หลักข้อเชื่อพื้นฐาน


พระคริสต์ธรรมคัมภีร์


เราเชื่อว่าพระคัมภีร์ทุกตอนทั้งในพันธสัญญาเดิม และพันธสัญญาใหม่  พระเจ้าได้ดลใจให้มนุษย์เป็นผู้เขียนขึ้นมาโดยปราศจากข้อผิดพลาด พระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า เป็นมาตรฐานของความเชื่อและความจริงแท้ในทุกๆด้านของชีวิตสำหรับผู้ที่เชื่อ

พระคัมภีร์คือการสำแดงฝ่ายวิญญาณที่พระเจ้าเป็นผู้ประทานและมนุษย์เป็นผู้รับ ดังนั้นพระคัมภีร์จึงเป็นการสำแดงที่พระเจ้ามาดลใจมนุษย์และจะไม่มีวันร่วงโรยไป พระคัมภีร์เป็นสิทธิอำนาจสูงสุดในเรื่องของความเชื่อและคุณธรรม พระวจนะพระเจ้าเป็นการสำแดงโดยตรงถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ทุกคนและทุกเวลา เราเชื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นผู้ดลใจมนุษย์ในการเขียนพระวจนะทุกคำและทุกความคิดที่พระองค์ต้องการให้ปรากฎในพระคัมภีร์ โดยผ่านทางบุคลิกภาพ ลักษณะ และอารมณ์ของผู้เขียน พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงปกป้องและสงวนทุกความคิด ทุกข้อความ และทุกถ้อยคำให้ปราศจากความผิดพลาด การตัดทอน และความไม่ถูกต้อง

  • 2 ทิโมธี 3:16-1716พระคัมภีร์ ทุกตอนได้รับการดลใจจากพระเจ้า และเป็นประโยชน์ในการสอน การตักเตือนว่ากล่าว การปรับปรุงแก้ไขคนให้ดี และการอบรมในทางธรรม 17เพื่อคนของพระเจ้าจะพรักพร้อมที่จะกระทำการดีทุกอย่าง
  • ฮีบรู 4:12 12เพราะว่า พระวจนะของพระเจ้านั้นไม่ตายและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ คมยิ่งกว่าดาบสองคมใดๆ แทงทะลุกระทั่งจิตและวิญญาณ ตลอดข้อกระดูกและไขในกระดูก และสามารถวินิจฉัยความคิดและความมุ่งหมายในใจด้วย
  • อพยพ 24:4 4โมเสสจึงจารึกพระวจนะของพระเจ้าไว้ทุกคำ แล้วตื่นขึ้นแต่เช้าจัดแจงสร้างแท่นบูชาขึ้นที่เชิงภูเขา ปักเสาหินขึ้นสิบสองก้อนตามจำนวนเผ่าทั้งสิบสอง ของอิสราเอล
  • 2 เปโตร 3:2 2เพื่อท่านทั้งหลายจะได้จดจำถ้อยคำทั้งหลาย ที่พวกผู้เผยพระวจนะบริสุทธิ์ได้กล่าวไว้เมื่อก่อน และพระบัญญัติขององค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดโดยบรรดาอัครทูต

พระเจ้าเที่ยงแท้


เราเชื่อในพระเจ้าเที่ยงแท้แต่เพียงผู้เดียวผู้ซึ่งเป็นอมตะ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งทุกอย่าง พระเจ้าของเราได้เปิดเผยพระองค์ในพระคัมภีร์ในลักษณะตรีเอกานุภาพ พระองค์ได้สำแดงพระองค์เองในฐานะพระเจ้าองค์เดียว ที่ปรากฏใน 3 พระภาค คือ พระบิดา พระบุตร และ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ตรีเอกานุภาพของพระเจ้านั้นมีความแตกต่างกัน แต่ไม่สามารถแยกจากกันได้ ซึ่งต่างก็เป็นอมตะ และต่างปรากฏอยู่ และมีความเสมอภาคกัน ทางธรรมชาติ ทางเอกลักษณ์ ทางฤทธานุภาพและพระสิริ พระเจ้าเป็นพระเจ้าองค์เดียวที่ไม่สามารถแยกได้และไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ก็มี 3 เอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน พระเจ้าพระบิดา พระเจ้าพระบุตร และพระเจ้าพระวิญญาณบริสุทธิ์ แต่ละพระภาคในตรีเอกานุภาพนั้นเท่าเทียมกัน เพียงแค่มีบทบาทที่แตกต่างกันออกไป แต่ทำงานร่วมกันเพื่อช่วยนำมนุษย์ออกจากความบาปเพื่อมารับความรอด โดยการสอน การเทศนา และการดำเนินชีวิต ให้เป็นแบบอย่าง สำหรับการประกาศข่าวประเสริฐของพระเจ้า

  • เฉลยธรรมบัญญัติ 6:4 4“โอคนอิสราเอลจงฟังเถิดพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเราทั้งหลายเป็นพระเจ้าเดียว
  • อิสยาห์ 48:16 16จงเข้ามาใกล้เราฟังเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มต้นเรามิได้พูดในที่ลี้ลับตั้งแต่มันเกิดมาเราก็ได้อยู่ที่นั่นแล้ว”
    และบัดนี้พระเจ้าได้ทรงใช้ข้าพเจ้า และพระวิญญาณของพระองค์
      
  • มัทธิว 28:19 19เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
  • เอเฟซัส 4:4-6 4มีกายเดียวและมีพระวิญญาณองค์เดียว เหมือนมีความหวังใจอันเดียวที่เนื่องในการที่ทรงเรียกท่าน 5มีองค์พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียว ความเชื่อเดียว บัพติศมาเดียว 6พระเจ้าองค์เดียวผู้เป็นพระบิดาของคนทั้งปวง ผู้ทรงอยู่เหนือคนทั้งปวง และทั่วคนทั้งปวง และในคนทั้งปวง  

 

ความเป็นพระเจ้าของพระเยซูคริสต์

    เราเชื่อในพระเยซูผู้ซึ่งเป็นพระบุตรของพระเจ้า ผู้ถือกำเนิดอย่างเหนือธรรมชาติโดยฤทธิเดชของพระวิญญาณบริสุทธิ์โดยนางมารีย์ผู้เป็นหญิงพรหมจรรย์ เมื่ออยู่บนโลก พระองค์ทรงเป็นทั้งพระเจ้า100% และมนุษย์100%ในเวลาเดียวกัน และทรงปราศจากบาป พระองค์ทรงถูกตรึงกางเขนเพื่อช่วยมนุษย์จากบาปทั้งปวง และพระองค์ทรงฟื้นขึ้นจากความตายในวันที่สาม เพื่อน้ำพระทัยของพระบิดาในการประทานความรอดบาปให้กับผู้ที่เชื่อพระองค์จะสำเร็จ พระองค์ทรงเสด็จขึ้นสู่สวรรค์และประทับอยู่ที่พระหัตถ์ขวาของพระบิดา และวันหนึ่งในอนาคตพระองค์จะเสด็จลงมาบนโลกอีกเป็นครั้งที่สองเพื่อจะทรงสถาปนาอาณาจักรของพระองค์

    พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า ทรงเป็นสมาชิกลำดับที่สองของตรีเอกานุภาพ พระองค์ทรงดำรงอยู่พร้อมกับพระบิดาและพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระองค์ทรงมาประสูติอย่างบริสุทธิ์จากหญิงพรหมจรรย์ แม้ว่าพระเยซูมาบังเกิดในสภาพมนุษย์ แต่พระองค์ก็ทรงสำแดงพระองค์ในฐานะพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ปราศจากบาป และทรงความสมบูรณ์ พระองค์ถูกตรึงบนการเขน ถูกฝัง ทรงฟื้นคืนพระชนม์และเสด็จไปสวรรค์โดยเปี่ยมด้วยพระสิริ และพระองค์จะเสด็จลงมายังโลกนี้อีกเป็นครั้งที่ 2

พระเยซูทรงทำหน้าที่เป็นคนกลางระหว่างพระเจ้าและมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์ เนื่องจากพระองค์เป็นพระเจ้าที่สมบูรณ์และเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ พระองค์มีความเป็นพระเจ้าเช่นเดียวกับพระบิดา แต่ยังทรงรับสภาพมนุษย์เช่นเดียวกับเราด้วย พระองค์ทรงความสมบูรณ์ทั้งในความเป็นพระเจ้าและในความเป็นมนุษย์

  • โคโลสี1:15-19 15พระองค์ทรงเป็นพระฉายของพระเจ้า ผู้ซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ทรงเป็นบุตรหัวปีเหนือสรรพสิ่งทั้งปวง 16เพราะว่าในพระองค์สรรพสิ่งได้ถูกสร้างขึ้น ทั้งในท้องฟ้าและที่แผ่นดินโลก สิ่งซึ่งประจักษ์แก่ตาและซึ่งไม่ประจักษ์แก่ตา ไม่ว่าจะเป็นเทวบัลลังก์ หรือเป็นเทพอาณาจักร หรือเป็นเทพผู้ครองหรือศักดิเทพ สรรพสิ่งทั้งสิ้นถูกสร้างขึ้น โดยพระองค์และเพื่อพระองค์ 17พระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนสรรพสิ่งทั้งปวง และสรรพสิ่งทั้งปวงเป็นระเบียบอยู่โดยพระองค์ 18พระองค์ทรงเป็นศีรษะของกาย คือคริสตจักร พระองค์ทรงเป็นปฐม เป็นผู้แรกที่ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อพระองค์จะได้ทรงเป็นเอกในสรรพสิ่งทั้งปวง 19เพราะว่าพระเจ้าทรงพอพระทัย ที่จะให้ความบริบูรณ์ทั้งสิ้นธำรงในพระองค์
  • ฟิลิปปี 2:5-8 5ท่านจงมีน้ำใจต่อกันเหมือนอย่างที่มีในพระเยซูคริสต์ 6ผู้ทรงสภาพของพระเจ้า แต่มิได้ทรงถือว่าการเท่าเทียมกับพระเจ้านั้นเป็นสิ่งที่จะต้องยึดถือ 7แต่ได้กลับทรงสละและทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์8และเมื่อทรงปรากฏพระองค์ในสภาพมนุษย์แล้ว พระองค์ก็ทรงถ่อมพระองค์ลงยอมเชื่อฟังจนถึงความมรณา กระทั่งความมรณาที่กางเขน
  • 1 ทิโมธี 2:5-6 5แต่จุดประสงค์แห่งคำกำชับนั้นก็คือ ให้มีความรักซึ่งเกิดจากใจอันบริสุทธิ์ และจากจิตสำนึกว่าตนชอบ และจากความเชื่ออันจริงใจ 6บางคนก็ได้ผิดจุดประสงค์ เลี่ยงไปจากสิ่งเหล่านี้ หลงไปในทางพูดเหลวไหล
  • ยอห์น 1:1-3 1ในปฐมกาลพระวาทะดำรงอยู่ และพระวาทะทรงสถิตอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า 2ในปฐมกาลพระองค์ทรงดำรงอยู่กับพระเจ้า 3พระเจ้าทรงสร้างสิ่งทั้งปวงขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นมานั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่ได้เป็นมานอกเหนือพระวาทะ
  • ยอห์น 1:14-18 14พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง เราทั้งหลายได้เห็นพระสิริของพระองค์ คือพระสิริอันสมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา15ยอห์นได้เป็นพยานให้แก่พระองค์ และร้องประกาศว่า “นี่แหละคือพระองค์ผู้ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงว่า พระองค์ผู้เสด็จมาภายหลังข้าพเจ้าทรงเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า” 16และเราทั้งหลายได้รับจากความบริบูรณ์ของพระองค์ เป็นพระคุณซ้อนพระคุณ17เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงประทานธรรมบัญญัตินั้นทางโมเสส  ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์ 18ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย พระบุตรองค์เดียวผู้ทรงสถิตอยู่ในพระทรวงของพระบิดา พระองค์ได้ทรงสำแดงพระเจ้าแล้ว

 

พระวิญญาณบริสุทธิ์และการบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์

เราเชื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงเป็นพระเจ้า ผู้ซึ่งช่วยนำมนุษย์สำนึกและกลับใจจากบาป และทำให้มนุษย์บังเกิดใหม่ พระองค์สถิตอยู่ในผู้ที่เชื่อเพื่อจะนำมนุษย์ในการดำเนินชีวิตที่บริสุทธิ์ นอกจากนี้ พระองค์ยังช่วยให้ผู้เชื่อดำเนินชีวิตที่เชื่อฟังน้ำพระทัยพระเจ้า และช่วยในการรับใช้ในพระกายของพระคริสต์ตามของประทานที่พระองค์ทรงมอบให้ผู้เชื่อแต่ละคน

เราเชื่อว่าของประทานฝ่ายพระวิญญาณในพระคัมภีร์นั้นยังคงมีการใช้ในคริสตจักรจนถึงปัจจุบันนี้ และควรจะได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยเสริมสร้างพระกายหรือคริสตจักร ซึ่งหมายถึงผู้เชื่อทุกคน การบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นประสบการณ์ที่แตกต่างจากประสบการณ์การบังเกิดใหม่ โดยจะเป็นการประทานฤทธิ์เดชให้กับคริสเตียนในการเป็นพยาน หมายสำคัญของการบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ คือ การพูดภาษาแปลกๆ การบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์และการบัพติศมาด้วยไฟเป็นของประทานจากพระเจ้า เป็นพระสัญญาที่พระเยซูคริสต์เจ้าได้ให้ไว้แก่ผู้เชื่อทุกคนว่า เราจะได้รับหลังจากที่เราได้ต้อนรับพระองค์มาเป็นพระเจ้าพระผู้ช่วยให้รอด (การบังเกิดใหม่) หมายสำคัญการพูดภาษาแปลกๆ และการสำแดงอื่นๆตามที่ปรากฏในหนังสือกิจการบทที่ 2 จะเกิดขึ้นเมื่อเรารับบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์ จุดประสงค์ของการบัพติศมาในพระวิญญาณบริสุทธิ์คือเพื่อให้เราผู้เชื่อได้มีฤทธิ์เดชในการประกาศและเป็นพยาน

ในการดำเนินชีวิตคริสเตียน ผู้เชื่อทุกคนจะต้องมีชีวิตที่เชื่อฟังพระคริสต์ และอยู่ภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์ คริสเตียนควรจะมีการเต็มล้นในพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่เสมอ

พระวิญญาณบริสุทธิ์เป็นพระภาคที่สามในพระตรีเอกานุภาพ พระวิญญาณบริสุทธิ์ มีฐานะเท่าเทียม เป็นอมตะและทรงพระชนม์อยู่ เช่นเดียวกับพระบิดาและพระบุตร ราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์ในโลกคือนำมนุษย์ให้สำนึกและกลับใจจากบาปและดำเนินชีวิตตามน้ำพระทัยของพระเจ้า นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นผู้เล้าโลมใจเรา อธิษฐานเผื่อเรา สนับสนุนเรา ทรงเสริมกำลังเราและทรงอยู่เคียงข้างสมาชิกทุกคนของคริสตจักร

  • มัทธิว 3:11 11เราให้เจ้าทั้งหลายรับบัพติศมาด้วยน้ำ แสดงว่ากลับใจใหม่ก็จริง แต่พระองค์ผู้จะมาภายหลังเรา ทรงมีอิทธิฤทธิ์ยิ่งกว่าเราอีก ซึ่งเราไม่คู่ควรแม้จะถอดฉลองพระบาทของพระองค์ พระองค์จะทรงให้เจ้าทั้งหลาย รับบัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์และด้วยไฟ
  • ยอห์น 14:16-17 16เราจะทูลขอพระบิดา และพระองค์จะประทานผู้ช่วยอีกผู้หนึ่งให้แก่ท่าน เพื่อจะได้อยู่กับท่านตลอดไป 17คือพระวิญญาณแห่งความจริง ซึ่งโลกรับไว้ไม่ได้ เพราะแลไม่เห็นและไม่รู้จักพระองค์ ท่านทั้งหลายรู้จักพระองค์ เพราะพระองค์ทรงสถิตอยู่กับท่าน และจะประทับอยู่ในท่าน  
  • กิจการ 1:8 8แต่ท่านทั้งหลายจะได้รับพระราชทานฤทธิ์เดชเมื่อพระวิญญาณบริสุทธิ์จะเสด็จมาเหนือท่าน และท่านทั้งหลายจะเป็นพยานฝ่ายเราในกรุงเยรูซาเล็ม ทั่วแคว้นยูเดีย แคว้นสะมาเรีย และจนถึงที่สุดปลายแผ่นดินโลก”
  • กิจการ 2

 

ทูตสวรรค์และมาร

เราเชื่อว่าพระเจ้าทรงสร้างทูตสวรรค์ขึ้นมามากมาย ทูตสวรรค์เหล่านี้ได้ถูกสร้างขึ้นโดยปราศจากความบาป แต่ลูซิเฟอร์ (ทูตสวรรค์ตนหนึ่ง) ได้จงใจกระทำความผิดบาปจึงได้ถูกเรียกว่า “ซาตาน” ทูตสวรรค์ (ประมาณ 1 ใน 3) ได้ติดตามซาตานและได้กลายเป็นทูตสวรรค์ที่ร่วงหล่นไปในที่สุด

มารซาตานได้ปกครองโลกแห่งความบาปนี้ อย่างไรก็ตามมารไม่มีฤทธิอำนาจเหนือกว่าพระเจ้าหรือเราผู้ที่เชื่อในพระองค์ มารซาตานได้พยายามทำลายแผนการของพระเจ้าและชีวิตของเรา โดยการพยายามมีอิทธิพลต่อเราและล่อลวงให้เราตัดสินใจผิดพลาดหรือกระทำบาปต่อพระเจ้า

  •  อิสยาห์ 14:12 12โอ ดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าร่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วสิ เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้บรรดาประชาชนตกต่ำน่ะ
  •  สดุดี 104:4 4ผู้ทรงใช้ลมเป็นทูตสื่อสารของพระองค์ ไฟและเปลวเป็นผู้รับใช้ของพระองค์  

มนุษย์

 

เราเชื่อว่ามนุษย์คู่แรกที่ถือกำเนิดขึ้นมานั้นถูกสร้างขึ้นในสภาพที่ปราศจากบาป แต่มนุษย์ก็เลือกตัดสินใจทำบาปโดยการไม่เชื่อฟังพระเจ้า จึงเป็นเหตุให้มนุษย์ต้องตกอยู่ภายใต้อำนาจของความบาป ด้วยเหตุนี้มนุษย์ทุกคนจึงจำเป็นต้องได้รับความรอด โดยการยอมรับว่าพระเยซูคริสต์ทรงมาตายเพื่อรับโทษบาปแทนมนุษย์ หากปราศจากความรอดที่พระองค์ทรงประทานให้ มนุษย์จะต้องได้รับความทุกข์ทรมานอยู่ในนรกบึงไฟอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

  • โรม 3:23 23 เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า
  • ปฐมกาล 1:26-27 26แล้วพระเจ้าตรัสว่า “ให้เราสร้างมนุษย์ตามฉายาตามอย่างของเรา ให้ครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศและฝูงสัตว์ ให้ปกครองแผ่นดินทั่วไป และสัตว์ต่างๆที่เลื้อยคลานบนแผ่นดิน” 27พระเจ้าจึงทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามพระฉายาของพระองค์ ตามพระฉายาของพระเจ้านั้น พระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้น และได้ทรงสร้างให้เป็นชายและหญิง

 

การไถ่บาปของมนุษย์

มนุษย์ทั้งชายและหญิงได้ถูกสร้างขึ้นในพระลักษณะและพระฉายของพระเจ้า แต่ด้วยการไม่เชื่อฟังและล้มลงในบาปของอาดัมทำให้ความบาปได้เข้ามายังโลกและได้ตกทอดไปสู่มนุษย์ทุกรุ่น พระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้าได้ทรงเสด็จมาเพื่อทำลายกิจการของมารซาตานและประทานชีวิตของพระองค์แก่มนุษย์ และโดยพระโลหิตของพระองค์ที่หลั่งออกเพื่อชำระความบาป มนุษย์จึงได้กลับมามีความสัมพันธ์กับพระเจ้าอีกครั้ง

เราเชื่อว่ามนุษย์จะได้รับความรอดก็ต่อเมื่อเขามีความเชื่อและไว้วางใจในพระเยซูคริสต์ และยอมรับว่าพระองค์ทรงมาตายไถ่บาปเพื่อช่วยให้เรารอดพ้นจากบาปโดยทางพระโลหิตของพระองค์ การรอดนั้นเรารอดโดยเพราะพระคุณของพระเจ้าไม่ใช่โดยการกระทำของเรา การสารภาพบาปด้วยความจริงใจ ความเชื่อ และความไว้วางใจในพระคริสต์ จะนำมนุษย์ไปสู่การกลับใจจากบาป และเมื่อเรากลับใจและได้รับความรอดเราจะกลายเป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ในพระคริสต์ และค่อยๆได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่ให้เป็นเหมือนพระเยซูคริสต์มากขึ้น

    ความรอดนั้นเปรียบเสมือนของขวัญที่พระเจ้าได้ประทานให้เราโดยที่เราไม่ต้องจ่ายราคา มิใช่ได้มาโดยการทำความดีและเชื่อฟังธรรมบัญญัติพระองค์เท่านั้น แต่ได้มาโดยพระคุณพระเจ้าซึ่งประทานให้แก่เราผ่านทางความเชื่อในพระเยซูคริสต์ การได้รับความรอดนั้นจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเราสารภาพด้วยปากว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระเจ้า และเชื่อด้วยใจว่าพระองค์ได้ฟื้นคืนพระชนม์แล้ว

  • โรม 5:12-2112เหตุฉะนั้น เช่นเดียวกับที่บาปได้เข้ามาในโลกเพราะคนๆเดียว และความตายก็เกิดมาเพราะบาปนั้น และความตายก็ได้แผ่ไปถึงมวลมนุษย์ทุกคน เพราะมนุษย์ทุกคนทำบาป 13ความจริงบาปได้มีอยู่ในโลกแล้วก่อนมีธรรมบัญญัติ แต่ที่ใดไม่มีธรรมบัญญัติก็ไม่ถือว่ามีบาป 14อย่างไรก็ตาม ความตายก็ได้ครอบงำตลอดมา ตั้งแต่อาดัมจนถึงโมเสส แม้คนที่มิได้ทำบาปอย่างเดียวกับการละเมิดของอาดัม ผู้ซึ่งเป็นแบบของผู้ที่จะเสด็จมาภายหลัง 15แต่ของประทานแห่งพระคุณนั้นหาเป็นเช่นความละเมิดนั้นไม่ เพราะว่าถ้าคนเป็นอันมากต้องตายเพราะการละเมิดของคนๆเดียว มากยิ่งกว่านั้น พระคุณของพระเจ้าและของประทานโดยพระคุณของพระองค์ผู้เดียวนั้น คือพระเยซูคริสต์ ก็มีบริบูรณ์แก่คนเป็นอันมาก 16และของประทานนั้นก็ไม่เหมือนกับผล ซึ่งเกิดจากบาปของคนนั้นคนเดียว เพราะว่าการพิพากษาที่เกิดขึ้นเนื่องจากการละเมิดเพียงครั้งเดียวนั้น ได้นำไปสู่การลงโทษ แต่ของประทานจากพระเจ้าภายหลังการละเมิดหลายครั้งนั้น นำไปสู่ความชอบธรรม 17เพราะว่าถ้าโดยการละเมิดของคนนั้นคนเดียว เป็นเหตุให้ความตายครอบงำอยู่โดยคนนั้นคนเดียว มากยิ่งกว่านั้นคนทั้งหลายที่รับพระกรุณาอันไพบูลย์ และรับของประทานคือความชอบธรรมก็จะดำรงชีวิต และครอบครองโดยพระองค์ผู้เดียว คือพระเยซูคริสต์ 18ฉะนั้นการพิพากษาลงโทษได้มาถึงคนทั้งปวง เพราะการละเมิดครั้งเดียวฉันใด การกระทำอันชอบธรรมครั้งเดียว ก็นำการปลดปล่อยและชีวิตมาถึงทุกคนฉันนั้น 19เพราะว่าคนเป็นอันมากเป็นคนบาป เพราะคนคนเดียวที่มิได้เชื่อฟังฉันใด คนเป็นอันมากก็เป็นคนชอบธรรม เพราะพระองค์ผู้เดียวที่ได้ทรงเชื่อฟังฉันนั้น 20เมื่อมีธรรมบัญญัติ ก็ทำให้มีการละเมิดธรรมบัญญัติปรากฏมากขึ้น แต่ที่ใดมีบาปปรากฏมากขึ้น ที่นั้นพระคุณก็จะไพบูลย์ยิ่งขึ้น 21เพื่อว่าบาปได้ครอบงำ ทำให้ถึงซึ่งความตายฉันใด พระคุณก็ครอบงำด้วยความชอบธรรมให้ถึงซึ่งชีวิตนิรันดร์ โดยทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราฉันนั้น
  • โรม 10:9-10 9คือว่าถ้าท่านจะรับด้วยปากของท่านว่า พระเยซูทรงเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้า และเชื่อในจิตใจว่า พระเจ้าได้ทรงชุบพระองค์ให้เป็นขึ้นมาจากความตาย ท่านจะรอด 10ด้วยว่า ความเชื่อด้วยใจก็นำไปสู่ความชอบธรรม และการยอมรับสัจจะของพระเจ้าด้วยปากก็นำไปสู่ความรอด
  • ยอห์น 3:16-17 16เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์ 17เพราะว่าพระเจ้าทรงให้พระบุตรเข้ามาในโลก มิใช่เพื่อพิพากษาลงโทษโลก แต่เพื่อช่วยกู้โลกให้รอดโดยพระบุตรนั้น
  • 1 ยอห์น 3:8  8ผู้ที่กระทำบาปก็มาจากมาร เพราะว่ามารได้กระทำบาปตั้งแต่เริ่มแรก พระบุตรของพระเจ้าได้เสด็จมาปรากฏก็เพราะเหตุนี้ คือเพื่อทรงทำลายกิจการของมาร

คริสตจักร

            เราเชื่อใน คริสตจักรสากล ซึ่งประกอบด้วยผู้ที่เชื่อวางใจในพระคริสต์ในทุกยุคสมัยรวมเป็นหนึ่งเดียวกันเป็นพระกายของพระคริสต์ ในขณะเดียวกันเราก็เชื่อใน คริสตจักรท้องถิ่น ซึ่งประกอบด้วยผู้เชื่อที่มาพบกันอย่างสม่ำเสมอเพื่อนมัสการพระเจ้า ฟังพระวจนะ สามัคคีธรรม เป็นพยาน รับมหาสนิท อธิษฐาน และทำกิจกรรมด้านต่างๆร่วมกัน ซึ่งคริสเตียนทุกคนควรจะเป็นสมาชิกของคริสตจักรท้องถิ่น

  • มัทธิว 16:18 18ฝ่ายเราบอกท่านว่าท่านคือเปโตรและบนศิลานี้ เราจะสร้างคริสตจักรของเราไว้ และพลังแห่งความตายจะมีชัยต่อคริสตจักรนั้นหามิได้
  • เอเฟซัส 3:10 10ประสงค์จะให้เทพผู้ปกครองและศักดิเทพในสวรรคสถาน รู้จักปัญญาอันซับซ้อนของพระเจ้าทางคริสตจักร ณ บัดนี้

 

การบัพติศมาในน้ำและพิธีมหาสนิท

พระเยซูคริสต์เจ้าผู้ซึ่งเป็นศีรษะของคริสตจักรได้ตั้งพิธีกรรมสองอย่างขึ้นเพื่อให้คริสตจักรของพระองค์ปฏิบัติตาม นั่นคือ การบัพติศมาในน้ำและพิธีมหาสนิท

เราเชื่อว่า การบัพติศมาในน้ำ คือ การจุ่มมิดน้ำ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการตาย การถูกฝัง และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ผู้ที่จะรับการการบัพติศมาในน้ำจะต้องเป็นผู้ที่บังเกิดใหม่ มีความเชื่อในพระเยซูคริสต์ และหันหลังจากความบาปแล้วเท่านั้น การบัพติศมาในน้ำโดยการจุ่มมิด เป็นคำสั่งของพระเจ้า แม้ว่าการทำพิธีนี้จะไม่ได้ช่วยให้เราได้รับความรอด แต่พระเจ้าก็ให้ผู้ที่เชื่อทุกคนรับบัพติศมาในน้ำ พิธีนี้เป็นการแสดงออกภายนอกถึงท่าทีในใจของเรา เป็นสัญลักษณ์การแสดงตัวของผู้ที่เชื่อว่าเขาเชื่อในการสิ้นพระชนม์ การถูกฝัง และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู

พิธีมหาสนิท ก็เป็นอีกคำสั่งหนึ่งของพระเยซูคริสต์ที่คริสเตียนจะต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ จนกว่าพระองค์จะเสด็จกลับมา ผู้ที่เชื่อแล้วเท่านั้นจึงจะสามารถรับพิธีพันธสัญญาแห่งความรักและความเชื่อนี้ได้ เรารับพิธีมหาสนิทโดยการรับประทานชิ้นขนมปังและน้ำองุ่น ชิ้นขนมปังนั้นเปรียบเสมือนพระกายของพระเยซูที่แตกหักเพื่อเราทั้งหลาย ส่วนถ้วยน้ำองุ่นนั้นเปรียบเสมือนพระโลหิตของพระองค์ที่ได้หลั่งออกเพื่อชำระล้างความผิดบาปของมนุษย์ ทั้งสองสิ่งนี้เล็งถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเยซู และพันธสัญญาใหม่ที่ผู้เชื่อทุกคนได้รับ ขณะเดียวกันก็เป็นการประกาศถึงคำพยากรณ์ในการเสด็จกลับมาของพระองค์ เราจึงควรจะรับพิธีมหาสนิทอย่างสม่ำเสมอเมื่อมีผู้เชื่อมาอยู่รวมกัน

  • มัทธิว 28:19 19เหตุฉะนั้นเจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติ ให้เป็นสาวกของเรา ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
  • 1 เปโตร 3:21 21บัดนี้พิธีบัพติศมาก็ช่วยท่านทั้งหลายให้รอดเช่นเดียวกัน มิใช่เป็นการชำระมลทินทางกาย แต่ให้มีจิตสำนึกว่าชอบจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า โดยที่พระเยซูคริสต์ได้ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย
  • ลูกา 22:7-20 7 พอถึงวันกินขนมปังไร้เชื้อ เมื่อเขาต้องฆ่าลูกแกะสำหรับปัสกา 8พระองค์จึงทรงใช้เปโตรและยอห์นไป สั่งเขาว่า “จงไปจัดเตรียมปัสกาให้เราทั้งหลายกิน” 9เขาทูลถามพระองค์ว่า “จะให้ข้าพระองค์จัดเตรียมที่ไหน” 10พระองค์ตรัสตอบเขาว่า “ดูเถิด เมื่อท่านจะเข้าไปในกรุง ก็จะมีชายคนหนึ่งทูนหม้อน้ำมาพบท่าน เขาจะเข้าในเรือนไหน จงตามเขาไปในเรือนนั้น 11จงพูดกับเจ้าของเรือนว่า 'พระอาจารย์ให้ถามท่านว่า “ห้องที่เราจะกินปัสกากับเหล่าสาวกของเราได้นั้นอยู่ที่ไหน” ' 12เจ้าของเรือนจะชี้ให้ท่านเห็นห้องใหญ่ชั้นบนที่ตกแต่งไว้แล้ว ที่นั่นแหละจงจัดเตรียมไว้เถิด” 13เขาทั้งสองจึงไปและพบเหมือนคำที่พระองค์ได้ตรัสแก่เขา แล้วได้จัดเตรียมปัสกาไว้พร้อม 14เมื่อถึงเวลา พระองค์ทรงเอนพระกายเสวยพร้อมกับอัครทูต 15 พระองค์ตรัสกับเขาว่า “เรามีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะกินปัสกานี้กับพวกท่านก่อนเราจะต้องทนทุกข์ทรมาน 16ด้วยเราบอกท่านทั้งหลายว่าเราจะไม่กินปัสกานี้อีก จนกว่าจะสำเร็จความหมายของปัสกานั้นในแผ่นดินของพระเจ้า” 17พระองค์ทรงหยิบถ้วยโมทนาพระคุณแล้วตรัสว่า “จงรับถ้วยนี้แบ่งกันดื่ม 18เพราะเราบอกท่านทั้งหลายว่า เราจะไม่ดื่มน้ำผลแห่งเถาองุ่นต่อไปอีก จนกว่าแผ่นดินของพระเจ้าจะมา” 19พระองค์ทรงหยิบขนมปัง โมทนาพระคุณ แล้วหักส่งให้แก่เขาทั้งหลาย ตรัสว่า “นี่เป็นกายของเรา ซึ่งได้ให้สำหรับท่านทั้งหลาย จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา” 20เมื่อรับประทานแล้ว จึงทรงหยิบถ้วยกระทำเหมือนกันตรัสว่า “ถ้วยนี้ซึ่งเทออกเพื่อท่านทั้งหลายเป็นคำสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา
  • 1โครินธ์ 11:17-30 17ในการให้คำสั่งต่อไปนี้ ข้าพเจ้าชมท่านไม่ได้ คือว่าการประชุมของท่านนั้นมักจะได้ผลเสียมากกว่าผลดี 18ประการแรก ข้าพเจ้าได้ยินว่าเมื่อท่านประชุมคริสตจักรนั้น มีการแตกก๊กแตกเหล่าในพวกท่าน และข้าพเจ้าเชื่อว่า ตามซึ่งได้ยินนั้นคงมีความจริงอยู่บ้าง 19เพราะจะต้องมีการขัดแย้งกันบ้างในพวกท่าน เพื่อคนฝ่ายถูกในพวกท่านจะได้ปรากฏเด่นขึ้น 20เมื่อท่านทั้งหลายประชุมพร้อมกันนั้น จึงไม่เป็นการเลี้ยงขององค์พระผู้เป็นเจ้าได้ 21เพราะว่าเมื่อท่านรับประทาน บ้างก็รับประทานอาหารของตนก่อนคนอื่น บ้างก็ยังหิวอยู่ และบ้างก็เมา 22อะไรกันนี่ ท่านไม่มีเรือนที่จะกินและดื่มหรือ หรือว่าท่านดูหมิ่นคริสตจักรของพระเจ้า และทำให้คนที่ขัดสนได้รับความอับอาย จะให้ข้าพเจ้าว่าอย่างไร จะให้ชมท่านหรือ ในเรื่องนี้ข้าพเจ้าจะไม่ขอชมท่านเลย 23 เพราะว่าเรื่องซึ่งข้าพเจ้าได้มอบไว้กับท่านแล้วนั้น ข้าพเจ้าได้รับจากองค์พระผู้เป็นเจ้า คือในคืนที่เขาอายัดพระเยซูเจ้านั้น พระองค์ทรงหยิบขนมปัง 24ครั้นขอบพระคุณแล้วจึงทรงหัก แล้วตรัสว่า “นี่เป็นกายของเรา ซึ่งให้แก่ท่านทั้งหลาย จงกระทำอย่างนี้ให้เป็นที่ระลึกถึงเรา” 25เมื่อรับประทานแล้ว พระองค์จึงทรงหยิบถ้วยด้วยอาการอย่างเดียวกัน ตรัสว่า “ถ้วยนี้คือพันธสัญญาใหม่ โดยโลหิตของเรา เมื่อท่านดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด จงดื่มเป็นที่ระลึกถึงเรา” 26เพราะว่าเมื่อท่านทั้งหลายกินขนมปังนี้และดื่มจากถ้วยนี้เวลาใด ท่านก็ประกาศการวายพระชนม์ขององค์พระผู้เป็นเจ้า จนกว่าพระองค์จะเสด็จมา 27เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดกินขนมปัง หรือดื่มจากถ้วยขององค์พระผู้เป็นเจ้าอย่างไม่สมควร ผู้นั้นก็ทำผิดต่อพระกายและพระโลหิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า 28ขอให้ทุกคนพิจารณาตนเอง แล้วจึงกินขนมปังและดื่มจากถ้วยนี้ 29เพราะว่าคนที่กินและดื่มโดยมิได้เล็งเห็นพระกายขององค์พระผู้เป็นเจ้า ก็กินและดื่มเป็นเหตุให้ตนเองถูกพิพากษาโทษ 30ด้วยเหตุนี้พวกท่านหลายคนจึงอ่อนกำลังและป่วยไข้ และบ้างก็ล่วงหลับไป

 

การรักษาและการไถ่ด้านอื่นๆ

การสิ้นพระชนม์ การถูกฝัง และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซูคริสต์ ไม่ได้เป็นเพียงการรับประกันว่า เราได้รับการไถ่นิรันดร์จากความบาปแล้วเท่านั้น แต่ยังเป็นการประกันว่าเราได้ถูกไถ่จากความเจ็บป่วย โรคภัยไข้เจ็บ และถูกไถ่จากความยากจนแล้วด้วย

พระเจ้าได้ประทานการเยียวยารักษาให้เราผ่านการไถ่บาปโดยพระโลหิตของพระเยซู การเยียวยารักษาของพระเจ้ามีเพื่อการเจ็บป่วยฝ่ายกายภาพในร่างกายมนุษย์ โดยฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าผ่านรูปแบบและวิธีการต่างๆตามที่ปรากฏในพระคัมภีร์ เราเชื่อว่าเป็นน้ำพระทัยพระเจ้าที่จะรักษาคริสเตียนที่อยู่ในความเจ็บป่วยและโรคภัย  ยกเว้นบางเวลาที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้คนนั้นจากโลกนี้เพื่อไปอยู่กับพระองค์ คริสตจักรต้องปฏิบัติตามพระมหาบัญชาของพระคริสต์ที่จะรักษาคนเจ็บป่วยผ่านการอธิษฐานและการทำพันธกิจต่างๆด้วยฤทธิ์เดชอันอัศจรรย์ของพระเจ้า เราไม่ได้ปฏิเสธการรักษาโดยยารักษาโรคหรือวิธีทางการแพทย์ใดๆ  และเราไม่ได้เชื่อว่าพระเจ้าจะรักษาผู้ที่เจ็บป่วยให้หายขาดอย่างทันทีทันใดทุกครั้ง แต่เราได้เรียนรู้และเข้าใจว่าพระองค์ผู้เปี่ยมด้วยพระปัญญาจะทรงรักษาผู้ป่วยให้หายตามแผนการและน้ำพระทัยของพระองค์

นอกจากนั้น พระเจ้ายังทรงประทานความมั่งคั่งรุ่งเรืองให้แก่เราโดยทางการไถ่ของพระองค์  ความมั่งคั่งที่พระองค์ประทานให้แก่เรานั้นมิใช่แค่เพียงความมั่งคั่งทางการเงินเท่านั้น แต่ยังประทานความมั่งคั่งในฝ่ายจิตวิญญาณด้วย ความมั่งคั่งที่เราได้รับนั้นก็ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ โดยผ่านทางการถวายสิบลด ผ่านการหว่านและการเก็บเกี่ยวสัจจธรรมความจริงของพระเจ้าด้วยพระวจนะของพระองค์

หมายเลขบันทึก: 98072เขียนเมื่อ 23 พฤษภาคม 2007 15:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 01:49 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท