เมื่อเช้า นั่งรถรับ-ส่งของมหาวิทยาลัยมาทำงานตามปกติ แต่วันนี้เหมือนมีกรรม นั่งเบาะ 3 คนและปกติจะมีคนนั่งด้วยอีกแค่คนเดียว เป็นพี่สนิท แต่วันนี้พี่เขาช้าไปนิดเลยขึ้นรถมาทีหลัง เป็นเหตุให้น้องสนิทต้องทุรนทุรายกับอาการแพ้น้ำหอมจากเครื่องสำอางค์ของคนข้างเคียง (เขาไม่ได้แต่งตัวมากมายแต่นั่นน่าจะเป็นกลิ่นน้ำหอมจากแป้งทาหน้า) ที่บังเอิญมานั่งชิดติดตัวเพราะเบาะนี้นั่ง 3 คน อาการเริ่มจากแค่หาวน้ำตาไหลในตอนแรกๆ แต่อาการปวดหัวที่ตามมานี่สิสุดทน เลยต้องยอมเสียมารยาทดึงผ้าเช็ดหน้ามาปิดจมูกด้วยความเกรงใจเพื่อนร่วมทางอย่างยิ่ง
ก่อนหน้านี้ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ จะพยายามรักษามารยาทกับคนข้างๆ เพื่อไม่ให้เขารู้สึกว่าเรารังเกียจ (ด้วยความสัตย์ ไม่ได้รังเกียจนะ แต่ต้องการลดอาการแพ้ที่ทรมาน) และที่คิดเสมอๆ คือ ไม่ใช่ความผิดของเขา ใครจะรู้ได้ว่า ยัยคนที่นั่งข้างๆ จะแพ้กลิ่นน้ำหอมสุดโปรดของเรา ใครจะรู้ว่ายัยคนนี้อีกนั่นแหล่ะแพ้กลิ่นอาหารสุดอร่อยของเรา แต่คนที่เอาทุเรียนขึ้นรถปรับอากาศนี่ดิฉันถือว่า ใจร้ายที่สุดในโลกเลย รังเกียจค่ะ
จากประสบการณ์หลายๆ ครั้งเข้าก็ได้บทสรุปว่า นั่งห่างๆ คนอื่นเอาไว้ ไม่จำเป็นจะไม่เข้าไปในที่ๆ คนเยอะๆ และลุกหนีไม่ได้ เลี่ยงเข้าใกล้คนที่แต่งตัวมากๆ ไว้ก่อนเพราะแนวโน้มที่เขาจะชอบใส่น้ำหอมมีสูงมาก และข้อสรุปสุดท้าย พกผ้าเช็ดหน้า ดิฉันจึงมีผ้าเช็ดหน้าติดตัวเสมอๆ ถือว่าเตรียมตัวไว้ก่อน เจอเมื่อไหร่ดึงออกมาได้ทันที กำลังคิดว่าจะซื้อที่ปิดปากปิดจมูกแบบคุณหมอใช้มาพกแทนน่าจะดี ก็เราควบคุมคนอื่นไม่ได้ เราก็ต้องป้องกันตนเอง
นี่ขนาดเตรียมรับสถานการณ์แล้วนะ กว่าจะหายปวดหัวก็สายมากแล้ว เฮ้อ กรรมจริงๆ กรรมของคนขี้แพ้