เดินทางกลับไปอำเภอพระพรหมครั้งนี้ (29 ม.ค.50) มีความรู้สึกเหมือนกลับบ้าน หลังจากที่ได้ย้ายไปทำงานที่สำนักงานเกษตรจังหวัด ได้รับการประสานจากท่านเกษตรอำเภอพระพรหม ท่านวิจิตร นวลพลับ บอกว่า วันที่ 29 มกรา จะเปิดศูนย์รวบรวมผลผลิตมังคุดเพื่อการส่งออกอย่างเป็นทางการ ซึ่งท่านผู้ว่า ฯ วิชม ทองสงค์ ให้เกียรติเป็นประธาน ขอให้ผมช่วยเป็นพิธีกรให้หน่อย
ผมเดินทางถึงวัดป่าตอ หมู่ 5 ต.ท้ายสำเภา อ.พระพรหม ซึ่งเป็นที่ตั้งของศูนย์รวบรวมผลผลิตมังคุดก่อนเที่ยงเล็กน้อย เห็นพี่ ๆ นักวิชาการ ฯ จากสำนักงานเกษตรจังหวัด กำลังตัดสินการประกวดผลผลิตมังคุด และเงาะ ซึ่งทราบว่าในงานวันนี้ จัดให้มีการประกวด 2 ชนิดนี้
ท่านเกษตรอำเภอพระพรหม นำกำหนดการ คำกล่าวรายงาน คำกล่าวเปิดมาคุยกันผมเพื่อปรับเล็กน้อยในส่วนของกำหนดการ เพราะมีแขกผู้มีเกียรติมาร่วมหลายท่าน หลายฝ่าย
ในกำหนดการท่านผู้ว่า ฯ วิชม ทองสงค์ จะเดินทางมาถึงช่วงเวลา 14.30 - 15.00 น. อาจช้าบ้างเพราะท่านเดินทางไปเปิดงานที่จันดีด้วย(เขตอำเภอฉวาง) หลังทานข้าวเที่ยง เกษตรกรและแขกผู้มีเกียรติเริ่มทะยอยมาลงทะเบียน และรถขนผลผลิตมังคุดก็ขับทะยอยเข้ามา เนื่องจากเป็นวันนัดรวมผลผลิตมังคุดด้วยในวันนี้
และเวลาดีก็มาถึงพร้อมกับท่านผู้ว่า ฯ วิชม ท่านเดินทางมาถึง ขั้นตอนพิธีเปิดก็เริ่มขึ้น
โดยผมทำหน้าที่พิธีกรผมฝากกล้องถ่ายรูปไว้กับคณะกรรมการศูนย์บริการ ฯ ซึ่งนั่งอยู่แถวหน้าวางแผนไว้เพื่อหยิบจะถ่ายภาพบรรยากาศโดยไม่ให้พลาด
วันนี้มีบุคคลหลายฝ่ายมาร่วมงาน ทั้งครู อบต. ธกส. ชลประทาน ส่วนราชการทุกส่วนในอำเภอพระพรหม ผมเห็นว่าทุกคนมีความสุข โดยเฉพาะ คุณเอื้อพ่อเมือง ท่านมีความสุขกับสิ่งที่เกิดขึ้นแบบเป็นรูปธรรมตามที่ท่านได้ตั้งใจไว้
ในเรื่องการแก้ไขปัญหาความยากจน "แก้จนเมืองนคร" ซึ่งใช้กระบวนการ KM เข้าดำเนินการและเป็นเรื่องของความท้าทายไม่น้อยเลย สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้กว่าจะเกิดขึ้นได้ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ นัก แต่ตอนนี้เกิดขึ้นแล้ว
นี่คือกระบวนการการเรียนรู้ที่ชุมชนได้เรียนรู้ ซึ่งเมื่อเริ่มเรียนรู้ก็เกิดเหตุการณ์ให้เรียนรู้อีกมากมายในภายหน้าแก้จนเมืองนครมีจุดเรียนรู้ "ชุมชนเข้มแข็ง"ได้อีกแห่งหนึ่งที่นี่ ซึ่งน้องแมว (ผดุงศักดิ์ ด้วงฤทธิ์) ประธานกลุ่ม ฯ ผู้ขับเคลื่อนเป็นคนใฝ่รู้เรียนรู้อยู่ตลอดอยู่แล้ว
ศูนย์รวบรวมผลผลิตแห่งนี้คงได้ช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างยั่งยืน เพราะที่นี่มีเป้าหมายที่ชัดเจนว่าผลิตเพื่อการส่งออกจุด คำว่า"ส่งออก" เป็นเหมือนกฎเกณฑ์ที่ทุกคนที่เป็นสมาชิกต้องรู้ว่าไม่ธรรมดา เพราะต้องปราศจากสารพิษตกค้าง
ซึ่งแน่นอนครับต้องทำการผลิตแบบอินทรีย์ ซึ่งก็คือวาระแห่งชาติ ครับ และเป็นยุทธศาสตร์จังหวัดนครศรีธรรมราชอยู้แล้วด้วยครับ "ชุมชนเกษตรอินทรีย์"ของท่านผู้ว่า ฯ วิชมคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม