เป็นอีก Work Shop ที่ได้ผลสำเร็จอย่างดี วัตถุประสงค์และความเป็นมาของการจัดครั้งนี้ ติดตามได้จาก บันทึกของ ศ.นพ.วิจารณ์
อย่างที่ได้จั้วหัวไว้ว่าเป็น Work Shop ที่ประสบความสำเร็จอีกครั้ง และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แม้โจทย์ที่ได้รับคือ “เก่ง ดีและมีความสุขในตน” ทำเอาเหล่าวิทยากรค่อนข้างเกร็ง เพราะโจทย์เป็นนามธรรมค่อนข้างมาก กลัวจะไม่ประสบความสำเร็จ หากเราจะย้อนรอยกลับไปดูถึงผลของความสำเร็จนั้น ผมเองคิดว่าคงมาจากการหลายประการ เช่น
-
มีการให้การบ้านแก่ผู้เข้าร่วมประชุม ให้เขียนเรื่องเล่าที่แสดงให้เห็นถึง เก่ง ดีและมีความสุขในตนก่อนการประชุม ซึ่งมีการเตรียมพร้อมที่ดีมากเพราะทางผู้จัดสามารถรวบรวม เย็บเป็นเล่มส่งมาให้กับทีมวิทยากร ก่อนการประชุมจะเริ่ม พอถึงจังหวะของการเล่าเรื่อง เรื่องต่างๆ ก็พรั่งพรูออกมาจากผู้เข้าประชุมทันที มีทั้งเรื่องเก่าและเรื่องใหม่ที่อยากเล่าให้ผู้อื่นฟัง หลายเรื่องก็น่าประทับใจมาก
-
ผู้เข้าร่วมประชุมมีการฟังแบบ Deep Listening เป็นปกติของการทำ work Shop ที่ อ.วิจารณ์จะขอให้ผู้เข้าประชุมมีการฟังในลักษณะฟังแบบตั้งใจ ไม่ตัดสินไม่โต้แย้งระหว่างการฟัง คิดและใตร่ตรองอย่างลึกซึ้งระหว่างการฟัง ที่สำคัญคือ เปลี่ยนเสียงโทรศัพท์มือถือเป็นแบบสั่นและหากต้องการคุย ก็ขอเป็นนอกห้องประชุม เพื่อไม่ให้รบกวนท่านอื่น ปรากฏว่าผู้เข้าประชุมในครั้งนี้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ไม่มีเสียงโทรศัพท์ระหว่างทำกิจกรรม การลุก-เข้าออกจากห้องประชุมก็น้อยมาก สิ่งที่แปลกมากที่เดียวก็คือ เสียงหัวเราะที่ดัง เป็นระยะจากทุกๆกลุ่ม ทำให้ยิ่งเร้าพลังการประชุมได้มากยิ่งขึ้น และแสดงให้เห็นว่าผู้เข้าประชุมสนใจและตั้งใจฟังเรื่องเล่าของสมาชิกคนอื่นอย่างตั้งใจ
-
กิจกรรมเตรียมความพร้อมก่อนเข้าร่วมกิจกรรมหลัก ทำให้ผู้เข้าประชุมมีสมาธิได้เป็นอย่างดี ครั้งนี้ ครูใหม่ ได้มานำกิจกรรม ที่ทำให้ทุกคนมีสมาธิ และ ได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆได้มากขึ้น เป็นการละลายพฤติกรรมที่เยี่ยมมาก
กิจกรรมที่ ครูใหม่ ดำเนินการ คือ (1) การให้ทำท่าประกอบเสียงเพลง เพื่อเรียกสมาธิของผู้เข้าร่วมประชุม และให้รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของร่างกายตนเอง เป็นการเตรียมจิตใจและร่างกายให้พร้อมกับกิจกรรมต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้น (2) เกมหัวใจ เพื่อให้สมาชิกได้ทำความรู้จักกับเพื่อนๆ ถึงสิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ สิ่งที่อยากทำ สิ่งที่ควรทำแต่ยังไม่ได้ทำ ครูใหม่ใช้คำว่า “พาหัวใจเราไปรู้จักทำความเข้าใจผู้อื่น” กิจกรรมนี้ทำให้หลายคนที่ไม่ค่อยมีเวลาคุยกันในที่ทำงาน ได้คุยและทำความรู้จักกัน หรือ คนที่รู้จักกันอยู่แล้วก็จะได้รู้จักกันมากขึ้น กิจกรรมนี้เล่นเอาวิทยากร กังวลเกี่ยวกับเวลา เพราะผู้เข้าประชุม ทำกิจกรรม กันจนไม่ยอมพัก หลายคนทำความรู้จักกับเพื่อนๆ มากกว่าจำนวนที่วิทยากรกำหนดเสียอีก แต่สิ่งที่พวกเราสัมผัสได้คือ กิจกรรมนี้สามารถเปิดใจ ผู้เข้าประชุมได้ ซึ่งจะส่งผลดีมากต่อกิจกรมอื่นๆที่ตามมา
-
เป็นการจัดประชุมที่ผ่อนคลาย เนื่องจากเป็นการจัดนอกสถานที่ และทางผู้จัดก็ย้ำให้มีการแต่งตัวตามสบายแบบสุภาพ ทำให้บรรยาย ในการประชุมผ่อนคลาย ผู้เข้าประชุมไม่กังวลต่องานที่ค้างอยู่ที่โต๊ะ หรือ กลัวว่าใครจะมาตามตัว วิทยากรในการนำกระบวนการเอง ก็พยายามทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมมีส่วนร่วมตามความสมัครใจ ไม่บังคับ หากยังไม่พร้อมที่จะเล่าหรือไม่พร้อมที่จะแสดงความคิดเห็นก็ข้ามไปก่อน ค่อยกลับมาเมื่อพร้อม การแสดงความคิดเห็นก็ชี้แจงว่า ไม่มีผิดไม่มีถูก และให้ผู้ที่มีอาวุโสน้อย เริ่มก่อน เพื่อไม่ทำให้ผู้เข้าร่วมประชุมกลัวและไม่เครียด พร้อมทั้งกล้าที่จะแสดงความคิดเห็นอย่างอิสระ
-
ได้ผู้ทรงคุณวุฒิมาให้องค์ความรู้ถึงกรอบความคิดเกี่ยวกับ “เก่ง ดีและมีความสุขในตน” โดยในครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา มาบรรยายสรุปและย้ำถึงสิ่งที่ผู้เข้าประชุมได้พูดคุยกัน ทำให้ผู้เข้าประชุมแน่ใจว่าได้มาถูกทางแล้ว อีกท่านที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ ดร.เลขา ปิยะอัจฉริยะ ที่ปรึกษาสภาการศึกษา เนื่องจากเป็นผู้จุดประกายความคิด และเร้าพลังของผู้เข้าประชุมตลอดเวลา ทำให้ Work Shop ครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ
แต่สุดท้าย ผมว่าสิ่งที่สำคัญมากที่ทำให้ประสบความสำเร็จคือ การมีส่วนร่วมของผู้เข้าประชุมทุกท่านที่มีความตั้งใจสูง และให้ความร่วมมืออยางเต็มที่ในทุกกิจกรรมที่จัดขึ้นระหว่างการประชุม วิทยากรทุกท่านรู้สึกประทับใจและขอขอบคุณจริงๆ ครับ
ครูใหม่ กำลังนำกิจกรรม ท่าทางประกอบเสียงเพลง
ดร.อาจอง มาบรรยายสรุปให้กับผู้เข้าประชุมในช่วงหัวค่ำ