ผม “คนชายขอบ” ขอเก็บมาฝากจากที่ประชุมวิชาการ "สร้างสรรค์นวตกรรมสร้างเสริมสุขภาพชุมชนจังหวัดพัทลุง" ระหว่างวันที่ 26-27 กันยายน 2548 ณ โรงแรม บีพีแกรนด์ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา
ในส่วนของวันแรก คือวันที่ 26 กันยายน 2548 ผมต้องขึ้นเวทีเพื่อนำเสนอผลงานวิชาการด้วย แต่ด้วยการเลื่อนกำหนดการหลายครั้ง อีกทั้งต้องคอยประสานกับเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในการเตรียมนำเสนอด้วย ก็อาจจะทำให้สูญเสียสมาธิไปบ้าง (ประปรายนะครับ) และจะขอสรุปนำเสนอไว้ดังนี้
เริ่มต้นก็เป็นการลงทะเบียน ดูบรรยากาศแล้วเหลือเชื่อ มากมายเหลือเกิน อีกทั้งไมค่อยมีคำว่า “สาย” อย่างเช่นการจัดที่ ห้องประชุมของสำนักงานฯ เลย เมื่อสอบถามจากพี่ลี่ พี่ปุ้ม และทีมงาน คนสวย ๆ โดยเฉลี่ย และไม่แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 (ผู้จัดฯ เที่ยวเดินหน้าบานเท่ากระด้งอยู่ ...แซวนะครับ...) ก็พบว่าเกินกว่าที่ตั้งไว้ประมาณ 10 คน (เป้าหมาย 250 คน มาจริงประมาณ 260 คน ขณะนี้ยังได้ยอดจริงไม่ครบเนื่องจากต้องจัดให้ลงทะเบียนเพิ่ม และบางคนไปขอสังเกตการณ์ก็ยังไม่ได้ลงทะเบียนให้ถูกต้องในวันนี้) ตอนพิธีเปิดโดย นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง (นพ.ยอร์น จิระนคร) ก็ยังแซวเลยว่าไม่มาสายกันเลย แปลกใจมาก สงสัยต้องจัดที่หาดใหญ่บ่อย ๆ มีการมอบรางวัลผู้ที่ได้รับการคัดเลือกผลงานดีเด่น และรางวัลชมเชย จากนั้นก็เป็นมอบรางวัลแก่หน่วยงานที่มีผลการพัฒนาคุณภาพดีเด่น เสร็จแล้วก็เป็นการกล่าวเปิดประชุม ซึ่งท่านได้ให้ข้อคิดและเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของการจัดประชุมวิชาการครั้งนี้ขึ้น เช่นถ้อยคำที่ท่านกล่าวว่า
“การเป็นนักวิชาการ ไม่ใช่นักวิชาการโดยตำแหน่ง แต่ขอให้เป็นนักวิชาการโดย =หัวใจ= และขอให้เป็นโดย =การปฏิบัติ= ” คมไหมท่าน อีกตัวอย่างนะ
“ขอให้ใช้เวทีนี้ เป็น =เวทีแห่งการเรียนรู้= เป็น =เวทีที่ได้จุดประกายความเป็นวิชาการ=” อันนี้เข้าทางเลย คุ้น ๆ ว่าหมอคงได้ข้อสรุปจากเวทีไตรภาคีฯ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ที่ผ่านมา และนำมาใช้ด้วย หรือไม่ก็ตรงใจมาก ยิ่งเห็นเครือข่ายฯ เราเดินมาตรงทางเป็นที่สุด
คล้าย ๆ กับรายละเอียดที่เคยนำเสนอไว้แล้วที่ การ "สร้างสรรค์นวตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ” ของชาวสาธารณสุขจังหวัดพัทลุง เมื่อพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเริ่มขึ้น ท่านไม่ได้ลงจากเวทีหรอก ท่านแปลงตัวเป็นวิทยากรต่อทันที [สงสัยถ้า(ลุก)รุก กลัวเสียม้า ฮา...] ในประเด็น “ทิศทางงานสาธารณสุข จังหวัดพัทลุง ปีงบประมาณ 2549” ผมถูกให้นั่งแถวหน้าสุด ลำดับที่ 2 นับจากซ้ายมือท่านประธานบนเวที (เรียงตามผลงาน) ก่อนหน้าก็เป็นพี่ชุติมาฯ จาก รพ.เขาชัยสน และถัดจากผมไปเป็นพี่ จันธนาฯ จาก รพ.พัทลุง
เรามาดูกันว่าท่านนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพัทลุง จะทั้งขู่ ทั้งปลอบ และเสริมพลัง (Empowerment) ให้อย่างไรบ้าง เท่าที่ผมบันทึกได้นะครับ
แนวทางการดำเนินงาน ปี 2549
# ทำเหมือนปีที่แล้ว แต่ขอให้มากและดีขึ้นกว่าเดิม (ขอบคุณครับที่ไม่สั่งอะไรเพิ่ม แต่...หอบ)
# ปัญหาเอดส์ จังหวัดพัทลุงมีผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดในเขตฯ 12 (รู้นะ คงไม่ต้องสั่งอะไรเพิ่ม...หอบ)
# อัตราการใช้ถุงยางอนามัย ข้อมูลจากการสำรวจอยู่ที่ร้อยละ 94 ยังถือว่าต่ำมาก
# การใช้แนวคิดเวชปฏิบัติครอบครัว ยังไม่ค่อยเห็นความชัดเจน ซึ่งต้องชัดเจน อันนี้ผมจะไล่เบี้ยกับสาธารณสุขอำเภอ และผู้อำนวยการโรงพยาบาล (ฮา...ไม่ออก)
# ฉะนั้น ปี 49 นี้ขอเข้าเรื่อง (อ้าวที่ผ่านมายังไม่เข้าเรื่องทีนะ น้ำจิ้ม...)
$ ปัจจัยนำเข้า Input -- > @ นโยบาย -- > เมืองไทยแข็งแรง (Healthy Thailand)
-- > หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (UC)
@ ปัญหาพื้นที่ -- > ไข้เลือดออก
-- > เอดส์
-- > เบาหวาน
-- > ความดันโลหิตสูง
@ ปัญหายุทธศาสตร์ -- > การใช้ยาฆ่าแมลงในเกษตรกร
@ ปัญหาพิเศษ -- > เอดส์
-- > การฆ่าตัวตาย (สูงมาติดต่อกันหลายปีแล้ว)
-- > การสูบบุหรี่/การดื่มสุรา
-- > การออกกำลังกาย
$ กระบวนการ Process 3 ระดับ คือ
@ การป้องกันระดับปฐมภูมิ
@ การป้องกันระดับทุติยภูมิ
@ การป้องกันระดับตติยภูมิ
$ กลยุทธ์ Strategy @ ด้านบริการ -- > สร้างความเข้มแข็งบริการปฐมภูมิ
-- > สร้างความเข้มแข็งแก่การทำเวชปฏิบัติครอบครัว
-- > หมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ประจำครอบครัว
-- > บริการที่ดี (องค์รวม บูรณาการ คุณภาพ ตรวจสอบได้)
-- > ระบบข้อมูลและการใช้ประโยชน์
-- > สมุดสุขภาพประจำตัว
-- > มาตรฐานบริการ HA HPH PCU Standard
@ ด้านบริหาร -- > การจัดการระดับอำเภอ (คปสอ.)
-- > แผนฯระดับอำเภอ
-- > แผนชุมชน สำหรับพื้นที่ (เชื่อมต่อด้านสุขภาพ)
-- > ธรรมาภิบาล (ทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว)
-- > การรวมกลุ่มของ สอ. เพื่อจัดบริการ
@ ด้านวิชาการ -- > พัฒนาบุคลากร
-- > การนิเทศงาน (นิเทศงาน ไม่ใช่จับผิด)
-- > การประเมินผล
@ คำสำคัญ key words -- > สมุดสุขภาพประจำตัว
-- > เยี่ยมบ้าน
-- > ระบบข้อมูล
-- > มาตรฐาน PCU
-- > ธรรมาภิบาล
-- > แผนชุมชน
-- > บริหารแบบรวมกลุ่ม
ก่อนที่จะจบการบรรยายพิเศษ ท่านได้อัญเชิญพระบรมราโชวาท ความว่า
“ความมีใจจริงที่ขาดไม่ได้ในการทำงานมี 2 ประการ ประการที่ 1 คือ ความจริงใจต้อผู้ร่วมงาน ซึ่งมีลักษณะประกอบด้วย ความซื่อตรง เมตตา หวังดี พร้อมเสมอที่จะร่วมมือช่วยเหลือกันทุกขณะทั้งในฐานะผู้ที่มีจุดประสงค์ที่ดีร่วมกัน และในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์ร่วมชาติ ร่วมโลกกัน ประการที่ 2 ความจริงใจต่องานมีลักษณะเป็นการตั้งสัตย์อธิษฐาน หรือการตั้งใจจริงที่จะทำงานให้เต็มกำลัง”
22 มิถุนายน 2521
ช่วงบ่ายได้มีการอภิปรายกลุ่มภายใต้ประเด็น "บริการสุขภาพระดับปฐมภูมิและการดำเนินงานเวชปฏิบัติครอบครัว" ในการประชุมวิชาการ "สร้างสรรค์นวตกรรมสร้างเสริมสุขภาพชุมชนจังหวัดพัทลุง" วันที่ 26 กันยายน 2548 ณ โรงแรม บีพีแกรนด์ทาวเวอร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดย นพ.ธีรวัฒน์ กรศิลป์ สุภร ยุรพันธ์ และจิตรทิพย์ จันมณี จาก คปสอ.ระโนด ดำเนินการอภิปรายโดย สวาท กรศิริลักษณ์ สรุปได้ดังนี้
โครงการปฏิรูประบบบริการสาธารณสุข ---> ได้การสนับสนุนจาก EU ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้อนของโอกาสที่ได้ทำ หลังจากที่คิดแล้วทำไม่ได้เนื่องจากติด้วยระเบียบราชการ
Primary Care ---> เป็นสิ่งที่เป็นปัญหามากที่สุด ในขณะที่เป็นจุดแข็งมากที่สุดที่จะทำให้ระบบบริการสุขภาพทั้งระบบเข้มแข็งจริง
การปฏิรูปการเงินการคลัง จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการให้บริการได้
ฐานต้องแน่นในการจัดการเรื่องสุขภาพ ฐานสุขภาพคือ ฐานที่ระดับชุมชน ซึ่งจะต้องเกิดจากการมีส่วนร่วมที่ดีจริง ๆ
ศูนย์สุขภาพชุมชน คือ Community Health Center สถานีอนามัย คือ Health Center ฉะนั้นเหมือนกัน แต่เน้นใหม่ที่ให้ชุมชนมีส่วนร่วมด้วย ซึ่งสถานีอนามัยเองก็ต้องมีส่วนนี้เพิ่มเติมด้วย (แต่จริง ๆ มีอยู่นานแล้ว)
มิติของ Primary Care 3 ด้าน เพื่อสุขภาวะ คือ
1. กาย จิต สังคม และวิญญาณ (ปัญญา)
2. ส่งเสริม ป้องกัน รักษา และฟื้นฟู
3. บุคคล ครอบครัว ชุมชน และสังคม
EQESA เป้าประสงค์ในการทำ Health Care Reform (E = Equity, Q=Quality, E=Efficiency, SA=Social Accountability)
ระบบประกันสังคม จะเน้นที่การทำสัญญากับ CUS หรือ รพ.ใหญ่ ๆ ในขณะที่ ระบบหลังประกันสุขภาพ (UC) จะทำสัญญากับหน่วยคู่สัญญาหลัก CUP นี่คือความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ในเรื่องแนวคิดของการจัดการกับระบบสุขภาพ
ข้อคิดในการปฏิบัติงาน Primary Care
นัดชุมชนแล้ว อย่าให้ผิดนัดโดยเด็ดขาด
การทำอะไรให้ได้ตามมาตรฐานนั้น จะต้องเข้าใจก่อนว่าทำไมต้องทำ จะทำไปทำไม ทำแล้วเกิดประโยชน์อะไรบ้าง
การเรียนรู้ที่จะใช้เครื่องมือ (tool) ต่าง ๆ ที่มี เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่จะทำให้การดำเนินงานสำเร็จ
การดูแลแบบองค์รวม คือ ง่าย ๆ เหมือนดูแลญาติพี่น้องเราเอง มีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน
สำหรับการนำเสนอผลงานทางวิชาการดีเด่น ประเภทโครงการ และงานวิจัยนั้น จะได้นำเสนอไว้ และเชื่อมโยงให้ในภายหลัง (ขณะนี้อยู่ในระหว่างการติดต่อขอแฟ้มข้อมูลอยู่ครับ)
อนุชา หนูนุ่น บันทึกไว้เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2548
ไม่มีความเห็น