เปราะบาง เปลี่ยนแปลง


เปราะบาง เปลี่ยนแปลง

อ่าน เขียน แปล Episode II: The Child Strikes Back

เปราะบาง เปลี่ยนแปลง ในเวลามหัศจรรย์ที่ผ่านไป 9 เดือน ไม่ถึงหนึ่งปี ในงานอ่านเขียนแปล EPISODE II นั้น ช่างเกิดอะไรต่อมิอะไรมากมายเสียเหลือเกิน
 
เมื่อ 9 เดือนที่แล้ว ฉันมาที่นี่ ที่อิงดอยนี้ ที่แป้นแกร็ด ที่เชียงราย เพราะใจปราถนาจะมาเจอ อ.วิศิษฐ์ หลังจากที่ณัฐฬสและพี่วิธานได้ไปหยอดเมล็ดพันธุ์อะไรก็ไม่รู้ เกิดการก่อกวน ยวนยี เย้าแหย่ จนภาวนาว่าเราคงจะต้องมาขวัญเมือง เชียงรายสักครั้งหนึ่ง ฉับพลันทันทีนั้นก็ปรากฏว่า มี email จาก อ.วิศิษฐ์ บอกว่าเราจะมี workshop “อ่าน เขียน แปล กระบวนทัศน์ใหม่” ขึ้น เราก็มา
 
ปรากฏว่า การมาครั้งนั้น เกิดอะไรต่อมิอะไร เกิดการตั้งต้น ที่ ณ ปัจจุบันก็ยังไม่สิ้นสุด
การพบปะกัลยาณมิตรใหม่
การเกิดชุมชนใหม่
การเกิดเพื่อน บทสนทนา การมีส่วนร่วม การเห็นร่วม ความรู้สึกร่วม ของคนมากมายจากหลายๆ walk of life ที่มีส่วนเหมือน ส่วนต่าง และเราได้มีอภิสิทธิ์ในการรับรู้ รู้เห็น ขอหยิบยืมมานั่งคิด นอนคิด ปรับเปลี่ยนพฤติกรมตัวตนของเราเองมาโดยตลอดเก้าเดือน
 
เก้าเดือนแห่งการเปลี่ยนแปลง เก้าเดือนแห่งความมหัศจรรย์ เก้าเดือนแห่งความธรรมดา ความเป็นธรรมชาติของการเปลี่ยนแปลง ความเป็นธรรมชาติของความสัมพันธ์ ของความเป็นธรรมดา
 
ความเป็นธรรมดา ไม่เลอเลิศ ซึ่งครั้งหนึงเคยเป็นของพื้นๆ ของธรรมดา ใครๆก็ไม่อยากได้ ไม่สนใจ ความธรรมดาที่ไม่มียศฐาบรรดาศักดิ์ แต่ความธรรมดานี้เอง ณ ขณะนี้ที่ฉันกำลังชื่นชมยินดี กำลังปิติ เหมือนอย่างที่ครั้งหนึ่งฉันเคยพูดไว้ในงาน อ่น เขียน แปล กระบวนทัศน์ใหม่ version 1 เมื่อเก้าเดือนที่แล้ว ณ ขณะนี้ฉันกำลังรู้สึกว่าเป็น “ความธรรมดาที่ประภัสสรอย่างยิ่ง”

ความธรรมดาที่ประภัสสร
 
ประภัสสรเพราะฉันเองรู้สึกว่าฉันเสมือนมีรัศมี เรืองรอง ไม่ใช่รัศมีจากตัวฉันเอง แต่เป็นรัศมีแห่งการมีซึ่งสังฆะ มีกัลยาณมิตร จะมีอะไรอีกใหม่ที่จะตกแต่งชีวิตของคนๆหนึ่งได้เท่ากับการมีสังฆะอันอุดม สังฆะอันเมตตา สังฆะอันกรุณา สังฆะอันปราณี อาจจะมี แต่ฉันไม่ทราบ ณ ขณะนี้ประภัสสรนี้ช่างเลอเลิศ ช่างงดงาม ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่ตรัสรู้ เป็นเพียงแค่ภาพนิมิต แต่ก็ช่างเถอะ ได้ขนาดนี้ฉันเกิดความกังวลว่าฉันคงจะได้ใช้บุญบารมีมาทั้งหมดแล้วกระมัง จึงได้บังเกิดความงดงาม ได้รับรู้ความงาม ความเปราะบาง ความเปลี่ยนแปลง ของตนเอง และของกัลยาณมิตร ได้ถึงขนาดนี้
ความเปราะบาง
 
ฉันเห็นความเปราะบางของสรรพสิ่งรอบๆตัวเรา ปริญญาดุษฎีบัณฑิตอันสูงส่ง แขวนไว้บนข้างฝา คนนับหน้าถือตา ดูซิ เธอใช้เวลาตั้ง 7 ปีครึ่ง ตั้งเศษหนึ่งส่วนสี่ของชีวิต ทำเพื่อให้ได้มา ชื่นชม ภูมิใจ อย่างเงียบๆ เพราะเราไม่ได้ใช่อะไรที่เราไปเรียน (ในหลักสูตร ในเนื้องาน) ของปริญญาที่ว่านี้เลยในการทำงาน หรือดำรงชีวิต แต่เธอเก็บมาเพียงความชื่นชม และอดีต มากมายกับการได้มา ที่เธอได้ ไม่ใช่ใบปริญญากระมัง แต่เธอได้ ความทรงจำ ความทรงจำอันประภัสสร
 
ที่เธอมี คือความทรงจำที่จะไม่เลือนหายไป เอ... หรือฉันกลัวจะเลือนหายไป ฉันจึงจำเป็นต้องรีบบันทึก รีบจดจำไว้ในรูปแบบตัวอักษรอิเลคโทรนิก เพื่อให้ความทรงจำนี้เป็นอมตะ (จนกว่า hard drive จะ crash หรือตัวฉันลืมเลือนไปว่าจะเปิด computer อย่างไร) กระนั้น ฉันก็ยังพากเพียร เล่าเรื่องราว ถ่ายทอดประสบการณ์ ความประทับใจ ให้น้อง ให้เพื่อน ให้ลูก ขอเพียงคนเหล่านี้ช่วยประคับประคองควาทรงจำ ความประทับใจของฉัน ต่อๆไป เสมือนหนึ่งฉันจะเป็นอมตะกระนั้น
 
นี่แหนะเธอ ฉันกำลังรู้สึก จนกระทั่งต้องหยุดพิมพ์ชั่วขณะ ขอใส่สี ใส่ความรู้สึก เพราะว่าตัวอักษรนี้ดูไปมันไม่ประภัสสรเพียงพอ ที่จะสื่อ ว่าฉันรู้สึกอย่างไร ใช่ว่าฉันจะสามารถทำให้ใกล้คัยง แต่ก็ขอแสดงความพยายามเพื่อทำให้เปลี่ยนแปลง มากกว่า “ธรรมดา” ขอเป็นความธรรมดาที่ “ไม่ธรรมดา” สาสมกับความรู้สึกอันบรรเจิดเพริดแพร้ว เปี่ยมจินตนาการ เปี่ยมไปด้วยความสุข ความมั่นใจ ความตื่นเต้น ในความไม่รู้ ตื่นเต้นในความไม่หวาดกลัว ตื่นเต้นในการเผชิญหน้ากับอะไรหนอที่นำชีวิต (หรือชีวิตนำ?....) ไปสู่ในอนาคตอันใกล้ อนาคตอันได้มีการตระเตรียมไว้แล้ว เป็นเวลากว่าสี่สิบปี เพื่อที่จะเป็นละครชีวิตอีกฉากหนึ่ง  ความยาวอีก 2 วัน เพื่อที่จะจบองค์ อ่าน เขียน แปล Episode II, The Child Strikes Back

The Child Strikes Back
 
Episode นี้ มีตัวเอกเป็นเด็กน้อย ที่แฝงเร้น แอบซ่อน ที่ได้มาปลดปล่อย อิสระ อิสระที่มนุษยชาติต่อสู้ ฆ่าแกง ฟาดฟัน เพื่อแสวงหา แต่แล้วก็ดิ้นรนหาพันธนาการมาใหม่ เพื่อที่จะได้ต่อสู้ใหม่ แต่เด็กน้อยเหล่านี้นั้น แท้ที่จริง อยู่ในตัวตนของเราเอง ทีเราสามารถจะให้ liberty แก่เขา เธอ เหล่านั้น เมื่อไรก็ได้ เราจะได้มองเห็นความสดชื่น รื่นเริง ความเป็นอิสระ เรียนรู้อย่างปราศจากความกลัว เรียนรู้อย่างธรรมชาติ อย่างธรรมดา ธรรมดาที่สุดเหมือนกับว่าเราเกิดมาเพื่อเรียน เกิดมาเพื่อความสนุกสนาน เกิดมาเพื่อเข้าใจทุกข์จะได้ไร้ทุกข์ เกิดมาเพื่อความสุขเพื่อจะได้ปล่อยวางไป เกิดมาเพื่อในที่สุด เราจะได้หลีกทางให้พื้นที่แก่คนใหม่ได้มาเกิดใหม่ ได้มามีประสบการณ์ ได้เรียนรู้ใหม่ แทนที่ตัวเราในที่สุด แท้ที่จริงแล้วเราก็ได้มาเพื่อตกแต่งแผนที่ชีวิตนี้ เพื่อเป็นวิถี ทางดำเนินต่อไปในอนาคต ของใครก็ไม่รู้อีกเป็นจำนวนมาก
 
เด็กน้อยที่น่าสงสารบางคนไม่เคยถูกปลดปล่อย กลับถูกข่มเหง ยำเยง ไม่มีชิ้นดี เด็กน้อยที่น่าสงสาร ที่ไม่มีพื้นที่ ช่างมีอยู่มากมายเหลือเกินในสังคม ถึงเวลาแล้วหรือไม่ ถึงเวลาแล้วกระมัง ที่เป็นช่วงเวลาแห่ง The Child Strike Back ถึงเวลาที่เราจะ liberate เด็กน้อย ไม่เพียงแต่ของตัวเราเอง แต่ปลดปล่อยให้พื้นที่แก่เด็กน้อยของผู้อื่น ถึงเวลาที่เราจะมองเด็กน้อยเหล่านี้อย่างที่เขาเป็น คือ บริสุทธิ์ แตกต่าง รุ่มรวยในความเป็นไปได้ เป็นพลังงานอันแสนจะบริสุทธิ์ ไม่หวาดกลัว ไม่ถูกครอบงำ เป็นไปได้ถึงที่สุด เป็นไปได้เกินขอบเขตแห่งความเป็นไปได้ เป็นไปได้เกินศักยภาพแห่งจินตนาการ นั่นคือ The Fearless Children of FREE
 
ความสวยงามแห่งเด็กนี้เองรึเปล่า? ที่เป็นเหตุผล และที่มาของทุกสิ่งทุกอย่างมาตั้งแต่แรกเริ่ม ตั้งแต่เมื่อไรหนอที่เราสรรหา ขอบเขต กฏเกณฑ์ มาจำกัดความน่าจะเป็นเหล่านี้ เมื่อไรหนอที่เราสรรหาความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของ นิยามแห่งความถูกต้อง มาเป็นกรอบ จำกัดความน่าจะเป็น พระผู้สร้าง ไม่ว่าจะมีหรือไม่มี จะเป็นใครก็ตาม คงกำลังส่ายหน้าด้วยความอิดหนาระอาใจ สงสารในความงมงาย ในความดักดานของมนุษย์ที่สำรอกใยไหมมาพันรัดตนเอง จนกระดิกกระเดี้ยไม่ออก เต็มไปด้วยคุณค่าที่เราเรียกว่าดี เต็มไปด้วยตราประทับที่เราเรียกว่าเลว เต็มไปด้วยเด็กน้อยที่ถูกกักขังอยู่ใต้ห้องใต้ถุน ร้องไห้กระจองอแง เขย่าลูกกรง ร้องขอ ร้องหา โหยหาพื้นที่ โหยหาอากาศหายใจ หลังจากถอนใจเฮือกใหญ่ พระผู้สร้างก็อาจจะไปมองหาพื้นที่ที่ยังมีเด็กน้อยแห่งอิสรภาพ ที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ได้เป็นกำลังใจว่าสักวันหนึ่ง เด็กน้อยทั้งหมดจะได้ liberation แห่งสิทธิเสรีภาพของเขา สมศักดิ์ศรีเด็กน้อยเสียที
 
ฉันเดินทางมาถึงบรรทัดนี้อย่างไม่รู้ตัวเลย อะไรหลั่งไหลมาเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ตระเตรียม เอ... ฉันจะต้องตัดออก 50% ตามที่ อ.วิศิษฐ์บอกรึเปล่านี้ ฮึ อย่าเชียวนา ฉันว่าฉันมี masterpiece ที่จะเก็บเอาไว้ จะห่วยอย่างไร แม้แต่ 50% แรก ตามที่ Hemmingway ว่าไว้ ฉันรู้สึกจริงๆว่าฉันรักบทความชิ้นนี้ นี่แหละเป็นฉัน เป็นองคาพยพของฉัน และจะเป็นตลอดไป
 

หมายเลขบันทึก: 151203เขียนเมื่อ 4 ธันวาคม 2007 02:27 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 21:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท