เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2550 สปสช. มาเยี่ยมเยียน CMU ห้วยขะยุง ที่เป็น CMU tract A เพื่อติดตามความก้าวหน้า การทำงาน PCU ที่มีแพทย์มีส่วนร่วม ว่า 6 เดือนที่ผ่านมา เป็นอย่างไรบ้าง
ผมนำเสนอให้ สปสช. ฟัง เกี่ยวกับ ผลลัพธ์ และผลกระทบที่เกิดขึ้น เมื่อ PCU ได้รับการเอาใจใส่ และได้รับการสนับสนุนให้ทำงาน primary care อย่างจริงจัง ( ชอบประโยคนี้ จริง ๆ ฮะ เพราะมัน ฟังดูดีกว่าการพัฒนา pcu เฉย ๆ ฮะ ตอนหลังจะเล่าให้ฟังว่าทำไม )
การนำเสนอ การทำงานเกี่ยวกับสุขทุกข์ของคน และการพัฒนาระบบบริการ ตามที่ผมรู้สึกชอบ ( รู้สึกจะเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย ไม่ได้ present ที่เขากำหนดให้ present เล้ย ) น่าจะ เสนอ สิ่งที่วัดได้เป็นตัวเลข สถิติ ร่วมกับ สิ่งที่สัมผัสได้เสมอ
เพราะตัวเลขที่วัดได้ จะเป็นตัวช่วยในการตัดสินใจเป็นอย่างดี แต่ สิ่งที่สัมผัสได้ เป็นคุณค่าของงาน |
ส่วนที่ สัมผัสได้เป็นคุณค่าของงาน ผม เอา บันทึกที่ผมบันทึกไว้ใน blog การแพทย์ที่มีหัวใจของความเป็นมนุษย์ ใน G2K นี่แหละครับ ทำเป็น slide present และรวมบันทึกทั้งหมด write เป็น cd ให้สปสช. ไปอ่านต่อ
( อันนี้ต้องสารภาพตามตรง เลยครับ วันแรกที่เข้ามาใน G2K วัตถุประสงค์ ในการบันทึกของผม ต้องการเอามาใช้ประโยชน์เรื่องนี้โดยเฉพาะ เลยครับ แต่ผลที่ตามมากลับ มีค่ามหาศาลกับตัวผม ต้องขอบคุณ G2K จิง ๆ )
**** ผมเคยเสนอ คุณเภสัชเอนก ร.พ. ธาตุพนม ( click ที่นี่ครับ ) ให้บันทึกเรื่องราว ระหว่างทำงาน ไว้ใน BLog บ่อย ๆ วันข้างหน้าเราจะได้ใช้ให้เป็นประโยชน์.ในงานของเราได้แน่นอนครับ ( อันนี้ tacit knowledge นะครับ อยากให้เอาบันทึกไปใช้ให้เป็นประโยชน์ที่สุดครับ ทำให้เวลาเขียน ( เอ้อ! จริง ๆ แล้วมันพิมพ์นี่นา ทำไมเราถึงเรียกว่าเขียนบันทึกได้นะ ) เราจะจินตนาการ เหมือนกำลังเล่าเรื่องให้ สปสช ฟัง อยู่ตรงหน้า เลยทีเดียว อะเย้ย ! )
*****
แรงจูงใจสำคัญ
สิ่งที่ผมเล่าให้ สปสช.ฟัง คือ ผมได้สัมผัสการพัฒนา PCU 2 ช่วง ช่วงแรก ปี 2538-39 มีโครงการวิจัย หารูปแบบการพัฒนา สถานีอนามัย เพื่อเอาผู้ป่วยเบาหวานไปรับบริการที่ สถานีอนามัย โดย อ.วารินชำราบ เป็น อำเภอนำร่อง ( ชื่อไม่ค่อยดีเลยครับ เพราะตอนหลังแทนที่มันจะนำร่อง มันกลับตกร่อง ไปเสียนี่ ) เป็นโครงการวิจัยของจังหวัดอุบลราชธานี มี มาตรฐาน เท่าที่จะทำได้ ในช่วงนั้น ทั้งผม และสถานีอนามัย ก็รู้แต่ว่าจังหวัดให้ทำก็ทำ
อยู่มา 2 ปี ไม่มีการพูดถึงอีกเลยครับ เพราะโครงการกำหนด 2 ปี มีlสรุปผลวิจัยก็เสร็จแล้ว โครงการเร่งรัด ตามนโยบาย มากมาย สถานีอนามัยก็ต้องไปทำตามนโยบายอื่น ๆ ผมก็เลยต้องให้คนไข้กลับมารักษาที่ ร.พ.ตามเดิมครับ อพยพกันไป อพยพกันมา สิ่งที่ทำก็สนใจเพียงส่งคนไข้ไปรับยาที่ อนามัย ไม่ได้มีการดูแลที่ดีพอเลยครับ บางคนไตเสียหายไป,มาก แล้วยังได้ยากิน metformin chlorpropamide อยู่เลย
รู้สึกไม่ดีเลยครับช่วงนั้น รู้สึกเหมือนคนไข้เป็นเพียง ผู้ถูกทดลองทำดูแล้วก็ถูกทิ้งไป เฉย ๆ ในใจก็คิด อยากชดเชยสิ่งที่ทำเอาไว้กับคนไข้ของเรา ฮือ ๆ
ระหว่างนั้น ผมเริ่มสัมผัสคนไข้และญาติมากขึ้น เริ่มเห็นอะไรบางอย่างเป็นอย่างเนี้ยครับ
ลุง ป้า ที่เห็น ต้องมารับยาเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ทุกเดือน หรือ 2 เดือน เพื่อ เจอหมอ ตั้ง 3- 5 นาที
ป้า 2 คนนี่ ต้องฉีด insulin ( ภาพ ณ. ใต้ถุน pcu หนองกินเพล )
ผมถามนักศึกษาพยาบาลที่มาฝึกงาน ที่ pcu ว่าเห็นอย่างนี้แล้วคิดอย่างไร ? บางคนบอกว่า สงสาร ผมบอกใช่ แต่ในฐานะของเรา ต้องทำได้มากกว่า สงสาร เราต้องคิดต่อว่า แล้ว คนไข้เรา เขาจะอยู่ จะมาอย่างไร จะกินยา จะฉีดยา จะรักษาตัวเองอย่างไร ญาติ ๆเขาจะทำอย่างไร ?
นักศึกษาก็บอก น่านนะซี
แค่เริ่มต้นด้วยคิดว่า เขาจะอยู่ จะกิน จะไป จะมา อย่างไร ก็มีเรื่องราวอีกมากมายที่จะเกิดต่อมา |
ออกจาก OPD รพ.ไป จะเป็นอย่างไร ?
ได้แต้ wait and see ( ตามภาษาคนเล่นหุ้น ถ้ายังไม่มีโอกาส ก็แล้วไป แต่ถ้าเห็นโอกาสเมื่อไหร่ ไม่พลาด )
ปี 2544 มีโครงการปรับเปลี่ยน จากสถานีอนามัย เป็น PCU ผมอ่านเรื่องราว บริบทการทำงาน ของ PCU แล้ว ใช่เลย
( YES ! ) นี่คือโอกาสของ คนไข้ของผมแล้ว
ปี่ 2544 - 2545 ผมเริ่มสัมผัสกับ pcu อีกครั้ง
เริ่มจัดบริการ คลินิกสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด ที่ PCU ใหม่ 6 แห่ง คราวนี้ผมไม่สนใจใช้คำว่า โครงการอีกเลย ผมให้ความสำคัญกับ คำว่า ระบบบริการ มากกว่า ไม่ของบประมาณ ไม่เขียนว่าจะทำกี่ปี เอาใจใส่ และอดทน ต่อการจัดระบบบริการ มากขึ้น มีคุณค่าและจุดมุ่งหมายในใจ ที่ชัดเจนว่าเราทำไปทำไม ต่างกับคราวก่อนโดยสิ้นเชิง ! ทำมาถึงวันนี้ เกือบ 6 ปีแล้ว จาก 6 แห่ง เป็น 27 แห่ง ค่อย ๆ ต่อค่อย ๆ เติม ไม่จำกัดด้วยห้วงของเวลา และเงิน รวมทั้ง นโยบายเฉพาะกิจต่าง ๆ
ตอนต่อไป ๆ จะเล่าว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง เมื่อเราเอาใจใส่ และเห็น ถึงคุณค่า ในงาน PCU นอกเหนือจาก ที่เคยเล่าไว้ใน บันทึกที่ผ่านมา
วันนี้เริ่มง่วงแล้วง่ะ
สิ่งที่เราได้เรียนรู้
1. งานบริการสุขภาพ เป็นงานที่ต่อเนื่อง ต้องค่อย ๆ ต่อ ค่อย ๆ เติม งานของเราคือ พัฒนาระบบริการ ไม่ควรจำกัดด้วยห้วงของเวลา และ เงิน เป็นโครงการ ครั้ง ๆ ไป
แต่ควรเป็นการพัฒนาระบบบริการ ที่ทำต่อเนื่องให้ดีขึ้น ไปเรื่อย ๆ วันนี้ คลินิกสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดที่ ร.พ.วาริน ทำต่อเนื่องมา 12 ปีแล้ว ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็ คง ค่อย ๆ ต่อเติมไปอีกเรื่อย ๆ
งานที่ pcu ก็ 6 ปี มาแล้ว ก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วก็คงทำให้ดีไปอีก ผมไม่เคยเห็นใครเขียนโครงการ 12 ปี หรือ โครงการ 6 ปี มาก่อนเลย ผมเชื่อว่าถ้างานพื้นฐานดี เราจะต่อเติมอย่างไรในวันข้างหน้าก็ได้
2. จุดมุ่งหมายในใจ รู้ว่าเรากำลังทำอะไร จะไปที่ไหน ที่สำคัญมันมีคุณค่าเพียงพอหรือไม่ เป็นตัวกำหนดความสำเร็จตัวแรก ของงาน
ช่วงที่ผมทำงาน ปี 2538-39 ทำงานตามที่เขาบอกให้ทำครับ คุณค่าที่มองเห็นน้อย มาก ไม่มีจุดมุ่งหมายในใจ ไม่รู้ว่าคนไข้จะได้อะไร ไม่รู้ว่าคนทำจะได้อะไร ( ก็เขาบอกว่ามันเป็น วิจัยนำร่อง มีความสำคัญแค่ 1-2 ปี ) เรามองที่ผลการวิจัย แต่เราไม่ได้มองถึง คนไข้กับญาติเลย ( ใช้คำว่าเรา ก็เพราะ ผมคือ คนหนึ่งที่ร่วมทำโครงการนี้ ) เมื่อผลการวิจัยออกมา สรุปได้ก็จบ เป็นบทเรียน ที่ทำให้ผมเข้าใจ ความแตกต่างระหว่าง โครงการ กับ การจัดระบบบริการสุขภาพ ตอนนี้ใครเขียนโครงการเกี่ยวกับ การดูแลผู้ป่วยมาหาผม ผมจะถามว่า คิดว่าจะทำเรื่องนี้ไปสักกี่ปี !
3. pcu สมควรได้รับการสนับสนุน และเอาใจใส่ ให้ทำงาน primary care อย่างจริงจัง ( แสดงว่าทุกวันนี้ ยังไม่ได้รับการสนับสนุน ให้ทำงานหลัก ที่ PCU สมควรทำ ผมมีหลักฐานจะเล่าให้ฟังในตอน ต่อ ๆ ไปครับ )
สวัสดีค่ะคุณหมอจิ้น
ที่คุณหมอมองว่า PCU เป็นระบบ ไม่ใช่โครงการระยะสั้น นั้นดิฉันเห็นด้วยเลยค่ะ ความคิดแบบนี้ดูเหมือนไม่มีอะไร แต่เปลี่ยนแนวความคิดนิดเดียว กลับส่งผลกระทบที่มีคุณค่ามากโดยเฉพาะกับคนไข้
ดิฉันดูรูปคุณป้า 2 คนที่มารอรับ insulin แล้ว ดูมีความสุขมากเลยค่ะ น่าจะเป็นผลที่เกิดจาก "care" ของแพทย์และพยาบาลนะคะ คำว่า care นี้ไม่ได้รักษาแต่กาย แต่รักษาใจด้วย ดีจังค่ะ
สวัสดีครับคุณหมอจิ้น
ผมชอบใจจังและชื่นชมที่คุณหมอที่พัฒนาระบบบริการแบบค่อยเป็นค่อยไปโดยไม่ต้องรอเงินสนับสนุนจากโครงการฯ น่าดีใจแทนชาวบ้านนะครับ
คนสมัยนี้ไม่ทำงาน(ใส่เกียร์ว่าง)แล้วชอบอ้างว่ากำลังรอเงินจากโครงการ หรือไม่ก็โครงการไม่ได้รับการอนุมัติ
อีกคำที่ชอบคือ"เราน่าจะทำอะไรได้ดีกว่าสงสาร" เพราะผมรู้สึกเป็น"การสงสารแล้วไม่ทำอะไร"เป็นการกระทำที่ง่ายเกินไป เหมือนกับม็อบต่างๆที่สวมเสื้อเหลือง"เรารักในหลวง" แต่ออกมาทำให้บ้านเมืองวุ่นวายอยู่ในขณะนี้
ผมอ่านเรื่องเล่าของคุณหมอจิ้น แล้วมีความสุขทุกครั้งครับ มันแฝงด้วยมุมมองของคนที่ทำงานอย่างมีความสุข ซึ่งผลมาจากการใช้ใจดูแลผู้ป่วย
ขอบคุณครับ
-ขอปรบมือดังๆให้ อาจารย์หมอจิ้นค่ะ
ยอดเยี่ยมทุกบล็อก อาจารย์ ตั้งใจ เขียน และเขียนสื่อดีมาก
อาจารย์ มีพรสวรรค์ทางจูงใจคนอ่านจริงเลยค่ะ
โรจน์ เมื่อ ส |
ก็เหมือน ชื่อ blog ของโรจน์นั่นแหละครับ รัก primary care
พญ รวิวรรณ หาญสุทธิเวชกุล เมื่อ อา. 03 มิ.ย. 2550 @ 19 |
ได้ยินเสียงปรบมือ มาถึงอุบลเลยครับ ขอบคุณครับพี่