ทำให้ใหญ่มักล้ม ทำให้เล็กมักไปได้ไกล (2)


กรณีศึกษาเรื่องการลดน้ำหนัก: อย่าเก็บกด

กรณีศึกษาคือเมื่อวัยรุ่นอยากลดน้ำหนักตัว 

ลดไปทำไม ?

วัยรุ่นจำนวนหนึ่ง ลดเพราะมีมุมมองที่บิดเบี้ยวต่อคำว่า สวย หรือ หล่อ

คนเราอยากสวยอยากหล่อไม่แปลก

แต่อยากสวยอยากหล่อโดยเอาทฤษฎีประหลาดมาฝังไว้ในหัวตัวเองว่าหน้าไม่ซูบ แขนขาไม่ลีบเป็นตะเกียบ จะไม่สวย จะไม่หล่อ เป็นเรื่องที่น่ากลัว

ส่วนหนึ่งอาจเกิดจากการแห่ตามกระแส อิน-เทรนด์ของแฟชันบนแึคทวอลค์ที่ต้องเน้นผอม

เดี๋ยวนี้มีวัยรุ่นที่ใช้ยาระบายจนถึงขั้นที่ร่างกายเสียความสามารถในการขับถ่ายด้วยตัวเองอย่างสิ้นเชิง ต้องใช้ยาระบายในปริมาณสูงเพื่อให้ระบบขับถ่ายยังทำงานได้ กลายเป็นโรคระบาดของคนรุ่นใหม่ที่น่ากลัว เมื่อนึกถึงว่า วิวัฒนาการของระบบขับถ่ายนับล้านปีของมนุษย์ เปราะบางมากอย่างไม่น่าเชื่อ ต่อพฤติกรรมก้าวร้าวที่มนุษย์กระทำต่อร่างกายตนเอง

แนวโน้มเดี๋ยวนี้ก็เปลี่ยน ได้ยินข่าวว่าบางประเทศเดี๋ยวนี้ออกกฎหมายห้ามคนเดินแบบที่ผอมเกินไปขึ้นเดินแบบ เพื่อไม่ให้เกิดแฟชันที่อันตรายต่อสังคม

เมื่อถึงคราวต้องลด คำถามคือ จะลดยังไงดี ? 

เมื่อหลายปีก่อนผมเข้าฟังงานประชุมวิชาการที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการมาบรรยายให้ฟัง เพราะตัวเองมีโปสเตอร์งานวิจัยไปแสดงไว้ในงานนั้นด้วย ก็มีผู้เชี่ยวชาญชาวต่างประเทศเรื่องการลดน้ำหนักฉายสไลด์ให้ดูภาพรูปแบบการลดน้ำหนักที่เจอบ่อย ๆ

รูปแบบคือ ลดลงเร็ว และฟื้นกลับมาเร็ว พร้อมบวกดอกเบี้ย

เห็นกราฟเป็นรูปตัว V โดยหางส่วนหลัง มักสูงกว่าด้านหน้า

พูดง่าย ๆ คือยิ่งลด ก็ยิ่งอ้วน

ผมได้มีโอกาสสังเกตุพฤติกรรมวัยรุ่นในการลดน้ำหนัก ทำให้พอจะเข้าใจถึงที่มาที่ไปของปรากฎการณ์ประหลาดนี้

เวลาวัยรุ่นตั้งใจจะลดน้ำหนัก มาตรการหลักคือ อด อด อด เพื่อให้น้ำหนักลดฮวบแบบ 'ดิ่งพสุธา' เพราะเชื่อมั่นในปณิธานอันแรงกล้าว่า 'เราทำได้'

เมื่อพ้นช่วงอดอยาก น้ำหนักเริ่มเข้าที่ ได้ตามต้องการ ก็จะให้รางวัลตัวเอง'ซะหน่อย'

พันธกิจวิสัยทัยก็ได้บรรลุแล้วตาม KPI ก็สมควรได้รางวัลซะหน่อย จริงมั้ย ?

แต่รางวัลมันไม่ได้'ซะหน่อย'ไปกับเรา เผลอเดี๋ยวเดียว น้ำหนักกลับมาที่เดิม และมักได้แถมไปอีกหน่อย เพื่อชดเชยให้ 'สมอยาก'

ตอนเป็นวัยรุ่น ล้อเล่นกับน้ำหนักตัวแบบนี้ทุกเดือนก็ไม่มีปัญหาหรอกครับ จะสลับวัฎจักรน้ำขึ้น-น้ำลงแบบนี้กี่ครั้งก็ได้

แต่สิ่งที่จะเกิดก็คือ ในช่วงให้รางวัลตนเอง จะเกิดนิสัย 'กินตามใจปาก' ในระดับที่เหมือนกับเป็นโรคจิต คือ อีกนิดนะ นะ นะ น๊า งั่ม งั่ม งั่ม ซึ่งมักน่ากลัวกว่าการกินตามปรกติของคนปรกติทั่วไป ซึ่งในวัยรุ่น ความสามารถอด และโรคจิตการกินชดเชยหลังอดยาวนาน มักจะสมดุลกัน

แต่พออายุเริ่มมากขึ้น เพราะร่างกายเผาผลาญได้น้อยลงเมื่อแก่ตัวขึ้น  ตอนอด น้ำหนักตัวก็ไม่ลงมาก แต่ตอนอิ่ม น้ำหนักตัวกลับขึ้นกลับพรวดพราดเร็วกว่าในอดีต หากยังมีปมด้อยเรื่องกินไม่พอเหมือนตอนยังวัยรุ่น

มีอยู่ช่วงที่ผมรู้สึกว่าตัวเองกินดีอยู่ดีไปหน่อย เมื่อใช้รอบเอวเป็นตัว benchmark เพราะกางเกงหลายตัวใส่ไม่ได้ ก็เลยคิดว่า จะลองลดพุงซะหน่อย พุงถ้าอวบหลามมาก จะทำให้เรา sexy ไปหน่อยแร้วส์ เดี๋ยวเดินผ่านสาว ๆ จะโดนหมั่นใส้ หยิกพุงเอา 555

ผมใช้วิธีตั้งเป้าว่า จะลดลงให้ช้าที่สุด แต่จะต้องไม่กลับมาอีก

วิธีลดก็ง่าย คือร่นการกินจุบจิบตอนก่อนนอนขึ้นมาให้เร็วขึ้นเป็นช่วงหัวค่ำ และเวลากินข้าว ก็กินให้น้อยลงนิดนึงจากปรกติ โดยพยายามไม่เปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองเรื่องการกินแต่อย่างไร ตั้งเป้าว่า เดือนหรือสองเดือน ลดได้ครึ่งกิโลกรัมก็พอ

เป้าหมายคือ ลดช้าไม่ว่า แต่ลดแล้วต้องไม่กลับคืนมา

ผ่านไปหลายเดือน เอ๊ะ ไม่เลว ลดได้เป็นนิ้วเหมือนกัน 

เนื่องจากผมไม่เก็บกดเรื่องการอดอาหาร ก็เลยไม่ได้มีความรู้สึกโหยหาการกินชดเชย ไม่ต้องฝืนเก็บกด เมื่ออยากกินอะไร ก็กิน เพียงแต่แตะเบรคเบา ๆ ให้ถี่หน่อย ทำให้การกินวันนี้ก็แทบไม่ต่างจากการกินเมื่อวาน

ตอนนี้ กลับมาใส่กางเกงที่เคยติดพุงได้แล้ว และเล่นเอากางเกงใหม่ที่เพิ่งซื้อ กลายเป็นหลวมโพรกไป

ลดแบบนี้ลดได้จริงและยั่งยืนครับ

แต่มันอาจกลับมาหลังผ่านไปนานมากแล้วเผลอไม่ได้สำรวจพุงตัวเอง ซึ่งจะกลับมาแบบช้า ๆ จนแทบไม่รู้ตัว แต่จะไม่มาแบบพรวดพราด ซึ่งก็เหมือนเป็นวิกฤติครั้งใหม่ ๆ ที่แยกขาดจากวิกฤติเก่า

สังเกตุดูนะครับ ใครที่เก็บกดมีปมด้อยเรื่องอะไร เวลาสิ่งที่กดดันนั่นหายไป ได้โอกาสชดเชย จะเอาคืนมากผิดปรกติ

อย่างเช่น คนที่เคยเก็บกดว่าตัวเองจน พอมีตังค์หน่อย จะสร้างปมเขื่องว่าตัวเองรวย ให้คนอื่นอิจฉาแกมสมเพชเล่น

อดอาหารเพื่อลดความอ้วน ทำให้จิตใจมีปมด้อยเรื่องการกิน ก็จะมีปัญหาแบบเดียวกัน

หมายเลขบันทึก: 60688เขียนเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2006 17:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:24 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท