อนุทินล่าสุด


Pijikarn Tharaporn
เขียนเมื่อ

 

หนึ่งวันในฤดูหนาว..

ของวันหยุดยาวช่วงปีใหม่

 

 

     เค้าว่ากันว่า เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ เผลอไปไม่นานนี้เอง เราก็ก้าวข้ามมายังปีใหม่ อีกปีแล้วสินะ ยังรู้สึกว่า ปีที่ผ่านมายังไม่ได้ทำอะไรอีกตั้งหลายอย่าง และคงจะหยิบยกข้ามมาทำในปีนี้อีกต่อไปด้วย

     ปีใหม่ในปี 2557 นี้ ตรงกับ ปีม้า ที่เค้าบอกกันว่า เป็นปีม้าคึกคัก ช่วงปีที่ผ่านมาหลายๆ อย่างค่อนข้างซบเซา เศรษฐกิจเอย การท่องเที่ยวเอย เหตุอันเนื่องมาจากสถานการณ์ด้านการเมือง ซึ่งอาจส่งผลกระทบไปถึงสภาวะทางจิตใจของประชาชน ด้วย ดังนั้นมาถึงปีนี้ จึงอยากให้เป็นการเริ่มต้นปีใหม่อีกปีที่จะมีแต่สิ่งดีๆเกิดขึ้น ใคร ๆ ก็ต่างหวังให้มันเป็นเช่นนั้น เพราะว่า บ้านเมืองเราจะได้สงบเสียที มีแต่ความสุขที่เกิดขึ้น

     และเนื่องจากปีใหม่ในปีนี้ ฉันได้มีโอกาส ไปเป็นพิธีกรช่วยงานกาชาดของจังหวัดภูเก็ต ซึ่งตรงกับ วันที่ 1 มกราคม 2557 พอดี ซึ่งเป็นวันแรก ของการเริ่มต้นใหม่ ของปีนี้พอดี ถือว่าเป็นเกียรติมาก เป็นครั้งแรกของฉันเองด้วย ที่ได้ขึ้นเวที ช่วยงานกาชาด งานกาชาด เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 26 ธันวาคม 2556 – 5 มกราคม 2557  รวมทั้งสิ้น 11 วัน จัดโดยกาชาดจังหวัดภูเก็ต ในงานก็จะมีการออกร้านจากร้านต่าง ๆ มีดารานักแสดงจากสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ มาร่วมในงาน เพื่อสร้างสีสัน ด้านของกาชาดเอง ก็มีการตักรางวัล มัจฉากาชาด ซึ่งก็มีรางวัลมากมาย และงานนี้ ฉันก็ได้ขึ้นเวทีคู่กันกับ พี่ชายที่สนิทกันอย่าง ดีเจพุฒ หรือ อภิสิทธิ์ คนชม ซึ่งเราได้เรียนอยู่ห้องเดียวกันในคณะนิเทศศาสตร์ งานในวันนั้นมีคนเยอะพอสมควร ทำให้ฉันมีอาการประหม่าเล็กน้อย พูดผิดพูดถูกไปบ้างในช่วงแรก ๆ แต่พิธีกรคู่คนเก่งของฉัน ก็ช่วยแก้ให้ และเสริมให้ตลอด น่ารักมากจริงๆ งานนี้ต้องขอบคุณพี่ชายที่แสนดีคนนี้  ไม่นานนัก กลุ่มเพื่อน ๆ ในห้อง ก็ทยอยกันมา ให้เห็นด้านล่างของเวที ยิ่งทำให้รู้สึกว่า มีกำลังใจมากขึ้น

     งานนี้นอกจากจะได้มาสนุกสนานกันแล้ว เรายังเหมือนได้มาทำบุญไปด้วยกันค่ะ เพราะว่า งานกาชาดนี้ รายได้ทั้งหมดทางกาชาดก็จะนำไปช่วยเหลือในส่วนต่าง ๆ เหมือนตามสโลแกน “เราช่วยกาชาด กาชาดช่วยเรา”

     นอกจากจะได้ร่วมทำบุญกับฝ่ายกาชาดแล้ว เมื่อหิว ก็ยังมีร้านอาหารที่มาออกร้านกันมากมายให้เราได้เลือกรับประทานกัน จะเลือกซื้อกลับไปทานที่บ้าน หรือ จะเลือกแล้วทานที่งานก็ได้ ซึ่งทางงานก็ได้จัดโต๊ะเอาไว้ ที่หน้าเวทีใหญ่ ที่มีการแสดงจากศิลปินต่างๆ ทั้งในและนอกจังหวัดภูเก็ต ที่มีการหมุนเวียนมามอบเสียงเพลงเพราะ ๆ ให้ได้ฟังกันอีกด้วย

     แม้ว่าฉันจะไม่มีวันหยุดยาวเหมือนกับคนอื่น ๆ ในวันปีใหม่ในทุก ๆ ปี แต่ฉันก็ดีใจที่อย่างน้อยในปีนี้ ฉันได้ร่วมทำบุญกับกาชาด แม้ว่าฉันจะเหมือนคนตัวเล็ก ๆ แต่ฉันก็เชื่อเหลือเกินว่า การให้ในครั้งนี้ของฉัน ก็ทำให้ฉันมีความสุข และได้สร้างความสุขให้กับคนที่ไปร่วมงานวันนั้นบ้าง ไม่มากก็น้อย และหวังเพียงแต่ว่า ปีหน้า และปีต่อๆ ไป ฉันจะได้มาร่วมงานอีก แม้จะเป็นเพียงแค่ คนมาร่วมงานก็ดีใจแล้วค่ะ <3



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Pijikarn Tharaporn
เขียนเมื่อ

One Fine Day

หนึ่งวันสบายคลายร้อน กับ ..

“ดีเจอ้อแอ้ แสนซน คนสวย “

 

 

 

               ในที่สุดวันหยุดที่ฉันเฝ้ารอคอยมาทั้งสัปดาห์ก็มาถึง วันนี้ มีนัดกับเพื่อนร่วมก๊วน ไปตลุยเมืองภูเก็ตด้วยกัน แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ฉันไปทานอาหารเช้าที่ร้านตาตั้มติ่มซำ และนั่นคืออาหารเช้าที่ฉันโปรดปราน  เช้านี้ ฉันเพิ่มพลังด้วยมาม่าหมูสับ กับติ่มซำ อีกหลายอย่าง เพราะอาหารเช้าเป็นมื้อที่สำคัญ

               ฉันมีนัดกับเพื่อน ช่วงเที่ยง จุดนัดพบของเราคือ ร้านอาหารสัตตบรรณ บนเขาเรดาห์  ร้านนี้มีเสน่ห์ตรงที่ ร้านอาหารที่มีวิวสวย อาหารอร่อย และมีที่พัก สนนราคาก็ไม่ได้แพงมาก  เรียกได้ว่า เข้าถึงได้ง่าย  มีมุมให้นั่งเล่น พักผ่อน  พนักงานก็บริการดีเยี่ยม   นี่เป็นครั้งแรก ที่ฉันได้ขึ้นมา  บอกได้เลยว่าประทับใจมาก    

               เมื่ออิ่มกับมื้อเที่ยงกันเล้ว เราก็ออกเดินทางต่อไปที่ วัดฉลอง วัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวภูเก็ต ตั้งแต่ ฉันมาอยู่ที่นี่ หลายครั้งที่ไม่สบายใจ อยากหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ฉันมักจะมาไหว้พระขอพรหลวงพ่อแช่มเสมอ แต่ในครั้งนี้มันต่างออกไปจากครั้งก่อน ๆ เพราะว่า ฉันได้พาเพื่อนรักของฉันมาด้วย ฉันมีความเชื่ออยู่เรื่องหนึ่ง มีคนเคยบอกว่า ชาตินี้ถ้าเราได้ทำบุญร่วมกับใคร ชาติหน้าเราจะได้เกิดมาเจอกันอีก เหมือนกับในชาตินี้ ที่เราได้เกิดมาเจอกับใคร  แสดงว่า ชาติก่อน เราอาจจะเคยทำบุญร่วมกันมา ฉันเชื่อแล้วว่า เรื่อง นี้มันน่าจะเป็นความจริง ...

               สถานที่ต่อไปของเราคือ ทะเล ..  จุดหมายในทริปนี้ของเรา คือ ทะเล กะรน  จริง ๆ แล้ว กะรนกับฉันถือว่า เป็นอะไรที่ค่อนข้างสนิทสนมกันมาก เพราะทุกครั้งที่ฉันมีปัญหา มีความสุข หรือว่า เศร้าใจ ทะเลกะรน จะเป็นที่แรกที่ฉันนึกถึง เพราะถ้าเทียบกับทะเลป่าตอง หรือที่อื่น ๆ มักจะมีคนเยอะ และไม่มีความสงบเป็นส่วนตัว  ชักจำไม่ได้แล้วสิว่า นานแค่ไหน ที่มัวทำงาน จนไม่มีเวลามาเที่ยวเล่นแบบนี้ กลิ่นอายทะเล เสียงคลื่นซัดซาดที่คิดถึง ฉันคิดถึงเธอ..

              เราใช้เวลาที่หาดกะรน ไม่นานมาก เพราะตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ตกดินต่อ ที่ แหลมพรหมเทพ  เราใช้เวลาเดินทางทาง หาดกะรน ไปแหลมพรหมเทพประมาณ เกือบ 45 นาที น่าเสียดายมาก ที่เราเดินทางไปไม่ทันส่งพระอาทิตย์กลับบ้าน  แต่ความ สวยงามของแสงที่กระทบกับผิวน้ำ ก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างของที่นี่ ถึงเราจะไม่ได้กล่าวลาพระอาทิตย์ แต่เราก็เก็บภาพที่สวยงามเอาไว้ และบอกว่า พรุ่งนี้กลับมาเจอกันตอนเช้าใหม่นะ

              เราเลือกปิดท้ายทริปนี้ด้วย มือเย็นที่ร้าน แซ่บ .. ร้านนี้เกือบจะกลายเป็นร้านประจำของเราไปแล้ว เนื่องจากอาหารอร่อย ราคาไม่แพงมาก บรรยากาศดี และมีมุมน่ารัก ๆ ในร้านให้เราได้ถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลิน อาหารจานโปรด ของฉันมีหลายจาน แต่ที่ชื่นชอบที่สุดคงเป็น ข้าวผัดเขียวหวานไก่ ปลาสลิด ด้วยรสชาติข้าวผัดเขียวหวานที่มีความกลมกล่อม ประกอบกับปลาสลิด ที่เข้ากันได้เป็นอย่างดี จึงกลายเป็นเมนูที่ฉันมักนึกถึงก่อนเมนูอื่นเสมอ

              รับประทานอาหารมื้อนี้กันเรียบร้อย ต่างคนก็ต่างเพลีย วันนี้ทั้งวัน เราทั้งสามได้ไปเที่ยวกันหลายๆ สถานที่ จน หมดแรง ต่างคนก็แยกย้ายกันกลับไปพักผ่อน และไม่ลืมว่า ถ้ามีโอกาส อากาศดี ๆ แบบนี้อีก เราจะจัดทริปกันอีกครั้ง และอีกครั้ง

                                                         



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Pijikarn Tharaporn
เขียนเมื่อ

 

 

“มุมน่ามอง ..  ลองมาดู"

 

               มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต เป็นแหล่งความรู้  ที่พึ่งของท้องถิ่น  มีการสร้างระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษาที่มีคุณภาพ มีประสิทธิภาพ  สร้างองค์ความรู้เพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้กับชุมชน และท้องถิ่นต่อไปได้

               ถ้าจะให้พูดถึงมหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตแล้ว  ดิฉันซึ่งเป็นนักศึกษาอีกคน ที่มีความมุ่งมั่น  นอกจากหวังจะได้รับความรู้จากสถานที่แห่งนี้  ขอยอมรับว่านอกจากมหาวิทยาลัยจะมีครู อาจารย์ที่มีความรู้ ความสามารถสอนนักศึกษาแล้ว ภายในมหาวิทยาลัย ก็ยังมีสถานที่ ที่จะทำให้นักศึกษาได้พักผ่อน  ผ่อนคลายอยู่โดยรอบ

               เริ่มจากมื้อกลางวัน  หลังจากที่จบคาบเรียน ดิฉันเพื่อน ๆ มักแวะไปทานมื้อเที่ยงกันที่ ซุ้ม  8 เหลี่ยม ที่นี่เหมือนเป็นศูนย์รวมของอาหารที่มีความหลากหลาย  ราคาไม่แพง  นอกจากอาหารมื้อหนักแล้ว  ก็ยังมีผลไม้ น้ำดื่ม น้ำผลไม้ปั่น  ขนมนมเนย  อีกมากมาย  ที่ให้เหล่านักศึกษาได้เลือกซื้อนำไปทานกันตามความชอบ  เรามักนั่งทานอาหารที่ซุ้ม 8 เหลี่ยม  เพราะนอกจากจะอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัย  ที่จะทำให้สะดวกต่อกาเข้าเรียนคาบถัดไปแล้ว  หนุ่ม ๆ มักจะมองหาอาหารตาจากสาว ๆ คณะอื่น ๆ ไปด้วย  เรียกได้ว่าอิ่มทั้งกาย อิ่มทั้งใจ

 

               ในบริเวณซุ้ม 8 เหลี่ยม นอกจากจะมีบริการของบริโภคแล้ว ก็ยังมีขออุปโภคด้วย  ไม่ว่าจะเป็นบริการถ่ายเอกสาร  รับปริ้นเอกสาร  เข้าเล่ม ใส่ปกรายงาน ฯลฯ   เรียกได้ว่า ครบครันโดยที่เราไม่จำเป็นต้องออกไปนอกมหาวิทยาลัยเลย

 

               หากใครพอมีเวลาเหลือเยอะ  และยังไม่รีบกลับบ้าน  ทางมหาวิทยาลัยก็มีห้องสมุดที่ใหญ่ไว้รอให้บริการ  หอสมุดแห่งนี้มีชื่อเต็มว่า   “อาคารบรรณราชนครินทร์”

 

               หอสมุดแห่งนี้  มีทั้งหมด 6 ชั้น  นอกจากจะมีหนังสือมากมายที่รอให้พวกเราเข้าไปค้นคว้าแล้ว  ที่นี่ก็ยังมีบริการร้านอาหารเล็ก ๆ ที่มีขนม  น้ำ  ฯลฯ  ไว้รอบริการเมื่อหิวอีกด้วยที่ชั้น 1

 

               ไม่จำเป็นหรือสำคัญว่า ที่ที่จะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้  จะต้องเป็นที่ที่เริศหรู  มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายเพียงแค่นั้น  แต่เราสามารถทำทุก ๆ อย่างที่ให้เรามีความสุขและรู้สึกดีได้  อยู่ที่เราจะมอง  และทำ หรือปรุงแต่งให้มีความผ่อนคลาย  สิ่งเหล่านี้อยู่ที่ตัวเราแค่นั้นเอง  เพียงแค่อยู่ในมหาวิทยาลัยเราก็สามารถทำให้ทุก ๆ ที่เป็นมุมโปรด  มุมสบายของเราได้  กินเที่ยววันนี้สุดชิล  ใครไม่มา ไม่รู้นะ จะบอกให้

 



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
Pijikarn Tharaporn
เขียนเมื่อ

 

“อ้อแอ้ อาราเล่”

 

 

                โอ๊ะ โย๊ะ โหยววววววววววววว .....  จากเด็กผู้หญิงช่างพูดคนนึง เติบโตขึ้นมาในครอบครัวปานกลาง ในจังหวัดกรุงเทพฯ ชีวิตของเธอแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย  นอกจากตั้งใจเรียน และมีความสุขกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน  นอกจากการตั้งใจเรียน และมีความสุขกับเพื่อน ๆ ในวัยเดียวกัน พ่อทำงานช่างภาพอิสระ มีสตูดิโอเป็นของตัวเอง รับงานต่อครั้งก็สามารถดูแลครอบครัวเราให้สบายไปได้อีกหลายเดือน แม่เป็นแม่บ้าน ทำกับข้าว ดูแลบ้าน ดูแลลูก 2 คน  มีดิฉันกับน้องชาย ดูไปแล้วครอบครัวเราดูเป็น ครอบครัวที่มีความสุขมาก ๆ ดิฉันเองได้นิสัยรักอิสระจากพ่อมาเยอะ จนบางทีอาจจะเหมือนเป็นคนติสในบางครั้ง โดยทั่วไปแล้ว จะเป็นคนร่าเริง แจ่มใส อัธยาศัยดี เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ไม่ชอบเห็นใครมีความทุกข์ แต่พอถึงเรื่องของตัวเอง แค่มีเรื่องมากระทบจิตใจ ดิฉันจะกลายเป็นอีกคนไปเลย เก็บตัวอยู่เงียบ ๆ คนเดียว ครุ่นคิด วิเคราะห์เพื่อหาทางออก ยิ่งตอนที่ได้ทราบว่า พ่อกับแม่ต้องการแยกกันอยู่ เป็นช่วงที่เศร้าที่สุด ไม่ร่าเริง ไม่พูดกับใคร นิ่ง ซึมไปเลย ถือเป็นช่วงที่ทรมาณที่สุดในชีวิต จนกระทั่งได้มาภูเก็ต เหมือนเป็นการพักรักษาบาดแผลในใจนั้น ทำให้ เรียก “อ้อแอ้” คนเดิมกลับมาได้

               อาราเล่  หุ่นยนต์ที่ DR. สลัมป์ สร้างขึ้น เนื่องจากสร้างหัวขึ้นมาก่อน ทำให้อาราเล่ เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ได้จากทีวี เท่านั้น จากการจ้องมองทีวีทั้งวัน ทำให้อาราเล่สายตาสั้น และต้องสวมแว่นตา อาราเล่ ชอบทำตัวเลียนแบบนักมวยปล้ำในทีวี มีความสามารถพิเศษคือ มีพลังอันแข็งแกร่ง วิ่งเร็ว แต่ด้วยความที่เธอเป็นหุ่นยนต์ ไม่ว่าจะทำอะไรทำให้คนในหมู่บ้าน เดือดร้อนเสมอ  อาราเล่ ชอบเล่นอุนจิ แล้วพูดว่า “จิ้ม จิ้ม จิ้ม” อาราเร่ มีนิสัยร่าเริง อัธยาศัยดี มีน้ำใจ ชอบช่วยเหลือผู้อื่น

               ถ้าจะเปรียบดิฉัน กับ อาราเล่แล้ว ลึก ๆ เรามีความเหมือนกันตรงที่ อัธยาศัยดี มีน้ำใจ สนุกสนาน ร่าเริง ยิ้มง่าย เข้ากับคนอื่นได้ง่าย  ถึงแม้ว่า อาราเล่ จะมีความโหดร้าย ชอบทำลายข้าวของ แต่อาราเล่ก็มีมุมที่น่ารัก สดใส ร่าเริง ส่วนความแตกต่างของดิฉันกับอาราเล่ ถึงแม้ดิฉันจะเป็นคนมีนิสัยดุ ไปบ้าง แต่ก็ไม่ชอบทำลายข้าวของ เมื่อถึงเวลาที่โกรธใครจิง ๆ จะเลี่ยงหายไป ไม่พบเจอคนที่โกรธสักพัก เพื่อรักษาความรู้สึกเอาไว้ แล้วก็ จะหายโกรธไปเอง กลับมาเป็นคนสนุกสนานเหมือนเดิม 

               การที่คนเรา มีอุปนิสัยที่ไม่เหมือนกัน  มาจากการที่แต่ละคนมีการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน ในแต่ละครอบครัว ความแตกต่างทางสังคม และองค์ประกอบรวมอื่น ๆ ที่คอยหล่อหลอมคนเราให้มีความต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น ฐานะ การศึกษา สังคมรอบด้าน การทำงาน เพื่อนร่วมงาน และอื่น ๆ ที่รายล้อมรอบตัวเรา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในนิสัยของคนทุกคน  ก็ย่อมมีทั้ง ด้านดี และด้านลบ และเราทุกคนก็แสดงออกมาแตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ว่า คนเราจะมีนิสัยแบบไหน สิ่งที่จำเป็นที่จะต้องมีในทุกคนคือ คุณธรรม และความดี ที่สมควรมีมากกว่า ด้านลบ สุดท้ายแล้ว ความดี ก็จะสามารถเอาชนะทุกอย่างได้  สิ่งที่เราควรดำรงเอาไว้ ให้มากที่สุด คือ ความดี ที่มีอยู่ในใจของคนเรานั่นเอง

    น.ส.  พิจิกานต์   ธราพร   เลขที่ 34

     คณะ  นิเทศศาสตร์บัณฑิต

 

 

 

 

              

              



ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท