ขอนำคำแนะนำเรื่อง “กินอย่างไร ห่างไกลมะเร็ง” ของอาจารย์ ผศ.ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ แห่งสถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลมาเล่าสู่กันฟัง

ถ้าท่านทำได้อย่างที่อาจารย์แนะนำจะช่วยลดความเสี่ยงจากมะเร็งได้ประมาณหนึ่งในสามทีเดียว

1)           กินให้หลากหลาย                  

ควรกินอาหารให้ครบหมวดหมู่ และกินให้หลากหลาย เช่น กินข้าวกล้องกับน้ำพริกปลาทู ร่วมกับผักเคียงชนิดต่างๆ

วันหนึ่งควรกินอาหารชนิดต่างๆ อย่างละเล็กละน้อยรวมกันให้ได้ไม่น้อยกว่า 20 ชนิด

การกินอาหารให้หลากหลายช่วยให้ได้สารอาหารครบ
ถ้วน วิธีหนึ่งที่จะกินได้หลากหลายคือกินอาหารไทย

อาหารไทยเป็นอาหารที่มากไปด้วยลีลา(แห่งความหลากหลาย) เช่น แกงเลียงอย่างเดียวก็มีทั้งผัก เครื่องเทศ และสมุนไพรมากมาย ฯลฯ

2)        ไม่กินซ้ำซากจำเจ                                           

การกินอาหารซ้ำซากจำเจทำให้เสี่ยงต่อสารพิษที่ปนเปื้อนมากับอาหารซ้ำๆ มากเกิน

การได้รับสารพิษทีละน้อยนานๆ เข้าก็สะสมจนเป็นพิษภัยได้ แม้แต่ถั่ว งา ผัก ผลไม้ก็ควรกินหลายอย่างสลับกันไปในแต่ละวัน

ถ้าเลือกได้...ควรกินอาหารจากหลายๆ แหล่งเพื่อกระจายความเสี่ยง ถ้ากินอาหารจากแหล่งเดียว เช่น ผักจากแม่ค้าเจ้าเดียวกันทั้งปี ฯลฯ จะมีโอกาสได้รับสารเคมีชนิดเดิมซ้ำซาก

3)        เน้นพืชผัก                            

พืชผัก(ข้าวกล้อง ถั่ว งา ผัก ผลไม้ เมล็ดพืช)มีเส้นใยอาหารมาก ควรกินข้าวกล้อง

เส้นใยพืชทำหน้าที่เสมือนหนึ่งไม้กวาด และไม้ถูพื้นแห่งทางเดินอาหาร ช่วยทำความสะอาด ซึมซับ และนำพิษภัยออกจากร่างกาย

คนที่ไม่กินเส้นใยเปรียบคล้ายคนที่ไม่กวาดบ้าน(หรือดูดฝุ่น) ไม่ถูบ้าน ไม่นานบ้าน(ร่างกาย)ก็จะเต็มไปด้วยพิษภัย  

แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ย่อยเส้นใยพืชเป็นกรดไขมันขนาดเล็ก (volative free fatty acid) ซึ่งช่วยป้องกันมะเร็ง

พืชผักมีสารพฤกษเคมี (phytochemical) ออกฤทธิ์ป้องกันและต่อต้านมะเร็ง

4)        ลดไขมัน                               

การกินไขมันเกินกว่าร้อยละ 30 ของพลังงานรวมเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านม มะเร็งตับอ่อน มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งต่อมลูกหมาก จึงควรกินไขมันแต่น้อย

5)        ไม่กินไขมันขึ้นหืน                     

ควรหลีกเลี่ยงไขมันที่เสื่อมสภาพขึ้นหืน(มีกลิ่น)ซึ่งมีฤทธิ์ก่อมะเร็ง

6)        ลดเค็ม                                

อาหารเค็มจัด อาหารดองเค็มเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหาร

7)        ไม่ดื่ม                                  

ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์(เหล้า เบียร์ ไวน์...) การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณสูงเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งระบบทางเดินอาหารส่วนต้นและมะเร็งตับ

ควรดื่มน้ำผัก น้ำผลไม้แทน เพราะมีคุณค่าพลังพืชป้องกันมะเร็ง

8)        ไม่สูบ                                 

ไม่ควรสูบบุหรี่ และไม่สูดควันบุหรี่ที่คนอื่นสูบเข้าไป เนื่องจากบุหรี่มีสารก่อมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งปอด ฯลฯ

9)        ควบคุมน้ำหนัก                                               

ควบคุมน้ำหนัก ไม่ให้อ้วนเกิน คนที่มีน้ำหนักเกินมีความเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมและมะเร็งถุงน้ำดีเพิ่มขึ้น

10) หลีกเลี่ยงอาหารทอด ปิ้ง ย่าง      

หลีกเลี่ยงอาหารทอด ปิ้ง ย่างที่ไหม้เกรียมมีสารก่อมะเร็งพีเอเอช (polycyclic aromatic hydrocarbon) เช่น หมูย่าง หมูปิ้ง ไก่ย่าง หมูสะเต๊ะ ฯลฯ

11)    หลีกเลี่ยงอาหารที่ขึ้นราง่าย      

หลีกเลี่ยงอาหารที่ขึ้นราง่าย เช่น ถั่วลิสงที่ปรุงในก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ เนื่องจากเป็นสารก่อมะเร็งตับ

12) หลีกเลี่ยงเนื้อสีสด                                              

เนื้อแดงสีสดอาจมีการเติมดินประสิวซึ่งเป็นสารเร่งเนื้อแดง ดินประสิวจะไปรวมกับสารบางอย่างในอาหาร ทำให้เกิดสารไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งตับและมะเร็งสมอง

13) หลีกเลี่ยงอาหารสีสด               

อาหารสีสดใส ฉูดฉาดอาจไม่ได้ใช้สีผสมอาหาร แต่ใช้สีผิดประเภท เช่น สีย้อมผ้า ฯลฯ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง

14) หลีกเลี่ยงยาฆ่าแมลง               

ยาฆ่าแมลงเป็นสารก่อมะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับ และมะเร็งไต ควรเลือกพืชผักอินทรีย์(ไม่ใช้สารเคมี) และล้างให้สะอาดอย่างน้อย 2-3 ครั้ง

    แนะนำให้อ่าน...                                

• รวมเรื่องสุขภาพ > "มะเร็ง"
• [ Click - Click ]

    แหล่งที่มา:                                      

• ขอขอบคุณ > อาจารย์ ผศ.ดร.วันทนีย์ เกรียงสินยศ. กินอย่างไร ห่างไกลมะเร็ง. หมอชาวบ้าน(พฤศจิกายน 2548). ปีที่ 27. ฉบับที่ 319. หน้า 42-44.
• ขอขอบพระคุณ > โรงพยาบาลค่ายสุรศักดิ์มนตรี + อาจารย์เทวินทร์ IT + หน่วยรังสีกรรม > สนับสนุนทางเทคนิค + อินเตอร์เน็ต.
• ขอขอบพระคุณ > ศูนย์มะเร็งลำปาง + อาจารย์ ณรงค์ ม่วงตานี IT > สนับสนุนทางเทคนิค + อินเตอร์เน็ต.  
• แนะนำให้อ่าน "บ้านสาระ" > [ Click - Click ]
   
• นพ.วัลลภ พรเรืองวงศ์ > ๔ พฤศจิกายน ๔๘ > แก้ไข 8 พฤษภาคม 2550.