ตลาดชุมชนเกิดขึ้นมาจากการที่ชาวบ้านตัดสินใจร่วมกันแล้วเห็นว่าแต่ละวันเงินไหลออกจากหมู่บ้านไปข้างนอกมากมาย เพราะเราต้องซื้อพืชผักสิ่งของต่างๆกันเกือบทุกครอบครัว ทั้งที่พืชผักเหล่านั้นสามารถปลูกได้ในหมู่บ้าน ชาวบ้านแก่งนางซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวผู้ไทจึงรวมตัวกันตั้งตลาดชุมชนขึ้น และนำพืชผักพื้นบ้านที่มีอยู่คนละนิดละหน่อยมาวางขายกัน
บางครอบครัวเห็นลู่ทางก็ปลูกผักสวนครัวแล้วนำมาขาย บางคนก็ไปเก็บอาหารธรรมชาติในป่ามาวางขาย เช่น เห็ด หน่อไม้ บางคนก็ไปเก็บของธรรมชาติรอบๆหมู่บ้านมาวางขาย บางครอบครัวทำอาหารสำเร็จรูปใส่หม้อมาวางขาย กันตั้งแต่บ่ายสามโมงเย็นจนมืดค่ำตลาดก็วาย
เจ้าหน้าที่มาสรุปรวบรวมข้อมูลพบว่ามีเงินหมุนเวียน จากการซื้อขายกันเองนี้มากกว่า 1 แสนบาทต่อเดือน ชาวบ้านที่มานั่งขายสินค้าบริโภคนี้ได้รายได้วันละเฉลี่ย 200-400 บาทต่อราย ตลาดชุมชนกลายเป็นตลาดเพื่อชุมชนที่ชาวบ้านจัดทำขึ้นเอง ชื้อขายกันเอง จัดการกันเองโดยที่สถาบันวิจัย มหาวิทยาลัยขอนแก่นช่วยสนับสนุนด้านวิชาการ และมีนักพัฒนาเข้าไปส่งเสริมประจำ และขยายความร่วมมือไปยังโรงเรียนและสถานีอนามัยเพื่อเข้าร่วมโครงการอาหารสะอาดปลอดสารพิษและจัดการตลาดให้ถูกสุขลักษณะด้วย
เด็กหญิงวิภาวรรณ สิงห์ไชย หรือน้อง “ทิว” เรียนอยู่ชั้น ป. 3 โรงเรียนบ้านแก่งนาง รับรู้ว่าบ้านเรามีตลาดเกิดขึ้นใหม่ต่างจากร้านค้าทั่วไป แต่เธอก็คิดว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขาทำกัน น้องทิวต้องตื่นนอนทุกวันประมาณตี 5 ล้างจาน หุงข้าวเตรียมไว้ให้พ่อแม่ที่ไปกรีดยางในสวนข้างบ้าน สว่างขึ้นมาเธอก็ไปดูแลน้องชายคนเดียว รอพ่อแม่กลับมาทำกับข้าวให้เธอก่อนเธอจะกินข้าวเช้าแล้วเดินทางไปโรงเรียนในหมู่บ้านนี่เอง
ข้างๆบ้านเธอมีบ้านป้า น้า อา ญาติพี่น้อง บางวันป้าก็เรียกเธอไปกรอกน้ำใส่ขวดให้เพื่อเอาไว้ใส่ตู้เย็น น้องทิวก็ทำให้และได้ค่าขนมมา 5 บาท พวกน้าๆเห็นก็ให้น้องทิวทำบ้างและก็ให้เงิน 5 บาท น้องทิวชอบใจที่แค่กรอกน้ำก็ได้เงินมาแล้ว เธอจึงขอให้พ่อตัดกระบอกไม้ไผ่มาแล้วเจาะรูทำเป็นกระปุกออมสิน เมื่อใดที่เธอได้เงินค่าจ้างกรอกน้ำก็เอาไปใส่กระบอกไว้
วันหนึ่งน้องทิวเดินผ่านตลาดชุมชนตอนโรงเรียนเลิกแล้ว เห็น “พี่แบม” พี่ที่โรงเรียนชั้น ป.6 และอยู่ในหมู่บ้านเดียวกันมานั่งขายผักกับแม่ของเขา เธอเข้าไปสังเกตโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเธอคิดอะไรในใจ เธอเห็นพี่แบมมานั่งขายเกือบทุกวัน และพี่แบมก็มีเงินไปโรงเรียนทุกวัน เธอคิดว่าอยากมีเงินไปโรงเรียนบ้าง..
วันหนึ่งเธอตัดสินใจคุยกับแม่และพ่อว่า “หนูอยากไปขายของเหมือนพี่แบมบ้าง หนูอยากได้สตางค์ไปโรงเรียน..”
พ่อแม่น้องทิวได้ยินลูกพูดอย่างนั้นก็สนับสนุน “ดีลูกทิว...เอาอย่างนี้นะลูก สักอาทิตย์หน้าพ่อกับแม่จะเตรียมผักที่เราพอมีอยู่บ้าง เก็บแล้วก็มัดไว้เป็นกำ แล้วให้แม่ไปนั่งขาย ลูกทิวก็ไปนั่งขายด้วยแล้วกันนะ...” ทิวดีใจมากที่จะได้ไปนั่งขายผักเหมือนพี่แบม
วันแรกๆ น้องทิวเขินมากและคิดเลขไม่ออกเลยว่าจะต้องทอนเงินเขาเท่าไหร่ เมื่อแม่ถามก็คิดตั้งนาน แม่จึงบอกให้ แต่ก็สนุกดีและวันแรกก็ได้เงินกลับบ้านมาหลายสิบบาท..
วันต่อ ต่อ มา แม่น้องทิวปล่อยเดี่ยว โดยแม่เตรียมผักและอาหารสำเร็จรูปแล้วไปวางไว้ที่ตลาดชุมชน เมื่อน้องทิวเลิกเรียนก็กลับไปเปลี่ยนกระโปรงเป็นกางเกงแล้ววิ่งมาเปลี่ยนแม่ นั่งขายเองให้แม่กลับไปทำงานบ้าน วันแรกๆน้องทิวยังตื่นเต้นอยู่เลย คิดเลขไม่ถูก ต้องถามคุณป้าข้างๆว่าต้องทอนเงินเท่าไหร่... แต่ก็ผ่านไปด้วยดี
น้องทิวขายได้เฉลี่ยวันละประมาณ 250 บาท แม่น้องทิวแบ่งให้ 20 บาท ทุกวัน น้องทิวเอาไปใส่ออมสินกระบอกไม้ไผ่เสีย 18 บาท อีก 2 บาทน้องทิวแยกเอาไปใส่กระปุกออมสินให้น้องชายคนเดียวด้วย..? (น้ำใจเธอเหลือล้นจริงๆ...) เงินไปโรงเรียนนั้นแม่ให้เธอต่างหากวันละ 3 บาท น้าๆบอกว่าบางวันเธอยังเหลือเงินกลับบ้าน 1-2 บาทเลย..?
วันนี้ น้องทิว เป็นแม่ค้าเต็มตัว ทุกวันเมื่อเลิกเรียนเธอวิ่งไปเปลี่ยนชุดที่บ้านแล้วมานั่งขายผักบ้าง อาหารสำเร็จรูปบ้าง เธอคิดเลขเก่งแล้ว คิดในใจด้วย ป้าๆข้างๆก็ชมเธอว่าคิดเลขเร็วแล้ว ทอนสตางค์ถูกต้อง (นี่เธอเรียนวิชาเลขนอกห้องเรียน..แบบฝึกปฏิบัติจริง..) น้องทิวกำลังชวนเพื่อนอีก 2-3 คนมานั่งขายผักด้วยกัน
“งามเหลือเกินน้องทิว งามทั้งการกระทำ งามทั้งความคิด และสำนึก เด็กหญิงวิภาวรรณ สิงห์ไชย เด็กสาวน้อยจากบ้านแก่งนาง ป่าดงหลวง”
สวัสดีค่ะคุณบางทราย (คนเข็นครก ขึ้นภูเขา)
ได้อ่านเรื่องของน้องทิวแล้วเกิดปิติมากเลยค่ะ ^ ^ ดีใจ ดีใจ...
เห็นเด็กน่ารักที่เป็นตัวอย่างที่ดีแล้วดีใจมากๆ ช่างสังเกต รู้จักช่วยเหลือตัวเอง ช่วยพ่อแม่ แบ่งเบาภาระครอบครัว แล้วชื่นใจจริงๆ ทำให้อยากไปอุดหนุนผักที่ขายเลย ^ ^
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ที่นำมาเล่าสู่กันฟังเสมอนะคะ..
สวัสดีค่ะ
น้องทิวหน้าตาน่ารักค่ะและขยันขันแข็งเป็นเด็กดี ตัวอย่างค่ะ
ขอบคุณเรื่องเล่าดีๆค่ะ
สวัสดีครับน้องลูกหว้า
พี่ก็ไม่ค่อยได้ไปเยี่ยมใครต่อใครเลย Post แล้วก็หลบออกไปทำงาน ยุ่งๆ แต่ต้องรับผิดชอบครับ ขอบคุณที่แวะมา
สวัสดีครับอาจารย์
ผมเองก็ดีใจมากที่เห็นเด็กๆทำในสิ่งที่ดีดีเช่นนี้ ยังมีเยาวชนที่อายุโตกว่านี้หน่อยหนึ่ง พอดีเราไม่มีเวลาอยู่พบเธอ โอกาสหน้าจะเอามาฝากอีก
สวัสดีครับ
กลุ่มชนเผ่าผู้ไท คล้ายๆกับพี่น้องไทยเชื้อสายจีนน่ะครับคือขยัน และรู้จักการค้าขาย และทำได้ดีกว่ากลุ่มชนเผ่าอื่นๆ สตรีผู้ไทยก็ทำงานหนักและมาก การประชุมจัดทีไรมีแต่สตรีมาประชุม กลุ่มในชุมชนที่ประสบผลสำเร็จก็เป็นกลุ่มสตรีผู้ไทย หน้าตาก็สวย ขาวกว่าชนเผ่าอื่นๆครับ
น่ารักจ๊ะน้องทิว ขยันจังนะ
สวัสดีครับ หนึ่งในหมู่บ้าน
น้องหนึ่งในหมู่บ้าน ปรากฏตัวกับพี่หน่อยซี เผื่อมีอะไรก็จะได้ร่วมมือกันสร้างสรรคหมู่บ้านของเรานะ ไม่ได้เจอะน้องทิวนานแล้วหละ