วัดความมีเมตตา


เติมพลังความเมตตาด้วย อภัย...

  เราได้ยินคำว่าเมตตาบ่อยมาก แล้วทราบหรือไม่ว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่ เราจะสร้างเมตตาได้อย่างเรา เราจะให้ความเมตตาอย่างไร แล้วจะวัดได้อย่างไรว่าเรามีเมตตาจริงหรือไม่

  เมตตาจะหมายถึงปรารถนาให้เขามีความสุข เมื่อเขาสุขเราก็ยินดี ถ้าเราจะให้อะไรกับใครเราต้องมีสิ่งนั้นก่อน ไม่เว้นแม้แต่ความเมตตา เราไม่มีจะให้ใครไม่ได้เช่นกัน ก่อนอื่นต้องสร้างสมความเมตตาก่อนทำง่ายๆคือ อภัย อภัย และ อภัย ทำบ่อยๆ พลังดวามเมตตาจะเกิดอย่างต่อเนื่องทุกครั้งที่มีการให้อภัย  จากนั้นเราก็ต้องวัดดูว่าเรามีความเมตตาพอเพียงหรือยัง ถ้ามีก็จะเกิด เมตตาบารมี วัดได้ง่ายๆดังนี้

  1. โทสะน้อยลง
  2. ใบหน้าสดใส
  3. สัตว์ไม่กลัว เข้าใกล้  คนอยากเข้าใกล้ ดึงดูดผู้คน
  4. ใจเย็น เป็นคนอารมณ์ดี
  5. เป็นสุขทั้งหลับ และตื่น
  6. มีผู้คุ้มครอง ไม่อันตรายจากสิ่งชั่วร้าย

 ถ้าพบสิ่งเหล่านี้ก็แสดงว่าเราเป็นคนมีความเมตตาพร้อมที่จะให้ความเมตตากับ สิ่งรอบข้างได้ ไม่ว่า คน สัตว์ สิ่งของ ล้วนรอความเมตตาจากเราทั้งสิ้นครับ....แต่อย่ามัวรอตรวจสอบ..ขอให้นึกถึงอภัยไว้ก่อนครับ...

คำสำคัญ (Tags): #test#เมตตา
หมายเลขบันทึก: 81604เขียนเมื่อ 2 มีนาคม 2007 14:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 17:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
ขอบคุณค่ะสำหรับบันทึกเกี่ยวกับเมตตานี้  จะพยายามให้อภัยและมีเมตตาให้มากขึ้นค่ะ

สวัสดีค่ะ

   เป็นสาระที่ดี ที่พยายามทำอยู่ค่ะ  ได้บ้างไม่ได้บ้างตามเหตุตามปัจจัยแต่ก็จะพยายามไปเรื่อยๆ

เป็นข้อคิดที่ดีครับ ยินดีที่ได้พบเจอกัลยาชน เช่น ท่าน 

สำหรับแง่คิด เกี่ยวกับคำว่าเมตตานั้น ผมมีความคิดเห็นว่า

1.หลักสัทธรรมมีอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคน การเมตตาที่แท้จริงได้นั้นต้องรู้จักตนเองก่อน(สัมมาสติ) เมตตาตนเองให้ได้ก่อน การเมตตาตนเองนั้นหมายถึงการที่ร้องขอตนเองให้มา ปฎิบัติในสัมมาวิถีให้ได้ก่อน จึงจะสามารถเข้าใจเมตตาที่ก่อเกิดจากในภายในตนได้แล้วค่อยสำแดงออกความเมตตา ออกสู่ภายนอกโดยใจจริง(กัลยาณจิต) จึงจะเรียกเมตตาอย่างแท้จริง การไม่ให้อภัยตนในความผิดแต่ให้อภัยผู้อื่นนั้น ก็อาจเรียกว่าเมตตาได้ แต่ไม่เสมอไป เมตตาต้องประกอบด้วยปัญญาและสัมมาสติ จึงจะเรียกเมตตา  (ขอแสดงความคิดเห็นด้วยนะครับผิดพลาดประการใดช่วยชี้แนะด้วยครับ)

  ขอบคุณสำหรับทุกคนครับ จริงแล้วผิดก็ไม่มี ถูกก็ไม่มี ความคิดเห็นใดๆจึงเหมาะกับ กลุ่มคน เวลา สถานที่ใด เท่านั้นเองครับ เราจะพบบ่อยๆว่า สิ่งหนึ่งใช้กับสิ่งหนึ่งดี แต่ใช้กับอีกสิ่งหนึ่งกลับไม่ดีเป็นต้น ส่วนการมีปัญญาและสัมมาสตินั้นดีมากๆครับ เพราะขณะที่มีสภาวะนั้นอยู่ จิตจะเป็นกุศลจิตเท่านั้น จะมีแต่เรื่องดีงามเกิดขึ้นครับ ....

ข อ บ คุ น สำ ห รั บ ข้ อ คิ ด ที่ ดี อ ย า ก ด้ า ย เ พื่ อ น อ อ น ม า น่ ะ ค่ ะ

[email protected]

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท