ใกล้วัน Earth Day แล้ว แถมได้อ่าน บันทึกเรื่องโลกร้อนของคุณ Conductor เลยคิดว่าน่าจะเขียนบันทึกเรื่องนี้
น่าจะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน แต่ตั้งชื่อบันทึกให้อยู่ในชุด ชีวิตนักศึกษาปริญญาเอก เพราะ เป็นบริบทแวนคูเวอร์ เป็นบริบทของนักศึกษาคนหนึ่ง ที่ไม่แน่ใจว่า เมื่อกลับไปเมืองไทยแล้วจะทำแบบที่ทำอยู่ได้ทั้งหมดหรือไม่
ก่อนที่จะงงไปมากกว่านี้ว่าผู้เขียนกำลังพูดถึงอะไร มาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ
มาดูกันว่าผู้เขียนพยายามทำอะไรบ้างที่ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (eco-friendly) ท่านผู้อ่านจะเห็นได้ว่า ที่ทำได้นั้นเพราะทางเมืองแวนคูเวอร์ และ ทางมหาวิทยาลัยมีโครงสร้างและนโยบายด้านนี้ที่เอื้ออำนวยมาก
1. ทำปุ๋ยจากเศษขยะที่ย่อยสลายได้ค่ะ พวกเปลือกผักผลไม้ ทิ้งแยกไปอีกถึงหนึ่ง พอครบอาทิตย์หรือสองอาทิตย์ก็ไป เทรวมที่ถังปุ๋ยที่ตั้งอยู่ที่ระเบียงนอกห้อง (ดังรูปซ้ายล่าง)
มีอยู่ 3 ถัง ค่ะ ภาพหนอนจาก cityfarmer.org
ไปเรียนวิธีทำมาจาก workshop ฟรีที่มหาวิทยาลัยค่ะ หนอนที่ใช้คือ หนอนแดงชื่อ red wiggler ทางเทศบาลเมืองก็รณรงค์เรื่องนี้กันมาก บ้านคนที่แวนคูเวอร์นี้มีถังแบบนี้ หรือ ใหญ่กว่านี้กันเป็นปกติค่ะ
2. แยกขยะค่ะ พวกขวดแก้ว พลาสติก หรือกระป๋องที่ผลิตในแคนาดาสามารถ เก็บไปเอาเงินคืนได้ (อ่านเพิ่มเติมได้ที่บันทึกเก่าค่ะ) ส่วนพวกขวดแก้วที่ไม่ใช่ของแคนาดา เช่น ขวดน้ำปลาบ้านเรา ก็นำไปทิ้งที่ถังแยกขยะประเภท "container" อีก 2 ถังคือ "paper products" ก็ทิ้งพวกกล่องกระดาษ กล่องยาสีฟัน กล่องสบู่ ส่วนถังสุดท้ายคือ "newsprint" ก็ทิ้งพวกนสพ. หรือ newsletter แจกฟรีที่เราหยิบมาอ่านบ่อยๆ
3. ใช้บริการขนส่งมวลชนให้มากที่สุด มัทนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนทุกวันและนั่งไป downtown ถ้าไม่ดึกค่ะ มีบัตรรถเมล์ของนักศึกษาที่จ่ายเป็นภาคการศึกษา ไม่แพงเลยแถมนำไปลดภาษีได้ด้วย
4. เดินไปซื้อกับข้าว เดินไปทำธุระถ้าไม่เกิน 3 กม. ค่ะ
5. ใช้รถเฉพาะเวลาไปซื้อของที่ต้องขนหนัก และใช้ขับไปต่างจังหวัด (ที่บ้านอยู่กัน 2 คนกับสามี มีรถ 1 คัน เป็นรถที่สามีใช้ตั้งแต่ตอนที่อยู่ที่โอเรกอน) เช็คยางและสภาพรถเสมอ (ลมยางที่เต็มพอดีประหยัดน้ำมันไป 3% เมื่อเทียบกับยางแบน)
6. ปิดไฟถ้าไม่ใช้ ไม่เสียบปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทิ้งไว้ เพราะถึงไม่เปิดเครื่องมันก็มีไฟเข้าอยู่ ใช้หลอดประหยัดไฟ
7. ซักผ้าด้วยน้ำเย็น ไม่ต้องใช้เครื่องทำน้ำร้อน
8. ใช้น้ำยาล้างจาน ผงซักฟอก น้ำยาล้างห้องน้ำ ที่ไม่มีสารตกค้าง ตอนนี้มีให้เลือกหลายยี่ห้อ
9. ปลูกต้นไม้ดอกไม้ตรงระเบียง
10. เข้าร่วมกิจกรรมที่ส่งเสริมและให้ความรู้ด้าน การดูแลสิ่งแวดล้อม เช่น เคยไปฟัง David Suzuki พูด และ วันเสาร์นี้จะไปงานวัน Earth Day ที่สวนสาธารณะ ไว้จะถ่ายรูปมาให้ดูค่ะ
11. ไปใกล้ชิดธรรมชาติ และชวนคนอื่นไปด้วย กิจกรรมออกกำลังกายที่นักเรียนไทยที่ UBC ทำร่วมกันเสมอคือการไปเดินป่า ปีนเขาค่ะ เมื่อเราไปเข้าไปยืนอยู่ท่ามกลางความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ เราจะรู้สึกได้ว่าตัวเราเล็กเหลือเกิน พลังชีวิตของธรรมชาติจะทำให้ความรักที่เรามีต่อธรรมชาติ เพิ่มมากขึ้นเองอย่างมหัศจรรย์ ทำให้รู้สึกได้ว่าเราทุกคนกับธรรมชาติเกี่ยวข้องกันโยงใยถึงกันมากแค่ไหน
พี่ลิ่วที่ Joffre Lake สะพานขอนไม้ที่ Lynn Valley
ความงามของไม้ต้นหนึ่งล้มแล้วยังเป็นที่เกาะ (nursey log) คอยเลี่ยงดูต้นไม้อีกต้น ถ่ายที่ tofino ค่ะ
------------------------------------------------------------------
12. ข้อสุดท้ายที่นึกได้ตอนนี้คือ บริโภคให้น้อยไว้ เป็นดีที่สุดค่ะ
ขอขอบคุณอาจารย์มัทนา...
อ.หมอวัลลภ อ.ขจิต คุณอัมพร และ บ่าววีร์
ขอบคุณมากๆค่ะ
อยากให้ทุกคนที่แวะเข้ามาอ่านพิจารณาดูว่า เราทำข้อไหนได้บ้าง หลายๆข้อไม่ยากเลยที่จะทำที่เมืองไทย ขำๆแบบคุณวีร์แต่ช่วยโลกได้จริง : )
เพื่อนร่วมออฟฟิศ 1 คน กับ professor ในภาคอีก 2 คน รวมทั้ง supervisor มัทเอง ขี่จักรยานมาทำงาน ไม่ใกล้เท่าไหรแต่เค้าก็ไม่ขับรถ น่านับถือมากๆค่ะ มัทยังไม่ขยันขนาดนั้น ได้แต่นั่งรถเมล์ไป
ส่วนเรื่อง วงจรชีวิตหนอนแดงนั้น โดยธรรมชาติมันอยู่ได้แค่ 1-2 ปี เพราะโดนนกหรือแมงใหญ่ๆกินซะมากค่ะ แต่ถ้าแยกออกมาเลี้ยง ก็อยู่ได้นานกว่านั้นอีกค่ะ ถ้าอากาศไม่หนาวมากไปหรือร้อนมากไป แล้วมันก็ออกลูกอยู่ในถังเราด้วยค่ะ
ถ้ามีถังปุ๋ยพวกนี้ เค้าจะมีระบบการทิ้งขยะลงไปในถังหลายวิธีค่ะ วิธีหนึ่งคือให้ทิ้งแค่ซีกขวา 3 เดือน พออีก 3 เดือนย้ายไปอีกซีก หนอนมันจะได้กินหมดจนกลายเป็นดินเป็นซีกๆไป
แล้วซีกไหนของถังที่ไม่มีซากขยะเหลือเราก็ตักแยกมาไว้อีกที่ แยกหนอนออกจากดิน (เรียกว่าการ harvest หนอน!) เอาดินไปใช้ เอาหนอนไปขายหรือไปประกาศแจกคนอื่นในเมืองค่ะ
แต่ในเมืองไทย มัทไม่ทราบว่ามีหนอนแบบไหนที่เอามาช่วยย่อยขยะได้
ทราบแต่มีน้ำผสมจุลินทรีย์ที่ใช้ราดถังปุ๋ยไปเลย แล้วมันก็จะย่อยสลายขยะอินทรีย์ได้ มีขายที่ ม. เกษตร เรื่องนี้ต้องรบกวงผู้รู้จริงมาช่วยต่อยอดหน่อยค่ะ
คุณมัทนาครับ ผมเห็นด้วยกับหลายๆ ข้อที่เขียนเล่าให้ฟังในบล็อกนี้ครับ แต่ละประเทศก็มีการรณรงค์ต่างกันไป ที่อเมริกา เมืองมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ก็สามารถขี่จักรยานได้ทั่ว ผมจากไม่เคยขี่ตอนนี้ขี่รอบเมืองเลย
ลองย้อนกลับไปเมืองไทย ผมคิดว่าอย่างน้อยเราก็ไปเที่ยวต่างจังหวัดแบบ eco-friendly ได้ แบบทิ้งไว้แต่รอยเท้าน่ะครับ
ปล. รูปที่ไปเที่ยวสวยมากเลยครับ
อ่านแล้วดีมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณ อ มัทนา
ชอบจังค่ะ บันทึกนี้ ชอบแนวคิด ชอบรูป สวย และชอบเพราะมีอะไรบางอย่างเหมือนกัน
แยกขยะที่บ้าน ขยะผัก ผลไม้ เศษอาหาร ได้วันละ 1-2 กาละมัง เอาไปเทรวมกันในตอนเย็น ใส่กระป๋องสีเก่า ที่มี น้ำ EM เก่าขังอยู่ พอครบ 1-2 อาทิตย์ เต็มกะป๋อง ก็เทกองรวมกันในคอกหมักปุ๋ยหลังบ้าน ขอ ลุงผ่องคนสวน เอาใบไม้ หญ้า มาทับ บานหน้าต่างเก่าทับไว้ บนสุด
สัก 1-2 เดือน ก็ ทำกองใหม่ข้างๆกัน เอากองเก่ามาทำปุ๋ย ถ้าเมื่อไหร่มีกลิ่นเหม็นก็ ใส่เทน้ำตาลจากครัวลงไปด้วย
สัก 2-3 เดือนก่อน ลูกสาวเขาไปเล่าการจัดการ ขยะในบ้านหน้าห้องให้ครู และเพื่อนฟัง ได้รับคำถามจากเพื่อนมากมาย เธอมาเล่าว่า เพื่อนๆ ฟังทึ่งกันใหญ่ มาถามหนูว่าทำได้จริงๆเหรอ และบอกว่าจะเอาไปทำบ้าง
อาทิตย์ก่อน พี่สาวที่มาจากเชียงใหม่ถามว่า ผลไม้ ดอกไม้ในบ้านใส่ปุ๋ย อะไร ทำไม ดูสมบูรณ์จัง
ตรวจผู้ป่วย อาชีพ จัดการขยะ ของเทศบาล ที่เป็นโรคปวดหลัง เพราะยกขยะ จัดการขยะที่มีมากมาย ทุกวัน สงสาร คิดในใจว่าถ้าเราลดขยะที่จะทิ้ง ก็จะลดงาน ภาระของการดูแลขยะในชุมชนเราได้
ทำอะไร ก็มี ผลกระทบ
เด็ด ดอกไม้ กระเทือนดวงดาว จริงๆด้วย
ขอบคุณทุกท่านเลยนะคะ
คุณแว้บ: ใช่เลยค่ะ เที่ยวแบบทิ้งไว้แต่รอยเท้า เมื่อไหร่ การเที่ยวน้ำตกเมืองไทย จะ ไม่มีบรรยากาศ ไก่ย่าง และ ถุงพลาสติกมาเกี่ยวซักทีก็ไม่รู้!
คุณเม้งค่ะ: ตรงใจเลยค่ะ : ) มัทชอบถ่ายรูป nursery log พวกนี้เก็บไว้มากค่ะ รู้สึกทึ่งและติดใจในความหมายลึกๆของมันมาก
คุณราเมศ: ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ
ถูกใจมากค่ะ Aj Kae
ใช่เลยค่ะ
หรือโหลดมาเป็น pdf แล้วอ่านคร่าวๆให้แน่ใจก่อนว่าอยากพิมพ์แน่ๆ เพราะ paper ที่หามาได้ ไปๆมาๆก็ไม่เกี่ยวเท่าไหร่
ขอบคุณมากค่ะ
สวัสดีครับ
ขอบคุณมากค่ะหมอพัทที่ช่วยบอกต่อ
--------------------------------------------------
วันนี้นึกได้อีกข้อค่ะ อย่าสตาร์ทรถทิ้งไว้ค่ะ ทั้งมลพิษทั้งเปลืองน้ำมัน
ถ้าสตาร์ทรถทิ้งไว้เกิน 10 วินาที ใช้น้ำมันมากกว่าดับเครื่องแล้วสตาร์ทใหม่ค่ะ