเรียนรู้อ้างอิงจากที่ไหน แล้วรับปากไปเลยครับ ว่า "ผมทำได้ครับ"
-
หลักของการเรียนรู้พร้อมกับงาน
เนื่องจาก อย่างที่ผมบอกแล้วครับว่าผมน่ะ ส่วนใหญ่ผมน่ะมั่วล้วนๆ แต่พอรับปากรับงานมาแล้ว ทีนี้ต้องหาวิธีครับ ต้องเรียนรู้ครับ ถ้าไม่อยากเสียคำพูด ต้องทำงานนั้นให้ได้ ดังนั้น ต้องเรียนรู้ไปควบคู่กับการทำงานครับ กว่า 80% ของงานที่ผมทำ ผมไม่รู้หรอกครับ และไม่เคยทำด้วย ดังนั้นจึงต้องเรียนรู้ไปกับงานครับ ให้งานเป็นตัวกดดันให้เราเรียนรู้ให้ได้มากที่สุด เพื่อทำงานให้เสร็จ (แต่วิธีนี้มีความเสี่ยงครับ ว่าถ้าเราทำไม่ได้ขึ้นมาจะเสียครับ ถ้าไม่ชัวร์ว่าจะเรียนรู้ได้ ตามระยะเวลาที่ได้รับมอบหมายให้ทำงาน พร้อมทำงานไปด้วย อย่ารับครับ)
-
หลักของความพยายาม
บางครั้งงานบางอย่างผมต้องใช้ความพยายามมากครับ เช่น ผมต้องการเขียนโปรแกรมนิดหน่อยแต่ผมทำไม่ได้ ผมใช้เวลาศึกษาถึงเช้าครับว่าต้องเขียนให้ได้ ถ้าคนเขียนเป็นใช้เวลาแค่ 10 นาทีครับ ดังนั้นผมจึงอาจใช้เวลาทำงานนานหน่อยแต่ก็แค่ครั้งแรกครับ เพราะต่อๆไป คือผมทำเป็นแล้วครับ ผมจะไม่เอ่ยปากถามใครในเนื้องานนะครับ ผมจะถามแค่ Concept ใช้ความคิดเห็นคนอื่นมารวมกันให้งานสมบูรณ์ขึ้นครับ แต่ตัวเนื้องานจริงๆถึงผมทำไม่เป็นผมก็ชอบที่จะศึกษาเองครับ
-
ทำงานให้เป็นทุกอย่าง ไม่ใช่รู้อยู่อย่างเดียว
ต้องเรียนรู้งานของคนอื่นด้วยครับ ไม่ใช่ทำงานของเราอยู่อย่างเดียว ผมมองว่าคนเราควรรู้อะไรกว้างๆหลายๆเรื่องครับ ผมเอาแนวคิดนี้มาจากหนังสือ "พ่อรวยสอนลูก" ครับ เพราะเราจะไม่มีวันก้าวหน้าไปกว่าที่เราเป็นหากเรารู้แค่งานที่เราทำเรื่องเดียวครับ เช่น โปรแกรเมอร์คนหนึ่งรู้การเขียนโคดเก่งมาก ได้เงินเดือนสูงมาก แต่ก็ได้แค่นั้นครับ เพราะเจ้าของบริษัทที่จ้างโปรแกรมเมอร์คนนั้นย่อมมีรายได้สูงกว่าโปรแกรมเมอร์คนนั้นมากครับ เพราะเขารู้หลักการตลาด การบริหาร เรื่องโปรแกรม เรื่องการติดต่อ การประชาสัมพันธ์ เรื่องภาษี เรื่องบัญชี กฏหมาย เป็นต้น ผู้บริหารอาจไม่รู้ลึกแต่รู้ทุกเรื่องครับ
ในข้อนี้อาจมีคนบอกว่าก็ไม่ได้เป็นผู้บริหารนี่นา แต่การที่เราเรียนรู้งานด้านอื่นไว้เป็นสิ่งที่ดีมากตามประสบการณ์ของผมเลยครับ ผมรับงานพิเศษเกือบทุกอย่างครับเท่าที่ทำได้ เช่น เขียนโปรแกรม ออกแบบโฆษณา สอนภาษาอังกฤษเด็ก สอนร้องเพลง เล่นดนตรีตามงาน ประกอบคอมขาย วิเคราะห์ข้อมูลงานวิจัย เป็นต้น มันเป็นการขยายงานของตัวเราเองครับ
-
อย่ามองว่าเราไม่มีทางเก่งเท่าเขา และชอบทำงานกับคนเก่งๆ
ผมมักบอกกับตัวเองเสมอเวลาเห็นคนเก่งๆครับ ว่า ซักวันผมต้องเก่งให้ได้อย่างนั้นหรือมากกว่านั้น มันเป็นแรงพลักดันให้เราเรียนรู้ครับ ในการทำงานอาศัยทั้งการเรียนรู้ ความพยายาม ความคิดสร้างสรรค์ และโอกาส ผมมองว่าเราก็มีโอกาสเก่งเท่ากับคนทื่เราประทับใจได้ครับ แต่ต้องอาศัยความพยายาม ถึงสมองคนเราไม่เท่ากันแต่ ความพยายามก็พอทดแทนกันได้ครับ ผมคิดอย่างนี้ครับ
และผมชอบทำงานกับคนเก่งๆครับ เราจะได้แนวความคิดที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานและการพัฒนาตนเองครับและ ใช้หลักครูพักลักจำ ฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้นให้ได้มากกว่านี้ครับ
-
อิสระของสมองในงาน
เวลาผมทำงานซักชิ้นนึงผมชอบที่จะใส่ความคิดของผมลงไปในงานครับ ใส่จิตนาการสร้างสรรค์ลงไปในชิ้นงานครับ ผมว่ามันทำให้งานชิ้นนั้นมันถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของผมลงไปด้วย แต่บางครั้งก็มีข้อจำกัดเรื่องความต้องการของคนมอบหมายงานให้ทำครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ผมชอบงานที่ให้อิสระทางความคิด คิดเองสร้างสรรค์เองครับ สนุกกว่าเยอะเลย
หลักการทำงานคร่าวๆของผมก็ประมาณนี้ครับ ใครมีความเห็นอย่างไรช่วย Comment ได้ครับผมจะได้ไปปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นครับ และหลักการทำงานของคุณเป็นอย่างไรกันบ้างครับ ขอบคุณครับ