โลกทุกวันนี้
ร้อนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอากาศ เดือนเมษายน อุณหภูมิใกล้ 40 องศา
ทุกวัน
เรามีวิธีค่ะว่าจะทำให้ลดความร้อนได้อย่างไร
เราลองหาผ้าไทย
โดยเฉพาะผ้าไหมมาใส่ดูสักตัวสิคะ
และที่สำคัญ
ผ้าไหมไทย....สวมใส่แล้วป้องกันมะเร็งผิวหนังได้
ผู้บริหารงานบริการพยาบาล
โรงพยาบาลศรีนครินทร์
ร่วมกันใส่ผ้าไทยและอนุรักษ์ไทย
ทุกครั้งเมื่อมีโอกาส
วันนี้ 24 เมษายน 2550
อ่านหนังสือพิมพ์มติชน เรื่อง อนุรักษ์ผ้าไทยให้ยั่งยืน
คนไทยต้องรู้สึกชาตินิยม
อ.
เผ่าทอง ทองเจือ ผู้เชี่ยวชาญผ้าไทย
บอกว่า
มหัศจรรย์ของผ้าไหมไทย คือ
ความมันวาวและเหลือบสีเหมือนสีไข่มุก
เพราะเส้นไหมมีสารไฟโปรอินช่วยกระจายแสงออกไปเป็นชั้นๆ
เหมือนปริซึม
มิน่าล่ะคะ!!
เวลาเราใส่ผ้าไหม
ถ่ายภาพออกมา ไม่ว่าสวมผ้าไหมสีอะไร ก็ดูดี
...มีสง่า
ประเด็นสำคัญ
ไหมไทยช่วยรักษาและป้องกันไม่ให้เป็นโรคผิวหนัง
เพราะเส้นใยมีความอ่อนโยนเป็นพิเศษกับ ผิวมนุษย์
และช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ด้วย
เพราะมีคุณสมบัติดูดซับรังสี
อุลตราไวโอเลตและยังติดไฟยากกว่าใยสังเคราะห์สวมใส่แล้วไม่ลีบติดตัว
เพราะผ้ามีไออนบวก-ลบ
ทำให้ไม่เกิดไฟฟ้าสถิต
นอกจากนี้
ผ้าไทยใส่แล้วไม่ร้อน
เพราะเส้นใยมีช่องว่างเล็กๆที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
ช่วยดูดซับระบายเหงื่อ
ทำให้สวมใส่สบายในหน้าร้อนและอบอุ่นในฤดูหนาว
ทำให้ดิฉันได้คำตอบแล้วและถึงบางอ้อ.....เมื่ออ่านบทความนี้
เพราะแม่ดิฉันชอบใส่
ผ้าไหม และให้ชาวบ้านทอผ้าไหมให้ไว้ตัดเสื้อเอง
ยายกับหลาน
นอกจากผ้าไหมแล้ว
เสื้อผ้าที่แม่ใส่บ่อย คือ
เสื้อผ้าฝ้าย
นอกจากนี้ยัง
ผ้าฝ้าย ปลูกต้นฝ้าย ทำผ้าฝ้ายเอง ทำผ้าห่ม
มีไส้ในเป็นฝ้ายที่ปลูกเอง
ตัวดิฉันเอง ตั้งแต่ใส่ผ้าไหม
ผ้าฝ้าย ใส่ผ้าอย่างอื่น แทบไม่ได้เลย
เพราะทั้งหนาและหนัก
ลองมาสวมใส่ผ้าไทยสิคะ
นอกจากใส่สบายแล้วยังป้องกันมะเร็งผิวหนังได้ด้วย
เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง
เราถึงไม่มีใครเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายที่ว่านี้
ถึงแม้ว่า
ผ้าไทยมีข้อจำกัด คือ ดูแลรักษายาก
ถ้าอยากให้ผ้าไทยเป็นที่นิยมต้องพัฒนาเส้นใยให้คงทนและง่ายต่อการดูแลรักษา
ส่วนการดูแลควรซักด้วยน้ำยาซักแห้ง
ตากให้แห้งด้วยลม
ในที่ร่ม
ไม่ลอง ไม่รู้
ลองพิสูจน์ด้วยตัวเองนะคะ
นอกจากปลอดภัย
ยังช่วยซื้อสินค้าไทย
เศรษฐกิจไทย
น่าจะดีด้วย
เมืองไทยคงน่าอยู่ขึ้นอีกมาก
ที่สำคัญลดการเจ็บป่วยได้ด้วยค่ะ