เมื่อคืนคนเขียนไปท่องเวียดนามมาค่ะ โอ๊ะ ตกอก - ตกใจ กันล่ะสิ โห ๆ ๆ คนกลัวเครื่องบินในระดับโอเว่อร์อย่างคนเขียนไป - กลับ ประเทศเวียดนามในระยะเวลาไม่กี่เพลาได้อย่างไรกัน ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบพระคุณคุณบางทราย ที่กรุณาเอื้อเฟื้อส่งหนังสือ " เที่ยวไม่ง้อทัวร์ ตีตั๋วตะลุยเวียดนาม " มาให้คนเขียนค่ะ ขอกราบขอบพระคุณมา ณ ที่แห่งนี้ด้วยนะคะ (( พนมมือแต้ต่อหน้าจอคอมพิวเตอร์ ))
ขอย้อนกลับไปเมื่อตอนก่อนเลิกงานของเมื่อวานนะคะ เมื่อพี่บุรุษไปรษณีย์หน้ามนขี่มอเตอร์ไซค์แล่นลิ่วเข้ามาจอดเอี๊ยดดด!! หน้าประตูออฟฟิศ คนเขียนก็ลุกออกไปเซ็นต์รับของอย่างรู้คิว ซองนี้เดินทางมาไกลจากจังหวัดทางแถบอีสานเชียวนะ เปิดซองแล้วก็เจอกับหนังสือเล่มที่ว่านี้ คนเขียนก็ยิ้มออกมาได้ในรอบหลายวันที่ผ่านมาที่ประสบแต่เรื่องแย่ ๆ กับมิตรภาพของคนในโลกไซเบอร์ พอกลับถึงบ้านในเวลาพลบค่ำก็ถือหนังสือเล่มนี้ออกไปนอนที่เปลญวนหน้ากระต๊อบ เสียบสาย small talk เข้ากับมือถือเพื่อเปิดเพลง only time ของศิลปินคนโปรด Enya ไปด้วย เปิดอ่านแต่ละหน้าด้วยความตั้งใจราวกับตัวเองเป็นหนุ่มผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เสียเอง แบกเป้ตะลุยเมืองเวียดนามโดยไม่ง้อทัวร์ใด ๆ โอ้!! ช่างกล้า
ใครจะเชื่อว่าคนเขียนตะลุยเมืองเวียดนาม 7 วัน ในเวลาแค่ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ตั้งแต่เตรียมตัวก่อนเดินทาง เริ่มต้นที่หมอชิตไปสู่จังหวัดมุกดาหาร ผ่านประเทศลาว ไปเมืองดองฮาของเวียดนาม มุ่งสู่เมืองเว้ ไปฮอยอันเมืองมรดกโลก แล้วย้อนกลับ ระหว่างทางได้เจอะเจอเรื่องราวมากมาย ไม่ว่าจะโดนหลอกหรือตกรถเพราะมัวแต่เอ้อระเหยชมข้างทาง คิดดูสิว่าถ้าในสถานการณ์จริงที่เราตกรถในเมืองที่เราไม่คุ้นเคย เมืองที่ต่างจากเราทั้งวัฒนธรรม ภาษาพูด ประวัติศาสตร์ ตลอดถึงการปกครอง แล้วเราจะจะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้อย่างไร ก็กระเป๋าเดินทางเราติดไปกับรถคันโน้นเสียแล้วนี่ สิ่งเหล่านี้เป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าในช่วงวันเวลาหนึ่ง ๆ ในชีวิตของคนเรา โอ้!! คนเขียนอินไปกับตัวหนังสือได้จริง ๆ
เมื่ออ่านหนังสือตะลุยเมืองเวียดนามจบลง คนเขียนก็อดที่จะคิดไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้ว่า..มิตรภาพดี ๆ นี่มีอยู่จริงนะ คนเขียนมีพี่ ๆ ที่รักหลายคนที่เริ่มต้นรู้จักกันผ่านโลกแห่งตัวอักษรในโลกไซเบอร์ เพียงแต่บางทีเราก็ควรจะให้มันตั้งอยู่บนพื้นฐานความระมัดระวังไปด้วย เคยมีสักครั้งไหมคะ ที่คุณประทับใจ?
คนเขียนได้รู้จักพี่ภัทร พี่สาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งนับเป็นคนแรก ๆ ที่ได้คุยกันผ่านตัวหนังสือ เพราะพี่ภัทรเป็นคนดี ก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนเขียนกล้าที่จะพูดคุยและทำความรู้จักกับคนแปลกหน้าในโลกไซเบอร์ ในวันเกิดของคนเขียนปีหนึ่ง พี่ภัทรมาเชียงใหม่แต่คนเขียนไม่สามารถเข้าไปพบได้ เธอฝากหนังสือ " เจ้าหงิญ " ของ บินหลา สันกาลาคีรี ให้คนเขียน จะว่าไป..เราก็พบกันบ่อยนะคะ เกือบ 5 ปีมานี้ ได้พบกันตั้ง 3 ครั้งแน่ะ แฮ่ะ ๆ ๆ
พี่ฟ้า.. พี่สาวคนสวยสุดไฮโซ ที่คนเขียนมักจะหมั่นไส้ในความสวยและสมองอันฉลาดปราดเปรื่องของเธอ เราบังเอิญได้รู้จักกันเพราะความน่ารักของคนเขียน แฮ่ะ ๆ ๆ เอาล่ะ ๆ ๆ ไม่ต้องทำท่าทางเหมือนแหว่ะกันเลยนะ แหม แหม๊ คนเขียนได้รู้จักพี่ฟ้าเพราะไปตอบกระทู้เธอ เธอเขียนบอกว่าเหงา เพิ่งย้ายกลับมาเชียงใหม่ ไม่ค่อยมีเพื่อน เอาล่ะ..ด้วยเวรกรรม คนเขียนก็ไปทักทายเธอด้วยความเห็นใจ บอกว่า..ไม่ต้องเหงาค่ะ งั้นเราเป็นเพื่อนกันนะคะ คนเขียนจะไปรู้ได้ไงว่าเธอเป็นคนเจียงใหม่แต๊ ๆ นะเจ้า ไปเรียนต่อเมืองนอกและทำงานที่กรุงเทพหลายปี พอย้ายกลับมาเชียงใหม่ก็เลยรู้สึกเหงาเป็นธรรมดา เราคุยกันผ่านเมล์นานหลายเดือน และเริ่มกล้าที่จะคุยกันต่อทางมือถือในวันหนึ่งที่คนเขียนถูกลากออกไปประจานกลางบอร์ด ณ ตอนนั้นคนเขียนรู้สึกแบบนั้นจริง ๆ เธอขอเบอร์มือถือและก็ปลอบใจ แต่ในขณะเดียวกันเธอก็ชื่นชมคนที่ออกมาตำหนิคนเขียนกลางบอร์ดว่า " ช่างกล้าแท้ " ที่ลากเอาน้องน้อยสุดรักของใคร ๆ มาชำแหล่ะกลางวง โอ้ แม่เจ้า.. เธอทำเอาคนเขียนอึ้ง หลังจากนั้นเราก็นัดเจอตัวเป็น ๆ ของกันและกัน เธอทำคนเขียนอึ้งอีกแล้วค่ะ คนอาไร้..สวยเป็นบ้า เธอเป็นพี่สาวที่คนเขียนรักใคร่ปนหมั่นไส้ที่สุด เราสองคนไม่ได้คุยกันอย่างคนอื่นค่ะ คุยกันแต่ละทีดุเดือดเลือดพล่าน หลายต่อหลายครั้งที่การคุยของเราสองคนทำเอาคนอื่น ๆ ตกใจ ค่ะ เราสาดใส่ตรรกะความคิดเข้าหากันและกันแทนกระสุน ทุกวันนี้..เธอบอกว่าคนเขียนดูเป็นผู้เป็นคนมากขึ้น ด้วยคนเขียนรู้จักแสดงออกทางอารมณ์มากกว่าเดิม ดูเข้าใจโลกและผู้คนมากขึ้น เธอเป็นคนเดียวที่กล้าบอกกับคนเขียนว่า " ต้อมเสแสร้งเป็นคนดี ทั้ง ๆ ที่ ความจริงแล้วบางทีต้อมไม่ได้อยากทำหรอก " ค่ะ..เธอรู้เท่าทันความคิดคนเขียนแทบจะทุกอย่าง หมั่นไส้ เชอะ
เธอเคยส่งหนังสือ " เจ้าชายน้อย " ของ อังตวน เดอ แซงเต็กซูเปรี เวอร์ชั่นไม่มีภาพประกอบให้คนเขียน ด้วยเหตุผลที่ว่า " ต้อมช่างจินตนาการ นี่นา เพราะงั้นภาพประกอบไม่จำเป็นหรอกค่ะ " และหนังสือ " ยืนอย่างเชื่อมั่น " เขียนโดย CARTOON คนเขียนประทับใจกับถ้อยประโยคที่เธอขีดเส้นใต้ไว้ แม้หลายอย่างเลียนแบบกันไม่ได้ เพราะทำแล้วอาจไม่ใช่ตัวคุณ และผลเสียก็จะตามมาจากการฝืน จะทำให้คุณเบื่อหน่ายต่อชีวิตยิ่งไปอีก แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันเป็นทุนเดิมไว้เป็นที่ให้เรายึดก็คือ ความคิดที่ดีต่อชีวิต คราวนี้ก็อยู่ที่ว่าใครจะมีความปรารถนาและมองหามาใส่ตัวเองแค่ไหน พี่เอาใจช่วยน้องต้อมเต็มหัวใจค่ะ " มาหาความจริงใจจาก net ... ตลกว่ะ " ต้อมบอกพี่ ตลกดีนะ หนังสือเล่มนี้มันทะลุออกมาจาก net มาอยู่ในมือต้อม ใครจะรู้....ว่าสิ่งที่เราทำในวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น ในอนาคต...ไม่มีใครรู้ ขอให้เจอแต่สิ่งที่ดี ๆ นะคะ หากไม่...ก็จงเรียนรู้จากมัน
คุณลูกสาวคนสวยของเจ้านาย .. ผู้ที่สนับสนุนให้คนเขียนขีด ๆ เขียน ๆ และเดินทางไปตามความฝันที่มี เรารู้จักกันด้วยความบังเอิญในเน็ต ฮึ่ม ๆ ๆ กันอยู่ แต่เธอมักจะบอกว่าเธอจำไม่ได้ โอ้!! เชื่อเธอเลย เธอเป็นคนที่น่ารัก จิตใจดี ไม่เย่อหยิ่ง เธอมักหาหนังสือมาให้คนเขียนอ่านเป็นภูเขาเลากา และถ้าเป็นวันคล้ายวันเกิดในแต่ละปี หรือในเทศกาลพิเศษใด ๆ เธอจะมีหนังสือน่ารัก ๆ มาเป็นของขวัญให้คนเขียนเสมอ อาทิเช่น 100 นิทาน 1,000,000 กำลังใจ ที่เขียนโดย นักเขียน นักคิดชั้นนำของโลก อย่าง ฮันท์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน อีสป ออสการ์ ไวลด์ และคนอื่น ๆ ถ้าคนเขียนบอกว่าช่วงนี้อยากลองเขียนอีโรติก เธอก็จะหาหนังสือของเพื่อนเธอมาให้ดู อย่าง " ปันนรี " แฮ่ะ ๆ ๆ หรือจะรวมเรื่องสั้นเยาวชนแพรวอย่าง " ธุลีเมือง " ที่เขียนโดยทยา กิจการุณ เพื่อนสนิทของเจ้ ที่มีผลงานทางตัวหนังสือออกมาอย่างสม่ำเสมอในนามปากกาต่าง ๆ อีกทั้งยังมีฝีมือการทำอาหารที่คนเขียนแอบปลื้มเป็นที่สุด ก็อร่อยนี่ ไม่งั้นจะเขียนตำราอาหารออกมาได้ตั้งหลายเล่มได้ไงล่ะเนอะ แฮ่ะ ๆ ๆ
คุณแพรวา .. พี่สาวที่น่ารักอีกคน เราได้รู้จักกันเพียงระยะเวลาอันน้อยนิด เธอเป็นพี่สาวที่แสนดีที่ตอนนี้คนเขียนเองก็ไม่ทราบว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ไหม? เธอส่งหนังสือต่าง ๆ มาให้คนเขียนมากมาย ทั้งนวนิยายเล่มหนาของคุณ ปิยะพร ศักดิ์เกษม อย่าง "ในวันวาร " โลกสวยงามขึ้นเมื่อเดินช้าลง / ถ้ามันเหนื่อยนักก็พาหัวใจกลับบ้าน โดย ปูปรุง หนังสือ ทุกข์เพียงใด ต้องไม่ยอมแพ้ ของ พระไพศาล วิสาโล มองโลกง่าย ๆ สบายดี ของ หนุ่มเมืองจันท์ มีชีวิตที่ดี มีบทเรียนดี ๆ ให้ชีวิต โดย Hal Urban และอื่น ๆ อีกมากมาย รวมไปถึง แผนที่ชีวิต ของ คุณฐิตินาถ ณ พัทลุง ด้วย และในวันที่คนเขียนรู้สึกย่ำแย่กับความรัก หนังสือ " ความรัก..พลังแห่งเมตตา " โดย ปิยโสภณ ช่วยทำให้คนเขียนเข้าใจในความรักมากขึ้น เธอพูดคุยกับคนเขียนผ่านทางเมล์ในระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะขยับปลายปากกาเขียนจดหมายที่เรียงร้อยด้วยตัวหนังสือสวยอย่างมีระเบียบ และแล้ววันหนึ่งคนเขียนก็ไม่สามารถติดต่อกับเธอได้ เธอมีสุขภาพร่างกายที่ไม่ดีนัก เธอเป็นโรคเกี่ยวกับกระดูก และนับว่าเป็นคนไข้จำนวนน้อยที่รู้ว่าตัวเองจะสามารถมีชีวิตอยู่ได้บนโลกใบนี้ได้อีกไม่นาน แต่เธอกลับไม่เคยโทษโชคชะตาของตัวเอง คนเขียนมีโอกาสได้เจอตัวจริงของเธอแค่ระยะเวลาไม่กี่นาทีในคราวที่เธอเดินทางมาเยือนเชียงใหม่ และคนเขียนก็จารึกเธอไว้ในความทรงจำที่ดีและงดงามเสมอ
พี่เซ็กซี่ .. คนเขียนเรียกเธอว่าพี่เซ็กซี่ ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 ปี ที่ผ่านมา เราได้ผ่านเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งสุข ทุกข์ เคยได้หัวเราะ ร้องไห้ แม้กระทั่งสาดใส่อารมณ์เข้าหากัน คนเขียนได้รับหนังสือ " คู่มือมนุษย์ " โดย พระพุทธทาส ปกด้านในมีตัวหนังสือคุ้นตา " สุขสันต์วันคล้ายวันเกิดค่ะ พี่ดีใจที่ได้รู้จักคนดี ๆ บนโลกใบนี้ อย่างต้อม ด้วยรัก .. พี่ซี "
และในวันหนึ่ง .. วันที่คนเขียนไม่เปิดรับใครสักคน พี่สาวคนหนึ่งได้มาบอกว่า " ต้อมอย่าให้ความรักที่จากไป ทำให้ต้อมต้องปิดตัวเอง ต้องทำร้ายตัวเองอย่างนี้เลยนะคะ บนโลกใบนี้..ไม่มีอะไรที่เราจะฝ่าฟันไปไม่ได้ ทุกเรื่องราว ทุกย่างก้าว เราเป็นคนกำหนดค่ะ นี่ก็ผ่านมาเนิ่นนานพอสมควรแล้ว พี่เพียงอยากจะบอกว่าเป็นห่วง คงไม่มีความหมายใด ๆ จากเมล์นี้ แต่พี่ก็หมายความตามนี้จริง ๆ .... " เพราะเมล์ของเธอ ทำให้คนเขียนได้คิดและมีสติ ทุกวันนี้เราพูดคุยกันผ่านเมล์เกือบทุกวัน วันละหลาย ๆ ครั้ง และคนเขียนก็มีความสุขกับการที่มีพี่สาวคนนี้ คนที่คนเขียนมักจะชมเย้าเธอเสมอว่า พี่คนสวย เชิ่ด หยิ่ง เมื่อมีโอกาสได้เจอกันในครั้งแรกเนื่องจากเธอต้องมารับคนเขียน ณ ที่พัก เพื่อไปเดินท่องงานมหกรรมหนังสือแห่งชาติ ที่ศูนย์สิริกิต์ ด้วยกัน ในงาน..เมื่อเดินไปถึงบูธหนังสือของสำนักพิมพ์หนึ่ง เธอหยิบหนังสือชื่อ " ความสุขที่หายไป ตามกลับคืนมาได้หรือยัง " ยื่นให้คนเขียนแล้วบอกว่า "หนังสือเล่มนี้เหมาะกับต้อมนะ พี่ว่า.. " เธอเป็นคนซื้อให้คนเขียนค่ะ และเมื่อเธอพาคนเขียนไปส่งที่คอนโดพี่เซ็กซี่ เธอยื่นหนังสือ 3 เล่ม ที่ผูกด้วยริบบิ้นผ้าสีน้ำเงินเข้มขลิบเงิน หนังสือพระพุทธศาสนาไทยในอนาคต โดย พระไพศาล วิสาโล หน้งสือกวีนิพนธ์เรื่อง ข้าวเม่ารางไฟ และ สร้อยสันติภาพ ที่เขียนโดย ศิวกานท์ ปทุมสูติ ให้คนเขียนค่ะ ก่อนจะขึ้นไปหาพี่เซ็กซี่ด้วยกัน คนเขียนเรียกเธอว่า " พี่คะ .. " เหมือนคำแรกที่คนเขียนจะขึ้นต้นในเมล์ทุกฉบับถึงเธอ เธอเป็นพี่คนเดียวในตอนนี้ที่คนเขียนเปิดรับมากที่สุด ในวันที่อารมณ์ดี..คนเขียนก็มักจะยั่วเย้า และอ้อน ๆ ๆ เธอได้ทั้งวัน แต่ในวันที่เหนื่อยท้อ..คนเขียนก็มักจะบอกกับเธอเสมอว่า " ต้อมอยากย้อนวันเวลากลับไปเป็นเด็กน้อยตัวอ้วนกลมวัย 3 ขวบ ที่จะเดินไปหาพี่ แล้วกอด ๆ พี่ ร้องไห้ นอนหนุนตักพี่ให้พี่เอามือลูบผมต้อมเบา ๆ ได้อย่างไม่ขัดตาและกระดากใจเหลือเกิน " แล้วไม่นาน " ความสุขของกะทิ " ก็เดินทางมาถึงมือคนเขียน
พี่'วดี .. หรือ ราชา'วดี นักเขียนนวนิยาย เจ้าของเวบปิงฟ้าวิลันดา ผู้ที่คนเขียนนิยมชมชอบในวิถีชีวิต ได้มอบหนังสือเล่มนี้พร้อมลายเซ็นต์ให้กับคนเขียน เธอให้มาเพื่อแลกกับหนังสือทำมือของคนเขียนด้วยเหตุผลที่ว่า " ไม่ต้องเสียเงินซื้อหนังสือของกันและกันไง มีกี่เล่มก็เอามาแลกกัน " .... อึ้งค่ะ และคนเขียนชอบอ่านรำพึงรำพันของพี่'วดี ยิ่งนัก บางตอนอ่านแล้วอมยิ้ม ด้วยตัวผู้เขียนรำพึงรำพันกับเรื่องรอบตัวได้ขำกิ้กไงล่ะค่ะ
หลาย ๆ มิตรภาพ..ได้เริ่มต้นที่ตรง " หัวใจ " ค่ะ คนเขียนรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ ขอขอบคุณใครหรืออะไรก็ตาม ที่ทำให้เราได้มารู้จักกันค่ะ ^_^