เป็น Destiny หรือเป็นกรรม


ไม่นานมานี้ผมได้มีโอกาสรับรู้ถึงชีวิตของน้องคนหนึ่ง เรื่องราวที่เธอเล่าเหมือนด้านบวกของชีวิต เป็นเรื่องเล่าด้วยน้ำเสียงแจ่มใส หากหลับตาก็จะนึกภาพเห็นแววตาเป็นประกายของเธอได้

ในช่วงเริ่มต้นนั้น ผมฟังด้วยใจชื่นบาน เพราะในเรื่องนั้นมีสิ่งที่ผมนึกไปเองก่อนว่าเป็นด้านดี

แต่ยิ่งได้รับรู้ข้อมูลมากขึ้นจิตใจที่แจ่มใสก็เปลี่ยนไปเป็นห่วงกังวล เพราะสิ่งที่ได้รับรู้นั้น เมื่อกลั่นกรองจากประสบการณ์ที่ผมมีแล้ว ไม่ใช่ภาพที่สวยงามในตอนสุดท้ายอย่างที่เธอฝันไว้แน่

แต่ก็เกินกว่าที่ผมจะแนะนำให้ความคิดเห็นไปได้ เลยได้รับรู้ว่าผมเองขาดทักษะในการให้ความคิดเห็นในทางไม่สนับสนุนเป็นอย่างยิ่ง

ทำให้รู้ว่าการส่งเสริมให้ใครสักคนทำสิ่งที่เป็นเรื่องดีอยู่แล้วนั้นไม่ยาก แต่การห้ามใครสักคนไม่ให้ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำนั้นยากเหลือเกิน

โดยเฉพาะเมื่อสิ่งนั้นยังมาไม่ถึงให้เขาเห็นได้ด้วยตัวเขาเอง

แต่ถ้าเรารอให้เขาต้องเจอด้วยตัวเอง ก็สายเกินไปที่จะให้คำแนะนำแล้ว

จะห้ามคนวัยหนุ่มสาวไม่ให้ออกเรือเมื่อเราเห็นท้องฟ้าเป็นสีแดงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย หากเขาบอกเราว่าทะเลนั้นเต็มไปด้วยปลา

......

ผมเป็นลูกคนเดียว แต่ผมมีพี่น้องที่ช่วยเหลือดูแลกันอยู่มากมายหลายคนเหลือเกิน ผมเชื่อว่าชีวิตผมโชคดีมากที่ได้เรียนรู้ว่าพี่น้องนั้นไม่ได้หมายถึงต้องมีสายเลือดเดียวกัน

จิตวิญญาณที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้นั้นเข้มข้นกว่ารหัสพันธุกรรมที่ไร้จิตใจในตัวมันเอง

น้องคนนี้ผมเป็นห่วงเขามาก ที่จริงแล้วผมพยายามให้คำแนะนำเขามาตลอดเวลาเท่าที่ผมทำได้ในเรื่องต่างๆ ที่ผมมีโอกาส

ชีวิตเขาไม่ใช่ชีวิตที่ผ่านมาบนหนทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบที่สวยงาม แต่ต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย มากยิ่งกว่าผม มากยิ่งกว่าวัยของเขา และมากยิ่งกว่าผู้คนโดยส่วนใหญ่

แต่เขาก็ยังเก็บแววตาที่เป็นประกายนั้นไว้ได้

ผมรู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นแววตานั้น

ผมเชื่อว่าถ้าเราจะสร้างโลกที่มีความสุข เราต้องสร้างแววตาเช่นนี้เกิดขึ้นให้มากๆ

พวกเราทุกคนมีชีวิตอยู่ในโลกที่ไม่สวยงาม แต่ความสุขที่เกิดได้บนความทุกข์นั้นสวยงามเสมอ

แต่เหมือนชะตาจะแกล้ง มองอย่างพุทธก็เป็นกรรม มองอย่างคริสต์ก็เป็น destiny เพราะเข็มนาฬิกาในระเบิดเวลาแห่งความทุกข์ของเธอเริ่มเดินอีกแล้ว

และผมไม่รู้ว่าจะห้ามได้อย่างไร

......

หากเธอไม่หลงไปกับอุ้งมือของซาตานที่เอื้อมมาในเงาของสีสันที่เธอมองว่าสวยงามนั้น

เธอก็คงรอดจากความทุกข์ที่แฝงมากับภาพที่ฉาบอยู่ด้านนอก

และจะได้เจอกับความสว่างที่แท้จริงที่รอคอยเธออยู่ที่ไหนสักแห่งหนึ่งแน่นอน

หนทางแห่งความสุขเปิดให้เธอเดินไปหาอยู่แล้ว เพื่อเธอจะได้แบ่งปันความสุขนั้นให้แก่คนอื่นๆ หากเธอไม่ได้หลงลงไปข้างทาง

......

ผมจะบอกเธอได้อย่างไรดี

......

ที่จริงแล้วช่วงเวลาที่ผ่านมาน่าเศร้ามาก

ยิ่งคิดก็ยิ่งพบว่าผมเองมันก็แค่คนช่างฝันที่มีความสามารถจำกัดเหลือเกิน การค้นพบใหม่ๆ ในชีวิตทุกวันคือการค้นพบข้อจำกัดของตัวเอง

ผมฝันจะทำให้คนมากมายให้มีความสุข

ผมนึกไปว่าผมมี destiny ที่ต้องทำเช่นนั้น ผมถูกสอนมาว่า freewill คือ destiny และความสุขคือของขวัญจากพระเจ้าที่ต้องแบ่งปัน

แต่แค่คนที่ผมรู้จักดีกำลังจะก้าวไปสู่ห้วงความทุกข์ผมก็ยังไม่มีปัญญาช่วยเหลือ

เป็นอีกหนึ่งในข้อจำกัดของผมที่ค้นพบและต้องอดทนอยู่กับมันให้ได้

ที่จริงแล้วผมมันแค่คนช่างฝันที่ไม่ได้มีประโยชน์อะไรมากมายเลย

 

หมายเลขบันทึก: 167065เขียนเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2008 11:03 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 22:50 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ท่านว่าปุพเพกตวาท(ลัทธิกรรมเก่า) กับ อิศวรกรณวาท(เชื่อว่ามีเทพกำหนดทุกสิ่ง) ไม่ถูกทั้งคู่. แต่ผมก็งงๆอยู่ว่าปุพเพกตวาท กับพุทธศาสนาต่างกันอย่างไรแน่.


แต่ก็ดูเหมือนพุทธอาจจะอธิบายอะไรต่างกับ compatibilism อยู่บ้าง ไม่ว่า soft หรือ hard หนะครับ?

  • สวัสดีค่ะ
  • แวะมาทำความรู้จักค่ะ
  • ประเด็นที่อาจารย์รำพึงไว้
  • ลองใช้เทคนิคของอ.วิจารณ์ดูไหมค่ะ
  • เทคนิคการตั้งคำถามนะค่ะ
  • เป็นคำถามที่ไม่ใช่ความคิดเพื่อห้ามของเรา
  • เป็นคำถามที่ทำให้เราตอบตัวเองว่าสิ่งที่เธอจะพบนั้นไม่ดี
  • การช่วยรั้งให้เธอใช้เวลาคิดได้อีกสักนิดก่อนเดินต่อ
  • อาจช่วยชะลอเวลาให้มีช่องว่างที่เธอจะเบี่ยงตัวพ้นสิ่งที่เราอยากห้ามได้ โดยเธอตัดสินใจเองนะค่ะ
  • แต่ถ้าเธอยังจะเดินต่อ
  • ก็คงต้องทำใจว่าเป็นเรื่องของกรรมกระมัง
  • ขอบคุณคุณหมอมากครับ วิธีการตั้งคำถามน่าสนใจจริงๆ ครับ เพราะไม่ใช่เราเอาความคิดเราไปให้เขา แต่เป็นการกระตุ้นให้เขาคิดเอง มีโอกาสผมจะต้องทดลองวิธีนี้แน่ๆ ครับ

    PP

     

    สำหรับผู้สนใจเรื่องความเชื่อที่เป็นพื้นฐานให้มีความคิดเห็นแตกต่างกันตามหลักพระพุทธศาสนา ลองอ่านพระสูตรข้างล่าง

    ถ้าตอนไหนไม่เข้าใจก็ให้ไปคลิกอ่านอรรถกถาด้านล่าง ซึ่งอธิบายพรหมชาลสูตร หรือ...

    เจริญพร

    Morpheus : Do you believe in destiny?

    Neo : No I don't, I'm destiny ...

    กรรมไม่เคยถูกกำหนดมาจากอดีต กรรมคือปัจจุบัน ดังนั้นเราสามารถทำอะไรได้ทุกๆ อย่าง จนกว่าโชคชะตาจะเปิดเผยตัว ... ผมไม่เชื่อในโชคชะตา แต่ผมเชื่อผลของการกระทำ ผมคือโชคชะตา หุหุ : )

    ถ้าอาจารย์ก้าวข้ามผ่านกำแพงที่กั้นไว้ไม่ให้พูด
    ถ้าอาจารย์พูดแล้ว เธอนำไปคิดพิจารณา
    ถ้าอาจารย์พูดแล้ว ช่วยให้เธอไม่ต้องหลงทาง
    ถ้าอาจารย์ไม่ได้พูด แล้วเธอหลงทาง...

    ถ้า...ทั้งหลายนี้ ก็คงจะมี destiny ของมันเองเหมือนกันนะคะ ถ้า...แบบไหนจะเกิด เวลาคือ...คำตอบ
     

    ความรู้สึกดีๆที่เรามีให้เธอ...คงจะส่งพลังที่มองไม่เห็นไปถึงเธอบ้าง เธอคือโชคชะตาของเธอเอง...จริงๆ อย่างที่ต้นกล้าบอก...พี่โอ๋เห็นด้วย แต่ความเชื่อมโยงที่เราไม่รู้ก็บันดาลให้เกิดอะไรที่เราเรียกว่า กรรมจากอดีตได้นะคะ

    ขอบคุณพี่โอ๋มากครับ ได้ทำแล้วแต่ไม่ได้ผล ดีกว่าไม่ได้ทำแน่นอนครับ

    จากที่ผมหดหู่ใจไม่มีทางออกในเรื่องนี้กลายเป็นว่าผมได้แง่คิดและแนวทางจากหลายท่าน ขอบคุณมหัศจรรย์ของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ

    พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
    ClassStart
    ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
    ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
    ClassStart Books
    โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท