อบรมศีล 5 วัดป่าหนองไคร้ (4) เติมพลังใจให้ญาติผู้ป่วยจิตเวชด้วย ศีล 5


ผมพึ่งทราบว่า ถ้าจะดูแลลูกต้องไม่ด่า ต้องไม่ตี ต้องดูแลเขาด้วยความรัก

แล้วพี่ปุ๋มก็มาสรุปตอนท้าย ทวนสอบว่า จับประเด็นได้แค่ไหน

แบบตั้งคำถาม มีพ่อท่านหนึ่งตอบ แต่ติ๋วไม่ค่อยได้ยิน ซึ่งดูเหมือนหลาย ๆท่านก็ไม่ได้ยินเช่นกัน แม่ดรเลยแซวขึ้นมาว่า

“คือถือไมค์อยู่ คือเว้าคอยแท้ คนมีเมียแล้วผัดคือเสียงคอย บัดข่อยบ่มีฮอดผัว คือ เสียงดังอยู่”

(ถือไมค์อยู่ทำไมเสียงเบาจัง คนมีเมียแล้วเสียงเบาเหนาะ ฉํนไม่มีผัว เสียงยังดังอยู่)

บรรยากาศเป็นกันเองมาก ๆ กับการอบรม ที่ผู้ฟังยินดีมีส่วนร่วม พอมีเสียงแซวหลายท่านก็ยิ้ม หัวเราะ บรรยากาศผ่อนคลาย

 

เพราะหลายคนไม่ได้ยินพี่ปุ๋มจึงสรุปให้ฟังว่า

“พ่อบอกว่าถ้าพวกเราสามารถปฏิบัติได้ศีลทั้งห้าข้อ ใจเราก็จะอยู่เย็นเป็นสุข ไม่โกรธให้ใครไม่ต้องใครที่ไหนไกล พวกเรานี่แหละ ลูกชายลูกสาว บางทีบอกไปซ้ายก็ไปขวา บอกไปขวา ก็ไปซ้าย ถ้าโกรธก็ผิดศีลข้อแรก คนที่จะผิดศีลข้อแรกได้ก็จะเริ่มจากความโกรธนี่แหละ ถ้าจะดูแลลูกต้องไม่ด่าไม่ตี”

 

แล้วพี่กะปุ๋มก็ยกตัวอย่างคนไข้รายหนึ่ง

ที่พ่อของคนไข้รายนี้ศีลข้อแรกแกไม่ได้ แกตีลูก โมโหหงุดหงิด เวลาลูกทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะตี ลำพังแค่อาการเจ็บป่วยของเขาสมองก็เสียไปส่วนหนึ่งแล้ว ยิ่งมาถูกทำร้ายซ้ำ แต่สุดท้ายพ่อก็พบว่า การตีลูกไม่ใช่ทางออก ไม่ใช่ทางที่จะทำให้ลูกของเขาดีขึ้นเลย

 

พี่กะปุ๋มเล่าต่อว่า

“แกมาพูดว่า ผมพึ่งทราบว่า ถ้าจะดูแลลูกต้องไม่ด่า ต้องไม่ตี ต้องดูแลเขาด้วยความรัก แต่แรกลูกแกป่วยก็เหมือนลูกของจรูญนี่แหละค่ะ เหนาะพ่อ แต่ว่าพ่อของคนไข้รายนั้นขี้โมโห ก็ทุกข์ในใจของแกนี่แหละค่ะ มาระบายที่ลูก”

 

ฟังเรื่องราวแล้วรับรู้ว่า ญาติๆ ของคนไข้ต้องเผชิญทุกข์มาไม่น้อยทีเดียว ลำพังแค่ทุกข์ในตนเองก็มากมายอยู่แล้ว นี่ยังต้องมีรับภาระทั้งทางอารมณ์และร่างกายของคนไข้อีก แต่มองอีกมุมก็ทำให้เห็นความงามของการทำหน้าที่ดูแลคนไข้ เพราะท่านเหล่านี้มีจิตใจที่มีความเมตตา เสียสละเป็นทุน ไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัว ถ้าพูดแบบภาษาชาวบ้าน ๆ ก็ว่า

“ใครจะมาดูแลคนบ้าได้ ใครจะทนอยู่กับคนบ้าได้ แม้จะเป็นญาติก็เถอะ”

แต่หลายท่านที่มานั่งรวมกัน ณ ที่นี่ “ทำ”

ซึ่งเป็นความงามที่หาได้ยากนักกับชีวิตหนึ่งที่จะเห็นผู้เสียสละมานั่งรวมกันเช่นนี้ ยอมรับกับตนเองว่า เห็นหลาย ๆ ท่านรู้สึกล้า ๆ กลัวๆ แววตาหมอง ๆ ตอนเข้ามาใหม่ ๆ

แต่พอการอบรม ๆค่อย ๆ ดำเนินไปสัมผัสได้ถึงความมีชีวิตชีวา รู้สึกดีจังเลยค่ะ

 

“อย่างน้อย ๆ เวทีนี้ก็เป็นเวทีแห่งการเติมกำลังใจ เติมกำลังของใจ ให้พร้อมเผชิญทุกข์ ด้วยหัวใจแห่งความดีงาม ไม่หลบ ไม่เลี่ยง ไม่หนี อยู่กับทุกข์ ด้วยความดีงามของใจ เชื่อว่าผู้อบรมได้พลังใจไปไม่น้อยจากรอยยิ้มและแววตาและการลุกขึ้นมามีส่วนร่วม”
 
 

รวมลิงค์ อบรมศีล 5 วันที่ 13 สิงหาคม 2554

อบรมศีล 5 วัดป่าหนองไคร้ (1) เมื่อต้องเป็น Note taker จำเป็น

อบรมศีล 5 วัดป่าหนองไคร้ (2) ลุ้นแทบขาดใจ แต่สุดท้ายล้นหลาม

อบรมศีล 5 วัดป่าหนองไคร้ (3) ศีล 5 ต้องนำมาปฏิบัติให้เกิดความเคยชิน

อบรมศีล 5 วัดป่าหนองไคร้ (4) เติมพลังใจให้ญาติผู้ป่วยจิตเวชด้วย ศีล 5

อบรมศีล 5 วัดป่าหนองไคร้ (5) ศีล 5 ข้อรักษากันไว้ได้กี่ข้อ

อบรมศีล 5 วัดป่าหนองไคร้ (ุ6) ซึมเศร้ากับ ศีล 5 เกี่ยวกันยังไง

อบรมศีล 5 วัดป่าหนองไคร้ (ุ7) ฟังธรรมจากหลวงปู่ประสาร สุมมโน

อบรมศีล 5 วัดป่าหนองไคร้ (ุ8) ชวนคิด ศีล 5 พาให้ร่มเย็นและเป็นสุขอย่างไร

อบรมศีล 5 วัดป่าหนองไคร้ (ุ9) อิ่มใจ อิ่มธรรมและอิ่มท้อง  ตอนจบ

หมายเลขบันทึก: 454035เขียนเมื่อ 15 สิงหาคม 2011 17:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 20:17 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

โลกทั้งโลก... ดูสดใสงดงาม

แสงตะวัน... กำลังขึ้นอยู่ข้างตัวของทุกคน...

ผมเห็นอย่างนั้น...

มีความรู้สึกดี ๆ ที่จะได้อ่านบันทึก ทั้ง 4 ตอน ครับ

พี่มีความคิดนะคะว่า...สักวัน ทิมดาบ และครอบครัวจะมาพักผ่อนสบายๆ...ที่นี่ค่ะ

และคาดว่าคงอีกไม่นาน 555

Large_zen_pics_007 

ว้าว ดีจังเลยค่ะ พี่กะปุ๋ม

ขออนุโมทนาสาธุ กับท่านพี่ ทิมดาบและครอบครัวล่วงหน้าค่ะ (^_^)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท