พี่เม่ย เป็คนช่างหยิบ ช่างจับเอาเรื่องราวและสิ่งใกล้ตัวมาเขียนได้น่าอ่านเสมอ ล่าสุดนี่แค่ฝนโปรยโดนกลีบดอกไม้ในบ้าน ก็ได้ภาพงาม พร้อมข้อเขียน ข้อคิดมาฝากกันใน บันทึกนี้ อ่านแล้วผมคิดต่อและฝากต่อยอดไว้นิดนึง ที่ท้ายบันทึกนั้น ความว่า ....
มองดอกไม้ ทั้งสามวัย ควรได้คิด
เป็นชีวิต เป็นมายา เป็นภาพฝัน
อนิจจัง เห็นเห็นอยู่ จงรู้ทัน
เผลอยึดมั่น ย่อมได้ทุกข์ ไว้ครอบครอง
แต่ละวัย ล้วนต่าง มีหน้าที่
ทำได้ดี จะพาตน พ้นหม่นหมอง
พัฒนา ให้ก้าวหน้า ตามครรลอง
เก็บ "ถูกต้อง-พอใจ" ไว้เป็นทุน
เพื่อตนเอง น้อยๆหน่อย ก็จะดี
เพราะผู้อื่น นั้นมากมี ควรเกื้อหนุน
สุขจาก ให้ นั้นสูงกว่า มีค่าคุณ
ใครมัววุ่น หลงอัตตา น่าเสียดาย.
ตอนเดินไปที่ทำงานเมื่อเช้า เงยหน้าเห็นป้ายที่มีพระบรมราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนกติดไว้ ความว่า
“ขอให้ถือประโยชน์ส่วนตัว เป็นที่สอง ประโยชน์ของเพื่อนมนุษย์ เป็นกิจที่หนึ่ง ลาภ ทรัพย์และเกียรติยศ จะตกแก่ท่านเอง ถ้าท่านทรงธรรมมะแห่งอาชีพไว้ให้บริสุทธิ์”
ซึ่งเป็นคำขวัญประจำใจของชาวม.อ. คิดเหมือนที่คุณ Handy เขียนในบันทึกนี้เลยค่ะว่า หากเราทุกคน คิดถึงตัวเองหลังจากที่คิดถึงคนอื่น โลกคงจะเป็นสุขยิ่งนัก
แต่ก็น่าเห็นใจคนที่โดนคนอื่นทำให้หวาดระแวงในความหวังดีของคนอื่นเหมือนกันนะคะ เพราะดูเหมือนจะมีอยู่มากมาย จึงเป็นอุปสรรคให้ไม่เชื่อว่ามีคนที่คิดถึงคนอื่นมากกว่าตัวเองจริงๆ (แม้จะทำยาก แต่ก็มีคนทำได้แล้วมากมาย รวมทั้งมีคนพยายามจะทำอย่างตัวเองด้วยคนค่ะ)
แล้วก็เลยกลายเป็นวัฏจักรของความคิดแบบแคบๆ วนเวียนๆ น่าสงสารนะคะ
พระบรมราชปณิธานของสมเด็จพระบรมราชชนก